อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 356 มุกมังกรสีฟ้าปรากฏ
เดิมทีคนของเผ่าเทียนเฟิ่นก็สงสัยในตัวหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ ครั้นกู้ชูหน่วนกล่าวเช่นนี้ คนของเผ่าเทียนเฟิ่นก็อดเห็นพวกหัวหน้ากองธงกล้วยไม้เป็นศัตรูไม่ได้
กู้ชูหน่วนกล่าวลอยๆ มาประโยคหนึ่ง “อีกอย่างหินใหญ่บนยอดเขาก็ตกใส่ศีรษะของสุดยอดผู้อาวุโสทุกท่านของเผ่าเทียนเฟิ่นพอดี แต่พวกเจ้ากลับอยู่ข้างๆ หลบได้อย่างง่ายดาย”
“กู้ชูหน่วน! เจ้าหมายความว่าอย่างไร? หรือสงสัยว่าข้าวางแผน?”
“ข้าไม่กล้ากล่าวเช่นนั้นหรอก ชีวิตน้อยๆ ของข้าอยู่ในมือพวกเจ้า”
“แล้วทำไมหินไม่หล่นใส่เจ้า?”
“ที่ข้าไม่ถูกหินทับตาย นั่นเพราะข้าดวงแข็ง ใครจะรู้ว่าพอเจ้านำทาง จะทำข้าตายหรือไม่”
“วันนี้หากข้าไม่ฆ่าเจ้าให้ตาย ข้าก็ไม่ใช่หัวหน้ากองธงกล้วยไม้แห่งสิบสองกองธงเผ่าปีศาจ!”
หัวหน้ากองธงกล้วยไม้วาวโรจน์ ลงมือไม่คำนึงถึงสิ่งใดอีก แต่ละกระบวนท่าล้วนเอาชีวิตกู้ชูหน่วน
เหล่าอาวุโสของเผ่าเทียนเฟิ่นก็ถูกทำให้เดือดด้วย
บวกกับการยุแหย่ของกู้ชูหน่วน เผ่าเทียนเฟิ่นกับเผ่าปีศาจจึงแตกหักกันอย่างเด็ดขาด เข่นฆ่ากันเอง
ผู้อาวุโสจุนเอ่ยด้วยโทสะ “ไอ้คนต่ำช้าเผ่าปีศาจ! ข้าเห็นแต่แรกแล้วว่าพวกเจ้าไม่ประสงค์ดี พวกเจ้าเห็นพวกเราคนเผ่าเทียนเฟิ่นมีกำลังมาก จึงอยากกำจัดเราทีละคน จะได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ กู้ชูหน่วนพูดได้ไม่ผิด เจ้าจงใจวางแผน”
“บัดซบ! พวกเจ้ากลับกล้าทำหน้าข้าเป็นแผล ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ไม่มีอะไรต้องพูดอีก วัดกันด้วยฝีมือเถอะ!”
หัวหน้ากองธงโบตั๋นเอ่ย “ข้าว่าเผ่าเทียนเฟิ่นจงใจจับผิด อยากฉวยโอกาสกำจัดพวกเรา จะได้เก็บมุกมังกรไว้เอง”
แม้หน้าตาหัวหน้ากองธงกล้วยไม้จะธรรมดา แต่กลับสนใจดวงหน้านั้นของเขามาก เผ่าเทียนเฟิ่นให้คนเยอะรังแกคนน้อย แล้วยังทำหน้าเขาอีก กรีดเป็นรอยเลือดหนึ่งรอยที่หน้าเขา พลพรรคเผ่าปีศาจที่ไม่พอใจคำพูดของเผ่าเทียนเฟิ่นมากอยู่แล้วจึงเดือดพลุขึ้นมาทันที
ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างดุเดือด ถ้ำเล็กๆ เกิดเป็นเสียงหมัดมวยดาบกระบี่ฟาดฟัน
มุมปากกู้ชูหน่วนยกรอยยิ้มอำมหิต ดวงตาใสเจือความชั่วร้าย
นางอาศัยขณะชุลมุน เลือกทางแยกหนึ่ง ถอนเท้าวิ่งโร่ไป
ไม่นานนางก็ถึงยอดเขา
และเห็นภาพสะเทือนขวัญ
นั่นเป็นสระโลหิต หินหลอมเหลวมโหฬารหนึ่ง ตรงกลางสระโลหิตมีเสาดอกบัวใหญ่ต้นหนึ่ง เสานั้นแกะสลักดอกบัวหิมะที่กำลังบานสะพรั่งดอกหนึ่ง และไม่รู้ว่าเป็นวัสดุอะไร แม้แต่หินหลอมเหลวทะเลโลหิตก็หลอมละลายไม่ได้
บนเสานั้น วางมุกสีฟ้าเม็ดหนึ่ง
มุกใหญ่เพียงไข่นกพิราบ ใสแววส่องทะลุ ข้างในคลับคล้ายมีมังกรฟ้าหลับลึกอยู่ตัวหนึ่ง
หัวใจกู้ชูหน่วนเต้นเร็วสองจังหวะ
หรือว่านี่ก็คือมุกมังกรสีฟ้า?
สระโลหิตใหญ่มาก ห่างพื้นดินหลายร้อยเมตร ตรงสุดทางของสระโลหิต เป็นหน้าผาขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง หน้าผานั้นแขวนน้ำตกสายหนึ่ง เพียงแต่น้ำตกนี้มิใช่น้ำ แต่เป็นหินหลอมเหลว
น้ำตกหินหลอมเหลวทิ้งตัวลง รวมตัวกับหินหลอมเหลวทะเลโลหิตที่พลุ่งพล่านอยู่ด้านล่าง
คนปกติเพียงมองไปแวบหนึ่ง ก็ต้องตกใจจนขวัญกระเจิง
คิดถึงอาการบาดเจ็บของอี้เฉินเฟย จำเป็นต้องอาศัยมุกมังกรสีฟ้าถึงรักษาได้ กู้ชูหน่วนจึงกัดฟัน วันนี้ไม่ว่าอย่างไร นางก็ต้องได้มุกมังกรสีฟ้ามาให้ได้
“มุกมังกรห่างจากพื้นดินไกลเกินไป เอาไม่ถึง ส่วนเสาดอกบัวต้นนั้นก็มีกลไก นอกเสียจากทำลายกลไกได้ มิเช่นนั้นก็เอามุกมังกรออกมาไม่ได้ ห่างกันไกลเกินไป เสาดอกบัวยังมีกลไหล ใครก็ไม่รู้…”
จู่ๆ เสียงใสหนึ่งก็ดังขึ้น กู้ชูหน่วนเงยหน้ามอง กลับเห็นนั่นเป็นชายหนุ่มสวมหน้ากากคนหนึ่ง
บุรุษใสชุดสีฟ้า ร่างสูงโปร่ง ท่วงท่าเหนือผู้คน แผ่กลิ่นอายสูงศักดิ์ แวบเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน
เป็นเขา…
คนผู้นี้ยังเหมือนเคยช่วยนาง…
“เจ้าคือเจ้าหุบเขาแห่งหุบเขาตันหุย?”
“มิผิด ข้าน้อยน่าหลันหลิงลั่วขอคารวะ” ชายหนุ่มในชุดสีฟ้าถือพัดเซวียนกู่อยู่ในมืออันหนึ่ง มุมปากมีรอยยิ้มจางๆ หนึ่ง ท่วงท่าสง่างามอิสระ คารวะมาทางกู้ชูหน่วนเล็กน้อย
แม้ฐานะจะพิลึกพิลั่น ทั้งไม่เห็นโฉมหน้าที่แท้จริง แต่รอยยิ้มจริงใจบนใบหน้ากลับไม่มีประสงค์ร้าย
กู้ชูหน่วนกวาดตามองรอบๆ นอกเขา สระโลหิตอันกว้างใหญ่กลับไม่มีผู้ใดอื่น
“คนอื่นล่ะ?” นางจำได้ว่าหุบเขาตันหุยเหมือนมากันมาก คงไม่เอาชีวิตมาทิ้งที่นี่หมดแล้วกระมัง?
“พวกเขาไปหาของนิดหน่อย ประเดี๋ยวก็กลับมาแล้ว”
“อ้อ…หาอะไรหรือ?”
“ย่อมเป็นของที่สามารถข้ามทะเลโลหิต ถึงแท่นดอกบัวได้อยู่แล้ว”
น่าหลันหลิงลั่วแกว่งพัดอย่างเกียจคร้าน สายตาที่มองกู้ชูหน่วนพกพารอยยิ้มอบอุ่นบางส่วน
กู้ชูหน่วนลูบคางด้วยความเคยชิน
ระยะห่างขนาดนี้ นางคิดไม่ออกว่าทางไหนจะถึงเสาดอกบัวต้นนั้นได้ชั่วขณะ
ครั้นมองเห็นกรวด ท่อนไม้ยาว ตะขอเหล็กและสิ่งอื่นๆ ที่อยู่ทั่วบริเวณนี้แล้ว กู้ชูหน่วนก็รู้โดยคร่าว พวกเขาน่าจะคิดหลายวิธีแล้ว ก็ยังไปไม่ถึงแท่นดอกบัวกระมัง
“มุกมังกรนี้ขนาดเท่าไข่นกพิราบ ร้ายกาจสมดังร่ำลือจริงหรือ?”
“มิเช่นนั้นเจ้าคิดว่าผู้คนหลายสายจะพยายามแย่งชิงมันเพื่ออะไร?”
“แล้วเจ้าเล่า เหตุใดเจ้าถึงชิงมุกมังกร?”
“ข้าหรือ? อยากชิงก็ชิง แม่นาง มุกมังกรเม็ดนี้มิใช่ของมงคลอะไร ข้าขอเตือนว่าเจ้ารีบไปจากที่นี่เสียดีกว่า จะได้ไม่ชักภัยร้ายมาสู่ตัว”
“พอดีเลย ข้ากลัวทุกสิ่ง แต่ไม่กลัวภัยร้ายภัยตัว มุกมังกรเม็ดนี้ดูแล้วประณีตมาก ทำเป็นสร้อยคอแขวนที่ลำคอน่าจะงามดี ข้าชอบเข้าแล้ว และอยากได้ด้วย ทำอย่างไรดี?” กู้ชูหน่วนกะพริบตาปริบ
พัดของน่าหลันหลิงลั่วหยุดชะงัก รอยยิ้มไม่อบอุ่นเหมือนเมื่อครู่แล้ว “หากเจ้าชอบสร้อยคอ ข้าจะมอบที่ใหญ่กว่าและดีกว่าให้เจ้า”
“มิจำเป็น ข้าชอบอันนี้”
“นี่มีแค่มุกมังกรเม็ดเดียว พวกเรากลับมีสองคน เจ้าว่าควรแบ่งอย่างไรจึงจะดี?”
“ยังแบ่งอย่างไรได้? ก็ต้องให้ข้าอยู่แล้ว ผู้หญิงมาก่อนอย่างไร ผู้ชายต้องเป็นสุภาพบุรุษ อีกอย่าง…”
กู้ชูหน่วนลากเสียงยาว ยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม “อีกอย่าง…ที่อยากได้มุกมังกร ก็ไม่ใช่แค่พวกเราสองคนนะ”
“พวกเขาหรือ ไม่มีโอกาสแล้ว”
น่าหลันหลิงลั่วแกว่งพัดเนือยๆ ไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตา คล้ายว่าในดวงตาเขา จะมีหรือไม่มีพวกเขาก็ได้ ที่ทำให้เขากลัดกลุ้มจริงๆ คือกู้ชูหน่วน
กู้ชูหน่วนงุนงง
กล่าวถึงวรยุทธ์ เทียบกับสุดยอดผู้อาวุโสแห่งเผ่าเทียนเฟิ่น เขายังห่างอีกไกลโข เทียบกับพวกหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ ก็ยังห่างช่วงหนึ่ง
เขาเอาความมั่นใจมาจากไหนถึงโอหังเช่นนี้
“พ่อหนุ่ม เจ้าคะนองนักนะ”
“ว่าง่าย ล้วนเรียนมาจากบางคน” ชายหนุ่มยิ้มอย่างคลุมเครือ เป่าลมเข้าหูกู้ชูหน่วนแผ่วเบา
กู้ชูหน่วนถอยหลังก้าวหนึ่ง เกาหู
“แบบนี้แล้วกัน เราต่างอาศัยฝีมือ ใครได้มุกมังกรมา อีกฝ่ายก็ห้ามชิง เป็นอย่างไร?”
“ได้สิ”
“แจ๋ว แต่อย่ารังแกข้าที่เป็นหญิงอ่อนแอนะ”
“ข้ามิเคยรังแกอิสตรี โดยเฉพาะแม่นางสะสวยที่ท่วงท่างามช้อย”
สายตาคลุมเครือเอาใจของน่าหลันหลิงลั่วชวนให้มองไม่ชัด
กู้ชูหน่วนคร้านสนใจเขา นางแค่อยากได้มุกมังกร ไปจากที่นี่ และช่วยอี้เฉินเฟยให้ไวที่สุด