อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม – บทที่ 339 กำลังภายในของเวินเส้าหยีถูกดูด

บทที่ 339 กำลังภายในของเวินเส้าหยีถูกดูด

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 339 กำลังภายในของเวินเส้าหยีถูกดูด
ใต้หุบเหว

เวินเส้าหยีค่อยๆฟื้นขึ้นมา ทุกอย่างที่เห็นในสายตา ตรงนี้คือแผ่นหินที่ยื่นออกมาตรงช่วงกลางหุบเหว มองขึ้นไป เมฆขาวโพลน ไม่รู้ว่าสูงเท่าไหร่

มองไปเบื้องล่าง ด้านใต้เป็นทะเลโลหิตอันร้อนระอุ คลื่นเลือดกระเซ็นขึ้นมาอยู่บ่อยๆ อุณหภูมิสูงจนน่ากลัว

มองไปทางด้านข้าง กู้ชูหน่วนหมดสติอยู่ข้างๆเขา และไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย

เวินเส้าหยีพยายามออกแรงลุกขึ้น โซซัดโซเซมาด้านหน้ากู้ชูหน่วน เอามือที่เลือดสดไหลรินไปตรวจที่จมูกของนาง ยังมีเสียงลมหายใจอ่อนๆ จิตใจอันตึงเครียดของเวินเส้าหยีจึงผ่อนคลายลงเล็กน้อย

โชคดีที่แผ่นหินนี้ยื่นออกมา ไม่เช่นนั้นพวกเขาทั้งสองจำต้องตายโดยไร้ข้อกังขา

หน้าผาสูงเกินไป เขาถูกมังกรไฟทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส บางทีตัวเองคนเดียวยังอาจจะขึ้นไปได้ แต่คิดจะพากู้ชูหน่วนปีนขึ้นไปที่ยอดหน้าผา ยังยากยิ่งกว่าการปีนขึ้นสวรรค์ซะอีก

“ท่าทางที่เจ้าขมวดคิ้ว ไม่น่าดู”

ไม่รู้ว่ากู้ชูหน่วนฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ พึมพำประโยคหนึ่งเบาๆ

“แฮ่มๆ……”

นางไออย่างฉับพลัน ไอเป็นเลือดออกมากองหนึ่ง

เวินเส้าหยีจับชีพจรของนาง เหลือบมองใบหน้าซีดเผือดไร้เรี่ยวแรงของนาง เสียงเคร่งขรึมเล็กน้อย “เจ้าตกหน้าผามาจากที่สูง อวัยวะภายในได้รับบาดเจ็บ”

“ข้าดวงแข็ง พญายมราชก็กลัวข้า”

กู้ชูหน่วนยื่นมือออกไป เช็ดเลือดที่มุมปาก นางพยายามดิ้นรนลุกขึ้นนั่งรักษาบาดแผลให้ตัวเอง เพิ่งจะขยับ ทั้งร่างก็เจ็บปวดจนสูดหายใจด้วยความตกใจ อวัยวะภายในก็แปรปรวนอย่างรุนแรง

เวินเส้าหยีพยุงนางให้นั่งดีๆ ลังเลครู่หนึ่ง ถ่ายทอดกำลังภายในของตัวเองให้นาง พยายามช่วยนางปรับลมปราณอย่างเต็มที่

กำลังภายในของเขาอ่อนโยนเหมือนตัวเขาเช่นนั้น กู้ชูหน่วนรู้สึกเพียงอวัยวะภายใน เส้นเลือดเส้นเอ็นทั้งหมดล้วนอาบอยู่ในแสงสว่าง ความเจ็บปวดทั้งร่างค่อยๆสลายไป แทบอยากจะห่อตัวเองไว้ในกำลังภายในของเขา

แต่เวินเส้าหยีกลับตกใจ

เพราะว่ากำลังภายในของเขา กลับไม่รับการควบคุมถ่ายทอดเข้าไปภายในร่างกายของนาง และหรือว่ากำลังภายในของเขาถูกดูดเข้าไป

เขาเก็บฝ่ามือ กำลังคิดจะถอนฝ่ามือของตัวเองกลับ ที่ทำให้เขายิ่งกลัวก็คือ ถอนกลับมาไม่ได้……..อย่างคาดไม่ถึง

นางก็เหมือนกับแม่เหล็กขนาดใหญ่ก้อนหนึ่งเช่นนั้น ดูดรับกำลังภายในของเขาทั้งหมดไปอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย

“กู้ชูหน่วน เจ้าอย่างตอบแทนบุญคุณด้วยการล้างแค้น รีบหยุดมือ”

กู้ชูหน่วนก็รู้สึกว่าสถานการณ์ผิดปกติเล็กน้อย นางลองหลายครั้งก็ยังไม่สามารถชักมือตัวเองกลับมาได้ และจนปัญญาที่จะหยุดการดูดพลัง

“ข้าก็อยาก แต่ร่างกายของข้าไม่รับการควบคุม”

กำลังภายในของเวินเส้าหยีแข็งแกร่งเกินไป ร่างกายของนางก็เหมือนดั่งแก้วเล็กๆใบหนึ่ง หากดูดต่อไป กลัวว่าตัวนางเองจะระเบิดไปโดยตรงแล้ว

ทั้งสองคน ประกบฝ่ามือทั้งคู่ ผู้หนึ่งอยากถอนกำลังภายใน ผู้หนึ่งอยากเก็บพลังฝ่ามือกลับ แต่ร่างกายของทั้งสองคนล้วนไม่รับการควบคุม

กำลังภายในไหลอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสายเหมือนเขื่อนแตก พรั่งพรูและซัดสาดถ่ายทอดไปยังร่างกายของฝ่ายตรงข้าม

เวินเส้าหยีตกใจเมื่อรับรู้ได้ถึงการสูญเสียกำลังภายในบนร่างกายไป

หนึ่งส่วน

สองส่วน

สามส่วน

สี่ส่วน…….

กระทั่งห้าส่วน…….และยังคงถูกดูดต่อไปไม่หยุดหย่อน……

“เคล็ดวิชากลืนพลัง……คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะรู้เคล็ดวิชากลืนพลัง” เวินเส้าหยีสูดหายใจด้วยความตกใจ ขณะที่มองไปทางกู้ชูหน่วน ในตาก็สังเกตอย่างละเอียดมากขึ้นมา

ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันแน่?

นางรู้เคล็ดวิชากลืนพลังที่ไร้ผู้สืบทอดมาเป็นพันปีได้อย่างไร?

ทันทีที่เริ่มเคล็ดวิชากลืนพลัง ก็เป็นไปได้ที่สุดว่าพลังทั้งหมดของฝ่ายตรงข้ามจะถูกดูดไปจนแห้ง แม้กระทั่งเลือดเนื้อก็สามารถดูดจนแห้งได้

การฝืนบังคับเปลี่ยนกำลังภายในของฝ่ายตรงข้ามให้เป็นพลังของตัวเองประเภทนี้

เพราะเนื่องจากบ้าอำนาจเหี้ยมโหดเกินไป ดังนั้นจึงได้ไร้ผู้สืบทอดมานานนับพันปี ไม่มีผู้ใดในโลกรู้วิชานี้

ไม่……

ช่วงสิบกว่าปีก่อนนี้ มีคนสองคนที่รู้วิชานี้

ผู้หนึ่งคือเจ้าสำนักอสุราที่หายตัวไปแล้ว ผู้หนึ่งคือธิดาเทพ  

ด้วยพลังอันแข็งแกร่งของเขา คิดจะหยุดการถ่ายทอดพลังครั้งนี้กลางคัน นอกซะจากว่าเขาจะปล่อยพลังทั้งหมด ให้กู้ชูหน่วนกระเด็นออกไป

ผลสรุปของสิ่งนี้คือ เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่จะไม่ตาย

แต่กู้ชูหน่วนแม้ว่าจะมีเป็นหมื่นชีวิต ก็จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

ภารกิจบนบ่าของเขาหนักมาก ควรจะสั่นสะเทือนด้วยพลังทั้งหมด รักษาพลังของกำลังภายในที่เหลืออยู่อย่างน้อยนิดไว้ แต่…….

ไม่รู้ว่าทำไม เขาลังเลแล้ว

ท่าทางที่มีชีวิตชีวาฉลาดปราดเปรียวของกู้ชูหน่วนค่อยๆเปล่งประกายในสมองของเขา

พร้อมด้วยนางในตอนนี้ที่ต่อสู้รนด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าน้อยๆฝืนทนความเจ็บปวด เวินเส้าหยีมีความลังเลรางๆอย่างคาดไม่ถึง

เวินเส้าหยีเก็บฝ่ามือกลับมาด้วยความเร่งรีบขึ้นเรื่อยๆ เขาลองใช้วิธีการนับไม่ถ้วนก็ไร้ผล ทำได้เพียงมองดูกำลังภายในที่ตัวเองฝึกฝนอย่างยากลำบากมานานหลายปีสูญหายไปในเวลาอันสั้นโดยทำอะไรไม่ได้เช่นนั้น กลายเป็นเครื่องแต่งตัวของคนอื่น

แล้วมองดูกู้ชูหน่วนอีก

ใบหน้าที่เจ็บปวดของนางยับจนเป็นก้อนเดียว บนใบหน้าที่งดงามไร้ตำหนิ จากซีดขาวก็เปลี่ยนเป็นแดงระเรื่อขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายร่างกายเป็นเหมือนดั่งไฟ ร้อนผ่านจนทำให้คนไม่กล้าเข้าไปแตะ

ร่างกายของนางรับกำลังภายในมากเกินไปไม่ไหว ลมปราณกลุ่มหนึ่งภายในร่างกายพุ่งกระทบกันไม่หยุด แทบต้องการจะชนให้ร่างกายของนางแตกเช่นนั้น

“อะไรคือเคล็ดวิชากลืนพลัง” กู้ชูหน่วนฝืนทนต่อความเจ็บปวดระลอกแล้วระลอกเล่า กัดฟันกล่าว

“…….”

“เวินเส้าหยี เจ้ารีบถอนฝ่ามือ”

สีหน้าของเวินเส้าหยีไม่น่าดูมาก

เขาก็อยากถอนมือ

กำลังภายในทั้งหมดที่เขาฝึกฝนอย่างลำบากทุกวันไปอยู่บนตัวของนางแล้ว เขาจะไม่ร้อนใจได้งั้นหรือ?

“คนที่ถูกเคล็ดวิชากลืนพลังดูดกำลังภายใน ไม่มีทางจากถอนมือเองได้ นอกซะจากว่าเจ้าจะวางมือ”

ความคิดซังกะตายกู้ชูหน่วนก็มีแล้ว

นางถอน?

นางถอนยังไง?

ถ้านางถอนได้ ก็ถอนไปนานแล้ว ร่างกายของนางจะระเบิดอยู่แล้ว

แล้วในขณะที่นางและเวินเส้าหยีกำลังคิดว่าร่างกายของนางจะระเบิดนั้น กู้ชูหน่วนก็บรรลุชีพจรยุทธ์ขั้นที่ห้าแล้ว

แสงวงกลมสีม่วงเปลี่ยนไปอีกครั้ง กู้ชูหน่วนบรรลุอีกครั้ง ถึงชีพจรยุทธ์ขั้นที่หก

แววตาของเวินเส้าหยีกะพริบเล็กน้อย

ระหว่างใช้เคล็ดวิชากลืนพลัง ไม่ใช่ว่าเลื่อนขั้นไม่ได้หรือไง?

หากว่าดูดมากเกินไป จะมีแค่ร่างกายระเบิดและตายเท่านั้น

พื้นฐานร่างกายของนางคืออะไร ทำไมถึงบรรลุในระหว่างการดำเนินการดูดพลังได้?

“ปัง…….”

กู้ชูหน่วนบรรลุชีพจรยุทธ์ขั้นที่เจ็ด ขั้นแปด จนถึงกระทั่งขั้นเก้า…….

กลับไปมองที่เขา จากขึ้นสูงสุดระดับหก ลดลงถึงขั้นกลางระดับหก แล้วตกลงมาถึงขั้นต้นระดับหก ขั้นสูงสุดระดับห้า ขั้นกลางระดับห้า……

กำลังภายในของเขาถูกดูดไปหกส่วนเต็มๆ

ตื้ด……..

แล้วกำลังภายในก็ถูกดูดไปอีกส่วนหนึ่ง

เวินเส้าหยีถูกดูดกำลังภายในไปเจ็ดส่วนอย่างฉับพลัน ความสามารถลดลงไปถึงขึ้นสูงสุดระดับสี่

แต่กู้ชูหน่วนในที่สุดก็บรรลุระดับหนึ่งแล้ว

ความแตกต่างที่ลดลงไปของความแข็งแกร่ง ทำให้เวินเส้าหยียากที่จะยอมรับได้

“ฟู่ว…….”

กระอักเลือดคั่งออกมาคำหนึ่ง สีหน้าของเวินเส้าหยีก็ซีดขาวมากยิ่งขึ้น กำลังวังชาในร่างกายเหมือนดั่งถูกกระชากออกมาจนว่างเปล่าเช่นนั้น

ความสามารถของเขาลดลงอีกครั้งภายใต้ความกังวลใจของเขา ลดลงถึงขั้นกลางระดับสี่

แต่กู้ชูหน่วนทะยานขึ้นสู่ขั้นกลางระดับหนึ่ง

“กู้ชูหน่วน ถอนฝ่ามือซะ”

คราวนี้ เวินเส้าหยีเดือดดาลจริงๆแล้ว

ลมปราณในร่างของกู้ชูหน่วนปะทะกันจนแม้แต่นางก็ยากจะหายใจ

นางอยากต่อยเวินเส้าหยีให้ตาย

นางได้รับบาดเจ็บ ก็สามารถรักษาตัวเองได้

เขายุ่งเรื่องชาวบ้านมากไป ช่วยนางรักษาอะไรกัน นางรู้สึกว่าชีวิตน้อยๆของตัวเองแทบจะต้องแขวนไว้ตรงนี้แล้ว

ดวงตาชุ่มน้ำเปล่งประกายสั่นไหวสองสามครั้ง มองไปทางเวินเส้าหยี เห็นเพียงสถานการณ์ของเวินเส้าหยีเลวร้ายกว่านาง

อีกทั้งกำลังภายในของเขาก็ถูกนางดูดไปหมดแล้ว คำหยาบที่มาถึงปากของกู้ชูหน่วนก็ด่าไม่ออกแล้ว

นางอนาถ เขาอนาถยิ่งกว่านาง

อย่างน้อยนางก็ยังได้รับกำลังภายในมาไม่น้อย แต่เขาชดใช้ไปด้วยภรรยาอีกทั้งสูญเสียกองกำลังทหารอีก

เคล็ดวิชากลืนพลังเป็นไปอย่างต่อเนื่องไม่หยุด กู้ชูหน่วนรับไม่ได้แล้วจริงๆ ระเบิดเสียงคำรามเสียงหนึ่ง “อ้า…….”

เสียงกรีดร้องอันเฉียบแหลมแผ่กระจายจากเบื้องล่างของหน้าผามาถึงยอดหน้าผา แล้วทะเลโลหิตแห่งภูเขาน้ำเต้าออกมา เสียงสะท้อนวนเวียนอยู่ในทุกซอกทุกมุมของภูเขาน้ำเต้า

ทุกคนล้วนได้ยินเสียงกรีดร้องของนาง

รวมถึงเย่จิ่งหาน เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ ฝูกวง เย่เฟิง เจ้าสำนักชิง หัวหน้ากองธงกล้วยไม้และคนอื่นๆด้วย

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

Status: Ongoing

กู้ชูหน่วน เดิมทีเป็นอัจริยะแพทย์สาวยุคปัจจุบัน การข้ามภพหนึ่ง พาเธอย้อนเวลาไปที่ยุคโบราณที่ไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนาม สิ่งที่ทำให้เธอคิดไม่ถึงก็คือ เพิ่งจะมาถึงสถานที่แปลกหูแปลกตานี้แท้ๆ เธอก็ต้องเสียตัวให้กับชายแปลกหน้าอย่างไม่มีทางเลือก หลังจากมีการพัวพันซึ่งกันและกัน เดิมทีกู้ชูหน่วนคิดว่าแต่นี้ต่อไป ต่างคนต่างไป จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก สุดท้ายกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เย่จิ่งหานกลับคอยตอแยเธอไม่เลิก โชคชะตาฟ้าลิขิต เธอค่อยๆครอบครองใจของเย่จิ่งหานไปเรื่อยๆ จนทำให้เขาตกอยู่ในภวังค์แห่งความรัก อย่างโงหัวไม่ขึ้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท