อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม – บทที่ 352 ล่อเข้าถ้ำโลหิต

บทที่ 352 ล่อเข้าถ้ำโลหิต

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 352 ล่อเข้าถ้ำโลหิต
ตีนเขาภูเขาน้ำเต้า คนของเผ่าเทียนเฟิ่นกับเผ่าปีศาจนำทหารที่เหลือรอดมาได้ลงเขาด้วยบาดแผลเต็มตัว สีหน้าบนใบหน้าพวกเขาไม่สู้ดีนัก เก็บกดความโกรธไว้ลับๆ เลือดสดไหลเลี้ยวลงมาจากร่างพวกเขาไม่หยุด

ผู้อาวุโสจุนของเผ่าเทียนเฟิ่นเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “หากคนเผ่าปีศาจของพวกเจ้า ลงมือให้เร็วหน่อย พวกเราก็ไม่ต้องพ่ายแพ้หมดท่าเช่นนี้แล้ว ปล่อยให้หุบเขาตันหุยได้ผลประโยชน์”

หัวหน้ากองธงกล้วยไม้ยิ้มเย็น “เผ่าเทียนเฟิ่นของพวกเจ้าก็มิใช่ทิ้งยอดฝีมือมากมายเฝ้าป้องกันเราหรือ? หากสามัคคีเป็นหนึ่งเดียว บุกด้วยกัน บางทีอสูรมังกรระดับเจ็ดก็ไม่ต้องให้พวกเราลงมือแล้ว พวกเจ้าจัดการกันเองได้ อันที่จริงพวกเจ้าก็ยังไม่เชื่อเราอยู่ดี”

เดิมนิสัยของผู้อาวุโสหยุนเฟยเย่ก็โผงผาง เขาเดือดขึ้นพลัน “พวกเขาเข้าบุกด้วยกัน เจ็บหนักทั้งหมด แล้วพวกเจ้าก็มาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์หรือ?”

สุดยอดผู้อาวุโสหวงแห่งเผ่าเทียนเฟิ่นตวาด “พอที! เทียบกับพูดมากความอยู่ที่นี่ มิสู้คิดว่าจะชิงมุกมังกรจากมือหุบเขาตันหุยมาอย่างไรดี!”

สุดยอดผู้อาวุโสหวงว่าแล้วก็กระอักเลือดสดออกมาอีกคำ ดูจะเจ็บไม่เบา

“ครั้งนี้เจ้าหุบเขาที่นำหน้ามาของหุบเขาตันหุย เขายังเป็นแค่เด็กเมื่อวานซืน อยากเอามุกมังกรกลับจากมือเขา ยังมิใช่เรื่องง่ายหรือ? ข้าว่า เราก็ไม่จำเป็นต้องกลับไปโยกกองหนุนมา รักษาบาดแผลอยู่กับที่ก่อน รออาการดีขึ้นบ้างแล้วเราค่อยไปดักที่เส้นทางลงเขา ชิงมาเลยก็สิ้นเรื่อง” หัวหน้ากองธงดอกท้อเอ่ย

“เจ้าเงยหน้าดูสิ”

หัวหน้ากองธงดอกท้อและคนอื่นๆ ต่างเงยหน้าขึ้นอย่างอัตโนมัติ กลับเห็นวายุเมฆาบนท้องนภาเปลี่ยนสี ค่ายกลแปดทิศเป็นชั้นๆ โจมตีอสูรมังกรระดับเจ็ด ข่มจนดวงไฟของอสูรมังกรไม่อาจพ่นออกมาได้

ทุกคนตะลึงงัน

ความสามารถของหุบเขาตันหุยร้ายกาจเพียงนี้เชียว?

