อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม – บทที่ 379 พ่อแม่ตายทั้งคู่

บทที่ 379 พ่อแม่ตายทั้งคู่

ผู้อาวุโสหกหยิบเหล้าน้ำเต้าที่อยู่ตรงเอวออกมา เปิดฝาออกแล้วดื่ม จากนั้นก็พูดขึ้นอย่างเชื่องช้าว่า “เมื่อหลายพันปีก่อน เผ่าหยกเคยเป็นแคว้นหนึ่ง เรียกว่าแคว้นหยก เผ่าเทียนเฟิ่นก็เคยเป็นแคว้นเช่นกัน เรียกว่าแคว้นเฉิน แคว้นหยกกับแคว้นเฉินเคยมีการเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีทางการสมรสกันมาก่อน”

“เชื่อมไมตรีทางการสมรส?”

“ใช่ ตอนที่องค์ฮ่องเต้ของแคว้นหยกยังอยู่ในท้อง เคยเป็นคู่หมั้นหมายในวัยเด็กกับองค์หญิงของแคว้นเฉินที่ยังอยู่ในท้องเช่นกัน องค์หญิงแคว้นเฉินหลงรักฮ่องเต้แคว้นหยก แต่ฮ่องเต้แคว้นหยกมีคนที่ตนรักอยู่แล้ว ถึงกับยอมสละตำแหน่งฮ่องเต้และชีวิตของตัวเอง เพื่อแต่งงานกับหญิงสาวแคว้นอื่นที่มีนามว่าหวงเจินเจิน แคว้นเฉินมีชื่อเสียงด้านไสยศาสตร์ องค์หญิงแคว้นเฉินฆ่าพี่น้องและพ่อแม่ ขึ้นครองบัลลังก์ราชินีแห่งแคว้นเฉิน โดยมีทั้งแคว้นเฉินเป็นเครื่องสังเวย สาปคำสาปเลือดที่ชั่วร้ายที่สุดกับทั้งโลก”

“ประชาชนทั้งหมดในแคว้นหยก ต่างก็โดนคำสาปนี้กันหมด หลายพันปีมานี้ ทุกคนต่างก็ต้องทนรับกับความเจ็บปวดของคำสาปเลือด แคว้นหยกเคยเป็นแคว้นที่เจริญมาก เพราะคำสาปเลือด คนในแคว้นจึงลดลงเรื่อยๆ ตอนนี้……เฮ้อ……”

กู้ชูหน่วนเลิกคิ้วขึ้น “สังเวยทุกคนในแคว้นเฉิน? งั้นตอนนี้เผ่าเทียนเฟิ่นมาได้ยังไงล่ะ?”

“ยัยมารร้ายนั่นฉลาดจะตาย เก็บสายเลือดที่เชื่อใจได้เอาไว้ ดังนั้นประชาชนในแคว้นเฉิน จึงไม่ได้ตายไปทั้งหมด”

พูดถึงราชินีแคว้นเฉิน ทุกคนต่างก็กัดฟันกรอดด้วยความแค้น อยากจะฆ่าและถลกหนังหัวของนางออกมา

กู้ชูหน่วนถอนหายใจ

เพราะอิจฉา จึงให้คนกลายเป็นเครื่องสังเวย ช่างโหดร้ายจริงๆ

“พวกเราแคว้นหยกก็ลดลงเรื่อยๆเพราะคำสาปเลือด ต่อมาอดีตฮ่องเต้กลัวว่าแคว้นอื่นจะมาโจมตีพวกเรา จึงพาที่ซ่อนตัวแล้วเสกม่านอาคมไว้ อดีตฮ่องเต้ของเรามีพลังที่สูงมาก หลายพันปีผ่านไป จนมาถึงตอนนี้ไม่มีผู้ใดสามารถพังม่านอาคมนี้มาได้”

“แล้วราชินีแคว้นเฉินล่ะเป็นยังไง ตายหรือยัง?”

“ถูกอดีตฮ่องเต้กับฮองเฮาฆ่าแล้วล่ะ แต่ว่า……คำสาปเลือดนอกจากไข่มุกมังกรแล้ว ไม่มีสิ่งใดสามารถถอนคำสาปนี้ได้อีก”

ผู้อาวุโสหกเงียบไปสักพัก ทันใดนั้นก็มองผู้อาวุโสใหญ่ด้วยแววตาที่ร้องขอ แล้วพูดขอร้องว่า “ผู้อาวุโสใหญ่ ท่านให้ข้าออกไปตามหาไข่มุกมังกรแทนพี่สี่เถอะ จมูกข้าดีมาก ขอแค่ข้างๆมีไข่มุกมังกร ข้าแค่ได้กลิ่นก็หาเจอแล้ว”

“ไปทำบ้าอะไรล่ะ จมูกของเจ้า นอกจากกลิ่นเหล้าแล้ว ยังได้กลิ่นอะไรได้อีก ใครไม่รู้บ้างว่าเจ้าเห็นเหล้าแล้วก็ขาอ่อนทุกที ให้เจ้าออกไปทำเรื่องนี้ ทุกคนในเผ่าไม่มีใครวางใจได้หรอก”

“พี่สี่ เจ้าพูดแบบนี้ก็ไม่ถูกแล้วนะ ยังไงข้าก็มีพลังเยอะกว่าเจ้า และข้าก็ละเอียดอ่อนกว่าเจ้าด้วย ก่อนหน้านี้เจ้าออกไปหลายครั้ง ไม่เจอแม้กระทั่งเงาของไข่มุกมังกรด้วยซ้ำ ข้าออกไปแค่ครั้งเดียว ก็เจอที่อยู่ของไข่มุกมังกรลูกที่สี่เลย เรื่องนี้เจ้าจะปฏิเสธไม่ได้นะ”

“เจ้า……”

ผู้อาวุโสใหญ่ที่เงียบอยู่นานก็พูดขึ้นกะทันหัน “เจ้าหก เจ้าก็ออกไปด้วยเถอะ”

“ขอบพระคุณผู้อาวุโสใหญ่”

ภายในห้องไม้ไผ่ที่งดงาม

กู้ชูหน่วนไปเยี่ยมอี้เฉินเฟย นางว่าจะแอบมองเขาแล้วค่อยออกไป แต่ไม่คิดว่าอี้เฉินเฟยฟื้นขึ้นมาแล้ว

อี้เฉินเฟยมีสีหน้าซีดเซียว เส้นผมขาวโพลนดูโดดเด่นมากในท่ามกลางป่าไผ่

ถึงเขาจะอ่อนแรงแค่ไหน ก็ยังคงยิ้มอย่างอ่อนโยน มองดูกู้ชูหน่วนด้วยแววตาหวานเยิ้ม

“พี่เฉินเฟยฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่กัน ทำไมถึงไม่สั่งคนให้ไปเรียกข้าล่ะ”

“เพิ่งฟื้นน่ะ”

เสียงของอี้เฉินเฟยดูอ่อนแอมาก

เขาไม่ได้บอกนาง เขาฟื้นตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว

เมื่อคืนเป็นวันที่คำสาปเลือดกำเริบ เขาเจ็บปวดอย่างมาก สลบแล้วตื่นขึ้นมาแบบนี้หลายรอบ

และ……เห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดบนยอดเขาหิมะ รวมไปถึงบนยอดเขาที่อื่นๆ

เสียดายที่เขาอยากช่วยแต่ไม่มีเรี่ยวแรงมากพอ ตัวเองยังไม่หายดี จึงไม่สามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้

ความรู้สึกผิดแวบขึ้นบนใบหน้าของเขา

ถ้าไม่ใช่เพราะช่วยเขา พวกผู้อาวุโสคงไม่เสียแรงลมปราณมากมายขนาดนั้น จึงทำให้……ควบคุมชาวบ้านที่คำสาปเลือดกำเริบไว้ไม่ได้

เมื่อคืนนางเห็นภาพที่โหดร้ายกับตา เกรงว่าในใจคงจะรู้สึกไม่สบายใจ

กู้ชูหน่วนลากเก้าอี้มานั่งลงข้างเตียงเขา ช่วยเขาดึงผ้าห่ม

“อากาศเริ่มหนาวแล้ว ร่างกายเจ้าก็ไม่ค่อยดี ต้องห่มผ้าไว้ดีๆล่ะ ดูเจ้าสิ ผอมลงมากเลย เดี๋ยวข้าเขียนเมนูอาหารทิ้งไว้ ให้อินเอ๋อร์ทำตามเมนูอาหารนี้นะ”

“เจ้าจะออกจากที่นี่เหรอ?”

“อืม……แต่ข้าจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด”

เงียบ

ภายในห้องเงียบจนเข็มตกก็ยังได้ยิน

อี้เฉินเฟยรู้ว่า นางอยากออกไปตามหาไข่มุกมังกร

นัยน์ตาที่อ่อนโยนและอบอุ่นมีความเจ็บปวดเล็กน้อย เขาขยับริมฝีปาก น้ำเสียงทุ้มต่ำไพเราะ

“อาหน่วน เรื่องไข่มุกมังกรไม่ต้องรีบไปหรอก ถ้าหาได้ก็ดี ถ้าหาไม่ได้ก็ช่างเถอะ หลายปีมานี้ ทุกคนชินแล้วล่ะ”

กู้ชูหน่วนหัวเราะประชด

เรื่องแบบนี้จะชินได้ยังไง

“พี่เฉินเฟย ข้าเป็นคนเผ่าหยก ท่านแม่ของข้า……ท่านแม่ของข้าตายเพราะซึมเศร้าใช่หรือไม่? กู้เฉิงเซี่ยงเป็นพ่อของข้าจริงๆเหรอ”

“เรื่องนี้ ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน”

“งั้นพ่อแม่ของพี่ล่ะ”

ได้ยินเช่นนี้ สีหน้าที่ซีดเซียวอยู่แล้วของอี้เฉินเฟย ก็ซีดเซียวลงไปกว่าเดิม

เขาก้มหน้าลงแล้วหลับตาลงอย่างเจ็บปวด

“ขอโทษด้วย ข้าถามเรื่องที่เจ็บปวดของพี่”

อี้เฉินเฟยเงยหน้าขึ้น แล้วยิ้มอ่อนๆ “เจ้าอยากรู้จริงเหรอ? ที่จริงพูดแล้วก็ไม่เป็นไรหรอก”

“ตอนข้าอายุสี่ขวบ แม่ข้าท้องลูกอีกคน ป้าหนิวก็เหมือนกัน มีอายุครรภ์ได้ประมาณแปดเก้าเดือน ในวันที่สิบห้า คำสาปเลือดของพ่อข้ากำเริบ ไม่มีสติ ฆ่าแม่ของข้า ที่น่าเสียดายคือ แม่ข้าไม่ได้โชคดีเหมือนป้าหนิว นางตายพร้อมกับลูกในครรภ์ พ่อข้ารับไม่ไหวกับเรื่องนี้ วันต่อมาก็ฆ่าตัวตายต่อหน้าศพของแม่ข้า ดังนั้น……ตอนข้าอายุสี่ขวบ พ่อแม่ของข้าก็ไม่อยู่แล้วล่ะ มีพวกผู้อาวุโสเลี้ยงดูข้าจนเติบใหญ่”

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เศร้าโศกมาก

แต่อี้เฉินเฟยกลับเล่ามันออกมาอย่างเรียบเฉย เหมือนกำลังเล่าเรื่องที่ไม่สำคัญอยู่

กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่า ในใจเขาต้องแบกรับความเจ็บปวดแบบไหนไว้

มีใครที่ไหนเล่าเรื่องการตายของพ่อแม่ตัวเองแล้วยังยิ้มได้แบบนี้?

นางจับมือเขาไว้แน่น นัยน์ตาใสแจ๋วของนางสะท้อนใบหน้าที่ซีดเซียวของอี้เฉินเฟย แล้วพูดอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “พี่เฉินเฟย มีข้าอยู่ทั้งคน ข้าจะอยู่ข้างพี่ตลอดไปเอง”

คำพูดนี้ ทำเอากำแพงหนาที่อี้เฉินเฟนสร้างไว้ในใจพังทลายลงทันที

“เมื่อก่อนเจ้าก็เคยพูดแบบนี้กับข้า ตอนนั้นข้าอายุสี่ขวบ เจ้าอายุสามขวบ เจ้าก็จับมือของข้าไว้แบบนี้ แล้วพูดกับข้าอย่างมั่นใจ ว่าเจ้าจะอยู่เคียงข้างข้าตลอดไป”

งั้นเหรอ……

นางจำไม่ได้แล้ว

ตอนอายุสามขวบ นางยังอยู่ในโลกของนางอยู่เลย

“อาหน่วน ข้ารู้ ด้วยนิสัยของเจ้าแล้ว ไม่มีใครห้ามเจ้าออกไปตามหาไข่มุกมังกรได้ ข้าแค่อยากบอกว่า หาไม่เจอก็ไม่เป็นไร ไม่ว่ายังไงก็อย่าทำอะไรที่ฝืนกำลังตัวเองเลย และไม่ต้องเป็นห่วงข้าด้วย ข้าจะดูแลตัวเองให้ดี จะรอเจ้ากลับมาที่นี่นะ”

กู้ชูหน่วนซบลงในอ้อมกอดของเขา ขอบตาแดงก่ำ ตอบอืมด้วยน้ำเสียงที่คล้ายจะร้องไห้

อี้เฉินเฟยยื่นมือออกไปอยากปลอบนาง แต่ก็ไม่กล้าแตะต้องตัวของนาง จึงปล่อยให้นางกอดตัวเองอยู่แบบนี้

นางนับถือเขาเป็นพี่ชายแท้ๆ

เขากลับไม่คิดว่านางเป็นน้องแท้ๆ

แต่เขาจะไม่มีความคิดเกินเลยเด็ดขาด

ไม่เพียงเพราะว่าเขาโดนคำสาปเลือด ร่างกายไม่พร้อม

และไม่อยากทำลายความรู้สึกฉันพี่น้องที่ดีงามแบบนี้ด้วย

ขอแค่นางมีชีวิตที่ดี ทุกอย่าง……ก็เพียงพอแล้วล่ะ……

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

Status: Ongoing

กู้ชูหน่วน เดิมทีเป็นอัจริยะแพทย์สาวยุคปัจจุบัน การข้ามภพหนึ่ง พาเธอย้อนเวลาไปที่ยุคโบราณที่ไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนาม สิ่งที่ทำให้เธอคิดไม่ถึงก็คือ เพิ่งจะมาถึงสถานที่แปลกหูแปลกตานี้แท้ๆ เธอก็ต้องเสียตัวให้กับชายแปลกหน้าอย่างไม่มีทางเลือก หลังจากมีการพัวพันซึ่งกันและกัน เดิมทีกู้ชูหน่วนคิดว่าแต่นี้ต่อไป ต่างคนต่างไป จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก สุดท้ายกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เย่จิ่งหานกลับคอยตอแยเธอไม่เลิก โชคชะตาฟ้าลิขิต เธอค่อยๆครอบครองใจของเย่จิ่งหานไปเรื่อยๆ จนทำให้เขาตกอยู่ในภวังค์แห่งความรัก อย่างโงหัวไม่ขึ้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท