อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 340 โดนยาทั้งคู่
นอกจากหัวหน้ากองธงกล้วยไม้และคนอื่นๆแล้ว จิตใจของพวกเย่จิ่งหานล้วนกระวนกระวายขึ้นมากันหมด
เย่จิ่งหานต่อสู้ดิ้นรนไม่หยุด อยากทำลายกุญแจมือ ไปค้นหากู้ชูหน่วนด้วยตัวเอง
เขาไม่กล้าจินตนาการจริงๆว่า กู้ชูหน่วนประสบกับเรื่องราวอะไรกันแน่ ถึงได้เปล่งเสียงกรีดร้องอันน่าเวทนาดั่งใจจะขาดเช่นนั้นออกมา
เจ้าสำนักชิงตื่นตระหนกยิ่งกว่า ร่างกายของเขาสั่นเทาไม่หยุด ความเร็วใต้เท้าก็เร็วขึ้นเรื่อยๆ
อาหน่วน…….
เจ้าจะเกิดเรื่องไม่ได้
จะต้องรอข้า
หากว่าเจ้าตาย ข้าจะไม่ยกโทษให้เจ้าไปตลอดทุกภพทุกชาติ
เสียงอันน่าเวทนาดังก้องไม่หยุด เจ้าสำนักชิงมาถึงปากปล่องของภูเขาน้ำเต้าที่กู้ชูหน่วนมาเมื่อครู่ บนปากปล่อง มีรอยกรงเล็บแต่ละรอยที่มังกรยักษ์ทิ้งไว้ กรงเล็บลงลึกเข้าไปในพื้นดิน รอยประทับแต่ละรอยลึกกว่าสิบเมตรเต็มๆ ซึ่งสามารถเห็นได้ว่ากรงเล็บที่ประทับลงไปทุกรอยทรงพลังมากเพียงใด
ชำเลืองดูความระเกะระกะทั้งผืน กับสนามรบอันน่าอนาถที่เหลือไว้หลังจากสงครามใหญ่ของยอดฝีมือที่เยี่ยมที่สุดแห่งยุค
เจ้าสำนักชิงสูดหายใจด้วยความกลัว ในใจมีลางสังหรณ์ไม่ดีอยู่รางๆ
อาหน่วนเคยพูดว่า บนโลกมีอสูรมังกรระดับเจ็ดทั้งหมดสองตัว ตัวหนึ่งเป็นมังกรน้ำ อยู่ในสถานที่หนาวเย็นเป็นที่สุด ขณะที่อาหน่วนกำลังแย่งชิงมุกมังกรเม็ดที่สอง สูญเสียพลังเป็นจำนวนมาก แทบจะเอาชีวิตของตัวเองพ่วงเข้าไปด้วยจึงสังหารได้
ก่อนที่จะสังหารมังกรร้าย นางถึงได้รู้ว่า ยังมีมังกรระดับเจ็ดอีกตัวหนึ่ง และอยู่ในสถานที่ร้อนเป็นที่สุด
สถานที่ร้อนเป็นที่สุด มีกรงเล็บมังกรอีก…….
หรือว่า……
มังกรไฟอีกตัวหนึ่งอยู่ที่นี่?
เจ้าสำนักชิงเย็นตั้งแต่หัวจรดเท้า
มังกรไฟสัตว์อสูรระดับเจ็ด………
ช่วงที่อาหน่วนอยู่ขั้นสูงสุดก็ไม่แน่ว่าจะสู้ได้ ตอนนี้พลังของนางก็ถูกตัวเองปิดผนึกไว้ทั้งหมด จะสามารถสู้ได้อย่างไร?
เจ้าสำนักชิงแทบจะไม่กล้าคิดต่อไป
ดวงตาอันลึกล้ำของเขาชำเลืองไปทางหินหลอมเหลวร้อนระอุพลุ่งพล่านที่อยู่ไกลๆ มือสองข้างกำแน่นแล้วแน่อีกไม่หยุด
ไม่ต้องพูดว่ามันเป็นมังกรปีศาจระดับเจ็ด แม้จะเป็นระดับคน ระดับดิน ถึงกระทั่งระดับฟ้า แม้ว่าจะพ่วงชีวิตเขาเข้าไป ก็จำเป็นต้องสืบหาผลที่แท้จริงให้ได้ พาอาหน่วนออกมาอย่างปลอดภัย
เขากุมหน้าอกด้วยความเจ็บปวด
เมื่อครู่โดนมังกรไฟระดับเจ็ดทำให้อวัยวะภายในได้รับบาดเจ็บ หากไม่รีบปรับลมปราณ กลัวเพียงแค่จะสูญสิ้นพลังเป็นอย่างมาก
เจ้าสำนักชิงเดินไปยังสถานที่แห่งความตายโดยปราศจากความกลัว ดวงตาอันเยือกเย็นนั้นนอกจากความเด็ดเดี่ยว กลับไม่มีความหวาดกลัวใดๆ
ใต้หุบเหว
หลังจากที่กู้ชูหน่วนแผดเสียงคำรามอย่างใจจะขาดเสียงหนึ่ง ทำให้เวินเส้าหยีถูกสะเทือนออกไปอย่างรุนแรงโดยไม่คาดคิด
“ฟู่ว…….”
เวินเส้าหยีกระอักเลือดออกมา ย้อมพื้นผิวแผ่นหินเป็นสีแดง
บาดเจ็บ……
บาดเจ็บสาหัสเกินไปแล้ว
เขาได้รับบาดเจ็บหนักเช่นนี้น้อยมาก
ที่โชคดีเป็นอย่างยิ่งคือ เคล็ดวิชากลืนพลังสิ้นสุดแล้ว พลังสองส่วนที่เหลืออยู่น้อยนิดของเขาไม่ได้ถูกดูดไปหมด
เวินเส้าหยีรีบนั่งสมาธิ ปรับลมปราณของตัวเอง
“ฟู่ว……”
กู้ชูหน่วนก็กระอักเลือดออกมาด้วยเหมือนกัน
ดูดพลังเป็นเรื่องดี ได้กำลังภายในเลื่อนขั้นก็เป็นเรื่องดี
แต่ภายในร่างกายของนางยังมีกำลังภายในอีกมากเกินไปที่ไม่สามารถจะดูดรับได้ ทำให้นางเจ็บปวดจนดิ้นทุรนทุรายอยู่ที่พื้นไม่หยุด
เวลาผ่านไปหนึ่งนาทีหนึ่งวินาที
ไม่รู้ว่านานเพียงใด ทั้งสองคนถึงค่อยๆหายใจทั่วท้องได้ ไม่ช้า พวกเขาก็พบว่า ทั้งร่างกายผิดปกติแล้ว
ร้อน…….
ร้อนเกินไปแล้ว
ไม่รู้ว่าอุณหภูมิของทะเลโลหิตส่งผลกระทบต่อพวกเขาหรือไม่
“เจ้าไม่เป็นไรหรอกนะ” กู้ชูหน่วนเอ่ยถาม
เวินเส้าหยีกล่าวด้วยความโกรธที่มีมากมายว่า “เจ้าคิดว่าไงล่ะ”
พลังแปดส่วนถูกนางดูดไปหมดแล้ว เปลี่ยนเป็นนาง นางจะเป็นอะไรหรือไม่?
“ข้าไม่ได้บีบบังคับเจ้านะ เป็นเจ้าที่ยอมมอบกำลังภายในให้ข้าเอง”
เวินเส้าหยีโกรธจนกัดฟันกรอด แทบอยากจะกินนางแล้ว
หากเขารู้ว่านางมีเคล็ดวิชากลืนพลัง เขาจะรักษาอาการบาดเจ็บให้นางได้อย่างไร
ขั้นแรกระดับสี่…….
วิทยายุทธนี้……..
แม้แต่หัวหน้ากองธงกล้วยไม้ก็สู้ไม่ได้ เขาจะทำภารกิจของตัวเองสำเร็จได้อย่างไร?
“น่าแปลก ทำไมอุณหภูมิยิ่งอยู่ยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ” ไม่ได้ใช้ผลึกเกล็ดหิมะต้านทานไว้แล้วหรือ?
กู้ชูหน่วนหายใจถี่ แทบอยากจะปลดเสื้อผ้าของตัวเองออก
กลับไปมองที่เวินเส้าหยี แม้ว่าเขาจะสวมหน้ากากผีเสื้อ มองไม่เห็นใบหน้า แต่แก้มที่ปรากฏอยู่ภายนอกของเขา รวมถึงกกหูทั้งใบของเขาก็ถูกเผาจนแดงหมดแล้ว แม้แต่ลำคอที่ขาวผ่องของเขาก็แดงแล้ว
แรกเริ่ม นางคิดว่าเป็นเพราะอุณหภูมิสูงเกินไปก่อให้เกิด แต่……..
แต่ความรู้สึกนี้ ขณะที่นางเพิ่งจะข้ามเวลามา เคยมีประสบการณ์แล้วรอบหนึ่ง
นี่เพราะหินหลอมเหลวของทะเลโลหิตทำให้เป็นเช่นนี้ที่ไหนกัน เห็นได้ชัดว่าโดนยาแล้ว
ที่น่าโกรธคือ ทั้งสองคนล้วนโดนยาแล้ว…….