แม้อสูรมังกรระดับเจ็ดเจ็บหนัก แต่อูฐที่ผอมตายก็ยังตัวใหญ่กว่าม้า แต่มังกรร้ายแม้เจ็บหนักก็ยังมีพิษสง

หากอสูรมังกรระดับเจ็ดคลุ้มคลั่งขึ้นมา ไม่ว่าผู้ใดก็อาจตายได้ พวกเขาบีบคั้นอสูรมังกรระดับเจ็ดมากเกินไป ทำให้อสูรมังกรคึกคะนองโต้กลับ ทำพวกเขาบาดเจ็บสาหัส

ส่วนพวกเขา ในเมื่อควบคุมให้อสูรมังกรไม่อาจโต้กลับได้แม้แต่น้อย เช่นนี้ต่อไป อสูรมังกรต้องถูกพวกเขาสยบลงเป็นแน่

นึกถึงว่าตนสูญเสียไปมากมายเช่นนั้น สุดท้ายกลับเป็นการปูทางให้คนอื่น ทุกคนในที่นี้จึงรู้สึกขมขื่นใจยิ่งนัก

ผู้อาวุโสจุนประหลาดใจไม่หยุด “ความสามารถของหุบเขาตันหุยแข็งแกร่งขนาดนี้เชียว? พวกเขามิได้ขึ้นชื่อเรื่องการหลอมยาหรือ?”

“การหลอมยาของหุบเขาตันหุยเลื่องชื่อทั่วปฐพี แต่น้อยคนนักที่จะรู้ วิทยายุทธ์และค่ายกลของพวกเขาก็เป็นหนึ่งในใต้หล้าเช่นกัน ลองถามดูสิ หุบเขาตันหุยหลอมยาได้ร้ายกาจเพียงนั้น ไยไม่ให้ศิษย์ในหุบเขากิน จะได้เพิ่มกำลังมากขึ้น เพียงแต่พวกเขาถ่อมตนเกินไป ดังนั้นภายนอกจึงไม่รู้”

“เช่นนั้นก็น่ากลัวเกินไปแล้วกระมัง?”

สุดยอดผู้อาวุโสหวงเอ่ย “ไม่ ตอนที่ดูพวกเราต่อสู้กับอสูรมังกรระดับเจ็ด พวกเขาคงจับจุดอ่อนของอสูรมังกรได้ ดังนั้นจึงโจมตีเฉพาะจุดอ่อนของมัน”

“เช่นนั้นพวกเรายังจะบื้ออยู่ทำไม? รักษาบาดแผลก่อน แล้วทำกับดักเถอะ จะได้ไม่ถูกพวกเขาชิงไปก่อน จริงสิ พวกเจ้าส่งเส้าหยีออกไปอย่างปลอดภัยแล้วกระมัง? ต้องคุ้มครองความปลอดภัยของเขา จะให้เขาเป็นอันตรายแม้เพียงน้อยนิดมิได้เป็นอันขาด”

ขณะนั้นเองก็มีความผิดปกติดังมาจากไม่ไกลเล็กน้อยระลอกหนึ่ง สุดยอดผู้อาวุโสรู้ได้โดยพลัน “ใคร! ออกมา หากยังไม่ออกมากอีก ระวังข้าจะเอาชีวิตเจ้า!”

พวกเขาต่างเจ็บหนัก หากเป็นผู้ฝีมือดีสักหน่อย ก็เป็นไปได้มากว่าจะปลิดชีวิตของพวกเขาได้ ดังนั้นทุกคนจึงตั้งรับอย่างตึงเครียด

ฝ่ามือลมสายหนึ่งโจมตีมา กู้ชูหน่วนหลบผลุบอย่างรวดเร็ว จงใจหกล้มอยู่ตรงหน้าพวกเขา นางเนื้อตัวมอมแมม ผมเผ้ารุงรัง เหมือนคนขอทาน

ดวงหน้ามั่นใจแต่เดิมของนางหวาดกลัวก่อน ปกป้องสิ่งที่อยู่ในอกอย่างอัตโนมัติ เอ่ยเสียงระริก “พวกเจ้าจะทำอะไร?”

“เป็นเจ้า เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? เย่เฟิงล่ะ?” หัวหน้ากองธงกล้วยไม้จ้องนางด้วยความเย็นชา ไม่รู้ว่านางมีแผนอะไรอีก นังเด็กหัวหมอนี่

“เย่เฟิงไปจากภูเขาน้ำเต้าโลหิตแล้ว”

“ในอกเจ้าซ่อนสิ่งใด?”

สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย ไม่นานก็กลับมาสงบนิ่ง นางวางสองมือลง แสร้งพูดอย่างหน้าตาแช่มชื่น “ข้าเป็นผู้หญิงอ่อนแอ ในอกจะมีสิ่งใดได้ ก็แค่กลัวพวกเจ้าผู้ชายมากมายเพียงนี้จะทำมิดีมิร้ายกับข้าเท่านั้น”

ถ้อยคำนี้ของนาง ใครก็ไม่เชื่อ

เพราะอารมณ์เศษเสี้ยวของนางเผยพิรุธ ถึงนางจะสงบอย่างไร ทุกคนก็ยังจับได้

คนของเผ่าปีศาจพากันล้อมนางไว้ คนของเผ่าเทียนเฟิ่นแม้จะชมอยู่ข้างๆ แต่ก็ไม่คิดปล่อยกู้ชูหน่วน

“นังหนู ข้าของเตือนเจ้ามอบสั่งนั้นออกมาเสียดีๆ มิเช่นนั้น…เฮอะ…”

ถ้อยคำของหัวหน้ากองธงกล้วยไม้เต็มไปด้วยการตักเตือน

หัวหน้ากองธงโบตั๋นกลับส่งเสียงจุ๊ๆ “นังเด็กนี่ถึงจะสกปรกไปหน่อย แต่รูปร่างกลับดีมาก พอทำที่อุ่นเตียงได้ ดูเหมือนไม่เลวเหมือนกัน”

“พวก…พวกเจ้าคิดจะทำอะไร…”

“ข้าจะบอกให้นะ ข้าเป็นถึงพระชายาหาน ถ้าพวกเจ้ากลับทำอะไรข้า อ๋องหานต้องไม่ปล่อยพวกเจ้าไว้แน่”

“อะไรนะ…เจ้าเป็นภรรยาของเย่จิ่งหาน เช่นนั้นพวกเราเผ่าเทียนเฟิ่นยิ่งปล่อยเจ้าไปไม่ได้ เด็กๆ! ฆ่านาง!”

ทุกคนดาหน้ากันขึ้นมา ขณะจะเอาชีวิตกู้ชูหน่วน กู้ชูหน่วนก็ยืนอยู่ริมหน้าผาอย่างเด็ดเดี่ยว ชูกระดิ่งทลายวิญญาณ “ถ้าพวกเจ้าเข้ามาอีกก้าวเดียว ข้าจะโยนกระดิ่งทลายวิญญาณลงทะเลโลหิต!”

“กระดิ่งทลายวิญญาณ นั่นเป็นกระดิ่งทลายวิญญาณจริงๆ”

ทุกคนในนั้นต่างดูออก

กระดิ่งในมือกู้ชูหน่วนส่องแสงเรืองรอง ยันต์อักขระวูบไหว กระทั่งมีชี่ทิพย์ไหลเวียนอยู่ มันคร่ำครึไม่หรูหรา แต่กลับให้เห็นแวบเดียวก็ไม่อาจเมินมันได้

ตามการร่ำลือ มีเพียงหากระดิ่งทลายวิญญาณพบ ถึงได้มุกมังกร

ตอนนี้ หากพวกเขาได้กระดิ่งทลายวิญญาณมา ขอเพียงจัดการอสูรมังกรได้ ก็จะได้ผลงานเป็นสองเท่า

กระดิ่งทลายวิญญาณนี้ ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ต้องชิงมาให้ได้

“มอบกระดิ่งทลายวิญญาณมา แล้วข้าจะเหลือศพสมบูรณ์ให้เจ้า”

“ล้อเล่นอะไร คนจะตายอยู่แล้ว ศพสมบูรณ์หรือไม่จะทำไม หากพวกเจ้าปล่อยข้า ข้าก็ยังพอพิจารณามอบกระดิ่งทลายวิญญาณให้พวกเจ้า”

“ถ้าเจ้าไม่ใช่ภรรยาของเย่จิ่งหาน เรายังพอพิจารณาปล่อยเจ้าได้ แต่เจ้ากลับเป็นภรรยาของคนผู้นั้น พวกเราเผ่าเทียนเฟิ่นจะปล่อยเจ้าไปไม่ได้เด็ดขาด!”

“โอ๊ะ…เจ้ามีความแค้นอะไรกับเย่จิ่งหาน?”

“เฮอะ จะมอบหรือไม่มอบ?” วาจาของสุดยอดผู้อาวุโสมีความหงุดหงิดนิดๆ หากกู้ชูหน่วนกล้าพูดว่าไม่ให้ เขาคงฆ่านางทันทีแน่

กู้ชูหน่วนเสียงอ่อนอย่างรู้จักสถานการณ์ “เทียบชีวิตกับมุกมังกร ชีวิตก็ต้องสำคัญกว่าอยู่แล้ว แต่ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าพวกเจ้าจะไม่กลับคำฆ่าข้า?”

“ข้ารับรองด้วยเกียรติของสุดยอดผู้อาวุโสเผ่าเทียนเฟิ่น ขอเพียงเจ้ามอบกระดิ่งทลายวิญญาณ ไม่ว่าผู้ใดที่อยู่ที่นี่จะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจ มิเช่นนี้…เฮอะ…”

กู้ชูหน่วนลังเลเล็กน้อย ราวกับกำลังคิดว่าคำพูดเขาเป็นจริงกี่ส่วน

ในใจเผ่าเทียนเฟิ่นและเผ่าปีศาจต่างไม่มั่นใจบางส่วน

หากนางทิ้งกระดิ่งทลายวิญญาณลงทะเลโลหิตจริงๆ เช่นนั้นจะงมอย่างไรก็งมกระดิ่งทลายวิญญาณขึ้นมาไม่ได้แล้ว

เคราะห์ดีที่กู้ชูหน่วนรับปากแล้ว

“ก็ได้ เห็นแก่ท่าทางดั่งเซียนดั่งพรต หน้าตามีเมตตาของเจ้า ข้าจะเชื่อเจ้า แต่เจ้าต้องคุ้มครองความปลอดภัยของข้านะ”

กู้ชูหน่วนว่าแล้วก็รวดเร็วนัก โยนกระดิ่งทลายวิญญาณไปทันที

คนของเผ่าเทียนเฟิ่นเข้าไปชิงทันที คนของเผ่าปีศาจก็อยากชิงด้วย หัวหน้ากองธงกล้วยไม้จึงส่งสายตา ทุกคนถึงหยุดฝีเท้า

“กระดิ่งทลายวิญญาณเป็นของจริง” สุดยอดผู้อาวุโสเผยความยินดี ไม่กล้าดูแผนที่กับยันต์อักขระบนนั้นละเอียด

“เป็นแผนที่ของภูเขาน้ำเต้าโลหิต คิดไม่ถึงว่าที่นี่จะมีม่านอาคมและอันตรายที่ไม่รู้มากขนาดนี้ หากเราได้มาแต่แรกก็ไม่ต้องเสียกำลังคนไปขนาดนั้นแล้ว ไม่ถูก…ภาพนี้มีเพียงครึ่งเดียว อีกครึ่งล่ะ?”

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

Status: Ongoing

กู้ชูหน่วน เดิมทีเป็นอัจริยะแพทย์สาวยุคปัจจุบัน การข้ามภพหนึ่ง พาเธอย้อนเวลาไปที่ยุคโบราณที่ไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนาม สิ่งที่ทำให้เธอคิดไม่ถึงก็คือ เพิ่งจะมาถึงสถานที่แปลกหูแปลกตานี้แท้ๆ เธอก็ต้องเสียตัวให้กับชายแปลกหน้าอย่างไม่มีทางเลือก หลังจากมีการพัวพันซึ่งกันและกัน เดิมทีกู้ชูหน่วนคิดว่าแต่นี้ต่อไป ต่างคนต่างไป จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก สุดท้ายกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เย่จิ่งหานกลับคอยตอแยเธอไม่เลิก โชคชะตาฟ้าลิขิต เธอค่อยๆครอบครองใจของเย่จิ่งหานไปเรื่อยๆ จนทำให้เขาตกอยู่ในภวังค์แห่งความรัก อย่างโงหัวไม่ขึ้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท