อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 440 มอบเครื่องประดับที่ดีที่สุดในหล้าแก่นาง
“องค์หญิงตังตัง ไม่ทราบตอนนี้หม่อมฉันไปเลือกเครื่องประดับที่จวนองค์หญิงได้หรือยังเพคะ?”
องค์หญิงตังตังอดกลั้นจนหน้าแดงก่ำ แต่ก็พูดไม่ออกสักคำ ได้แต่กัดฟันเห็นด้วย
“ก็แค่เครื่องประดับชิ้นเดียว หรือว่าข้ายังจะให้ไม่ได้อีก เจ้าเลือกเครื่องประดับจวนองค์หญิงตามสบาย ขอเพียงเจ้าชอบก็เอาไปได้ ข้าจะไม่ผิดคำเด็ดขาด”
ไทเฮาสงสัยว่ากู้ชูหน่วนจะคิดไม่ซื่อ ต้องการเครื่องประดับอะไรจวนอ๋องหานไม่มี ต้องมาเอาเครื่องประดับของตังตัง เกรงว่าจะมีแผน
นางกำลังคิดวิธีปฏิเสธ คิดไม่ถึงองค์หญิงตังตังเอ่ยอนุญาตแล้ว ทั้งยังอนุญาตได้รวดเร็วฉับไว
ยัยลูกโง่คนนี้นี่ ถูกคนหลอกตกหลุมพรางแล้วยังไม่รู้อีก!
นางกล่าววาจาเด็ดขาดขนาดนั้น หากนางยังคิดขวางอีก กลับทำให้ดูนางใจแคบ
ไทเฮาจึงได้แต่ส่งสายตา ให้ข้าราชบริพารเก็บเครื่องประดับมีราคา
ใจนางเดาไม่ออกว่ากู้ชูหน่วนต้องการเครื่องประดับอะไรกันแน่ จึงได้แต่ทำเช่นนี้
กู้ชูหน่วนเหล่มองขันทีข้างกายไทเฮาที่เร่งเดินจากไป รอยยิ้มเย็นเล็กน้อย “หม่อมฉันทราบว่าองค์หญิงน้ำพระทัยกว้างขวาง เช่นนั้นเราก็ไปประเดี๋ยวนี้เลยเถอะเพคะ”
“ไปตอนนี้?” จะรีบไปหน่อยกระมัง?
“ก็ต้องอย่างนั้นสิเพคะ มิเช่นนั้นหากองค์หญิงเอาเครื่องประดับมีราคาไปซ่อน หม่อมฉันมิเสียเปรียบมากหรือเพคะ?”
“เจ้าเห็นข้าเป็นคนอย่างไร? อย่าว่าแต่เครื่องประดับชิ้นเดียว ต่อให้เป็นสิบชิ้น ร้อยชิ้น ข้าก็ให้ได้!”
นางรู้ว่ากู้ชูหน่วนไม่ได้ต้องการเพียงแค่เครื่องประดับเท่านั้น
กู้ชูหน่วนต้องรู้แน่ ว่าช่วงนี้นางเสียเงินไปมาก เสียจนจะล้มละลายอยู่แล้ว ดังนั้นจึงจงใจอ้างเรื่องเครื่องประดับมาลบหลู่นาง
“มีดำรัสนี้ขององค์หญิง หม่อมฉันก็ว่าวางใจแล้วเพคะ จริงสิ ฝ่าบาท หม่อมฉันชนะการพนันนี้ ทรงควรประทานรางวัลให้หม่อมฉันหน่อยไหมเพคะ”
ฮ่องเต้เย่ฉับไวมาก “เจ้าต้องการสิ่งใดก็กล่าวมาตามตรงเถอะ”
ขอเพียงอ๋องหานยินยอม แต่งตั้งนางเป็นสนมก็ไม่ใช่ไม่ได้
“ม้าสีดำตัวน้อยนี้ หม่อมฉันเห็นแล้วชอบมาก จะประทานให้หม่อมฉันได้ไหมเพคะ?”
“แค่นี้หรือ?” ฮ่องเต้เย่ผิดหวังอย่างไม่รู้สาเหตุ
เขายังนึกว่านางรังเกียจเย่จิ่งหานที่โหดเหี้ยมกระหายเลือด เย็นชาไร้หัวใจ อยากขอให้เขายกเลิกการแต่งงานเสียอีก
“มิเช่นนั้นฝ่าบาทคิดว่าหม่อมฉันต้องการอะไรเพคะ?” กู้ชูหน่วนเบ้ปาก เหตุใดตั้งแต่เริ่มการแข่งขันยิงธนู ฮ่องเต้น้อยนี้ก็รับมือยากนิดๆ หรือว่าในใจจะคิดแผนการอะไร คิดว่าจะต่อกรกับนางอย่างไรกระมัง?
“ก็ได้ เช่นนี้ม้าดำตัวน้อยนี้ก็มอบให้เจ้าแล้วกัน”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท” กู้ชูหน่วนลูบหัวม้าดำตัวน้อย มุมปากเกี่ยวรอยยิ้มแดง
“เจ้าเร็วเช่นนี้ ต่อไปก็ชื่อว่าจุยเฟิง(*ไล่ตามลม) เถอะ เอาไอ้ทึ่มชิงเฟิงทิ้งห่างร้อยโยชน์เสีย”
มุมปากชิงเฟิงที่ยืนอยู่หลังเย่จิ่งหานกระตุก
อยู่ดีๆ เขาก็โดนหางเลข?
เย่จิ่งหานอารมณ์เบิกบาน แม้แต่ความคร่ำเคร่งในหลายวันนี้ก็ไม่รู้สลายไปตั้งแต่เมื่อใด “คาดว่าพระชายาต้องขาดเครื่องประดับเป็นแน่ เจ้าไปเอาเครื่องประดับในจวน รวมถึงเลือกเครื่องประดับที่ดีที่สุดในพระนครมามอบให้พระชายา”
ชิงเฟิงอยากพูด
เครื่องประดับของพระชายามีมากเหลือคณาแล้ว
ห่างสามวันห้าวันท่านอ๋องก็ให้คนมอบเครื่องประดับ แถมให้ทียังเยอะขนาดนั้น ทว่าทุกวันพระชายาก็มิได้สวมใส่ เพียงแต่งทรงผมตามอัธยาศัย มิได้ผัดแป้ง และไม่เสียบเครื่องประดับอะไรด้วย
นี่เป็นปัญหาของพระชายา มิใช่ปัญหาของท่านอ๋อง
แต่จำต้องยอมรับ แม้นไม่ได้ผัดแป้ง ไม่เสียบปิ่นระย้าดอกไม้มุกงาม แต่พระชายายืนอยู่ท่ามกลางผู้คนก็เป็นที่สะดุดตาในแวบแรกได้แล้ว นางงามเพริศแพร้ว อีกทั้งบุคลิกโดดเด่นเหนือผู้คนเหลือเกิน ไม่ผัดแป้งกลับเป็นความงามสมถะที่เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่ง
เย่จิ่งหานชะงักเล็กน้อย แล้วเสริมอีกประโยค “เฆี่ยนม้าลงแส้ ส่งคนไปซื้อเครื่องประดับที่ดีที่สุดในหล้ากลับมาให้พระชายา”
มือหยกหัวหอมของจอมมารที่กำลังลูบเส้นผมดำหมึกอันนุ่มสลวยราวไหมสีดำหยุดชะงัก ดวงหน้าหล่อเหลาราวปีศาจแวบความไม่พอใจเสี้ยวหนึ่ง “เสียทีที่เย่จิ่งหานมีทรัพย์สมบัติเทียบเทียมแคว้น การค้าแลอิทธิพลกระจายทั่วหล้า กลับซื้อไม่ได้กระทั่งเครื่องประดับ เสวียซา เจ้าไปซื้อเครื่องประดับที่ดีที่สุดทั้งพระนครมามอบให้พี่สาว”
“ทั้งพระนคร?”
“ใช่ แล้วส่งคนไปรวบรวมเครื่องประดับที่ดีที่สุดในหล้ามอบให้พี่สาว”
“ขอรับ…” เสวียซาลอบเงยหน้า กลับเห็นรูม่านตาต่างสีทั้งคู่ของจอมมารเจือรอยยิ้ม และที่สะท้อนอยู่ก็คือสีแดงเพลิงทั้งร่างของกู้ชูหน่วน
เขาจินตนาการได้ พวกเขากับเย่จิ่งหานต้องเปิดศึกใหญ่ครั้งหนึ่งแน่
ซ่างกวนฉู่ล้วงปิ่นระย้าอันหนึ่งออกมาจากหน้าอกอย่างไม่รู้ตัว
ปิ่นระย้าทำจากหยก ขาวหิมะทั้งอัน เป็นประกายส่องทะลุ ครั้นเห็นก็รู้เป็นหยกเนื้อดี ปลายสุดของปิ่นระย้าแกะสลักผีเสื้อสองตัวที่กำลังกางปีกโบยบิน ด้านล่างของผีเสื้อห้อยเม็ดหยกชั้นเลิศอวบอิ่มเป็นเม็ดๆ
จะดูอย่างไรปิ่นระย้านี้ก็สงบนิ่งงามสง่า มิได้หรูหราอลังการ
หากดูให้ละเอียด ก็สามารถดูออกได้ ทั้งดุ้นทำจากหยก และไม่รู้ว่าทำจากหยกอะไร สัมผัสอบอุ่น หยกแต่ละเม็ดอยู่ท่ามกลางผีเสื้อ ยังมีผีเสื้อตัวเล็กๆ ซ่อนเร้นแวววาวอยู่ด้วย
คนในวงการแค่เห็นก็มองออกได้ว่า ปิ่นระย้านี้ต้องมีมูลค่ามหาศาลแน่นอน
ซ่างกวนฉู่อยากมอบออกไป แต่ไม่รู้ว่าคิดถึงอะไร เขากลับเก็บปิ่นระย้ากลับไปอีก หันตัวจากไป เหลือไว้เพียงแผ่นหลังสูงเพรียวขาวหิมะ
ในจวนองค์หญิง
องค์หญิงตังตังนำกู้ชูหน่วนไปที่ห้องเครื่องประดับเพชรพลอย
ที่นี่แต่เดิมล้วนมีเครื่องประดับเพชรพลอยมูลค่ามหาศาลเต็มประดา กอปรกับเครื่องหยกของโบราณต่างๆ
แต่ระยะนี้นางแพ้หลายครั้งเกินไป ทั้งถูกคนของไทเฮาเก็บซ่อนอีกส่วนหนึ่ง ด้วยเหตุนี้ที่นี่จึงว่างเปล่า ของล้ำค่าที่เอาออกมาได้มีแค่ไม่กี่ชิ้น
ไทเฮาไม่วางใจ จึงตามมาด้วย มาพร้อมกัน ยังมีฮ่องเต้เย่
ครั้นองค์หญิงตังตังเห็นเครื่องประดับอัญมณีละลานตาของตัวเองเหลือเพียงไม่กี่ชิ้นแล้ว ในใจก็มีอีกาบินออกมาเป็นฝูง
เดิมทีก็ขายหน้าพออยู่แล้ว ยามนี้เหลือเพียงเท่านั้น กู้ชูหน่วนมิต้องหัวเราะนางตายหรือ?
นางถีบคนที่อยู่ด้านข้างล้ม ก่นด่าด้วยโทสะ “พวกเจ้าเฝ้ายามกันอย่างไร? ของมีค่าในห้องเก็บสมบัติของข้าไปไหนหมด?”
“องค์หญิงไว้ชีวิตด้วยพ่ะย่ะค่ะ ก่อนหน้านี้องค์หญิงให้คนนำของมีค่ามากมายไปจำนำ เวลานี้ของมีค่าในจวนองค์หญิงล้วนอยู่ที่นี่หมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“บังอาจ! ข้าเป็นองค์หญิงแคว้นเย่ ข้าต้องจำนำเครื่องประดับหรือ? ทั้งที่ข้ารับใช้สุนัขอย่างพวกเจ้าเฝ้าดูแลลักขโมยเอง ว่ามา! ของมีค่าของข้าอยู่ที่ไหนหมดแล้ว?!” องค์หญิงตังตังอายจนโกรธ ได้แต่ระบายอารมณ์กับข้ารับใช้
“องค์หญิงโปรดพิจารณาด้วยพ่ะย่ะค่ะ ต่อให้ข้าน้อยมีศีรษะร้อยศีรษะ ก็ไม่กล้าขโมยของพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิง…”
“พอที! ออกไป!”
ไทเฮาสกัดถ้อยคำของขันที ใบหน้าเคร่งขรึมเอ่ย “พระชายาหาน แคว้นเย่มีสงครามวุ่นวาย กำลังอยู่ในช่วงพายุประดังประเด ข้าเกรงว่าค่าใช้จ่ายทหารจะไม่พอ จึงให้คนขายเพชรนิลจินดาส่วนหนึ่ง เสริมความต้องการกองทัพ พระชายาหานคงไม่ถือสาเรื่องนี้กระมัง?”
“ไม่อยู่แล้วเพคะ”
กู้ชูหน่วนคร้านจะเปิดโปงนาง
ไม่มีเงินเอาไปจำนำก็จำนำสิ ยังพล่ามเหตุผลมากมาย เห็นนางเป็นคนโง่หรือ?
นางตรวจสอบทีละชิ้น หวังเพียงในนี้จะมีจี้รูปหัวใจที่นางต้องการ
หากไม่มี นางยังต้องคิดหาวิธีเอาจากตัวพวกนางอีก