อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 452 เจ้าตัวแสบนี่ ทำให้คนพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
“อาจารย์ซ่างกวน ข้ารับประกันว่าหลังจากนี้จะตั้งใจเรียนเป็นแน่ พัฒนาขึ้นทุกวัน จะไม่ทำให้ท่านโมโหอีก ท่านเอาปิ่นระย้าหยกขาวให้ข้าก่อนเถอะนะ ไม่มีปิ่นอันนี้ ข้ามีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้จริงๆ”
ซ่างกวนฉู่จ้องมองไปที่เสื้อผ้าสีขาวดั่งหิมะของเขา
เสื้อผ้านั่นเลอะน้ำมูกและน้ำตาของนางมากมาย หลังจากกู้ชูหน่วนเช็ดแล้ว ก็ดึงแขนเสื้ออีกข้างหนึ่งของเขา เช็ดน้ำมูกของตัวเองไม่หยุด
กล่าวด้วยเสียงอันเศร้าโศก “อาจารย์ ท่านเป็นอาจารย์ที่ดีที่สุดในโลก ก่อนหน้านี้ข้าตาบอดไม่ตั้งใจเรียน ท่านให้โอกาสข้าปรับปรุงตัวให้สักครั้งได้หรือไม่?”
ซ่างกวนฉู่ “……”
เขาแค่อยากจะบอกว่า นางพูดก็พูดไป ร้องไห้ก็ร้องไห้ไป อย่าเอาเสื้อผ้าของเขาไปเป็นผ้าเช็ดหน้าได้หรือไม่?
เขามีนิสัยรักความสะอาด
ทุกคนอึ้งตาค้างไปอีกครั้ง
โดยปกติอาจารย์ซ่างกวนจะไม่คลุกคลีแสงสีเรื่องทางโลก เป็นการดำรงอยู่ของสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด
และไม่ใช่ว่าที่ผ่านมาอาจารย์ซ่างกวนเป็นคนรักสะอาดหรือ?
ทำไมเขาถึงได้ทนให้กู้ชูหน่วนเช็ดน้ำมูกบนตัวของเขาได้?
หลิวเยว่อวี่ฮุยปิดหน้า
ขายหน้าเกินไปแล้ว
วันนี้ลูกพี่กินยาผิดหรือไง?
หลิวเยว่ขยิบตา ตะโกนกล่าว “ลูกพี่ ท่านรีบลุกขึ้นมา ท่านต้องการปิ่นอะไร ข้ามอบให้ท่าน ไม่ต้องพูดถึงปิ่นระย้าหยกขาวอันหนึ่งแล้ว แม้จะเป็นร้อยอัน ข้าก็ให้ท่าน”
อวี่ฮุย “ใช่แล้ว แม้ว่าข้าจะล้มละลาย ก็จะเอาปิ่นที่ดีที่สุดในโลกมาให้ท่าน ท่านรีบลุกขึ้นมาเถอะ”
กู้ชูหน่วนแทบอยากจะเย็บปากของพวกเขาไว้
ปิ่นที่พวกเขาให้ จะเหมือนกับปิ่นในมือของอาจารย์ซ่างกวนได้หรือ?
ยิ่งเป็นเช่นนี้ กู้ชูหน่วนก็ยิ่งกอดไว้แน่นขึ้น เสียงร้องไห้ก็ดังขึ้น “อาจารย์ ท่านก็เห็นแก่ที่ข้าไม่ได้นอนมาสามวันสองคืน และเห็นแก่ท่าทางความซื่อตรงจริงใจขนาดนั้นของข้า มอบปิ่นให้ข้าก่อนเถอะ ท่านเป็นอาจารย์ที่ดีที่สุดในโลก ข้าขอร้องท่านล่ะน่ะ”
กู้ชูหน่วนยิ่งกอดยิ่งสูงขึ้น ครั้งนี้ไม่ได้กอดแค่หน้าแข้ง แต่เป็นการกอดต้นขา อีกทั้งยังสูงขึ้นเรื่อยๆ
ซ่างกวนฉู่สะดุ้งโหยง รีบผลักนางออกไป และพยายามอยู่ให้ห่างไกลจากนางสุดความสามารถ
การสัมผัสอย่างใกล้ชิดเช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกไม่คุ้นเคยอย่างยิ่ง
แต่กู้ชูหน่วนเกาะเหมือนแผ่นแปะยาหนังหมา เกาะติดเหมือนปลิงเช่นนั้น ผลักอย่างไรก็ไม่ออก
แล้วตรงนี้ก็มีคนดูอยู่มากมายขนาดนี้
บวกกับกู้ชูหน่วนที่ทั้งเหนื่อยล้า ทั้งน้อยใจ ทั้งเสียใจ
เขาใจอ่อนทันที “แต่ข้าเคยพูดไว้ว่า มีเพียงคนที่ได้ที่หนึ่งเท่านั้นที่จะสามารถรับปิ่นระย้าหยกขาวไปได้”
“ท่านดูสิ นอกจากนิยายของข้าจะได้รับความนิยมเป็นที่สุดแล้ว ยังจะมีใครเทียบข้าได้อีก ที่หนึ่งเป็นของข้าอย่างแน่นอน หากอนาคตเลือกออกมาว่าที่หนึ่งไม่ใช่ข้า ข้าก็จะเอาปิ่นระย้าหยกขาวคืนให้นาง”
นางได้ปิ่นระย้าหยกขาวไปแล้ว ยังจะคายออกมาให้คนอื่นได้อีกหรือ?
คำพูดนี้ใครจะเชื่อ?
เห็นว่ากู้ชูหน่วนต้องการจะออดอ้อนอีกครั้ง ซ่างกวนฉู่รีบกล่าวว่า “ทว่า นิยายของเจ้ายังเขียนไม่จบ”
“อันนี้พูดง่าย ท่านเอาปิ่นระย้าหยกขาวให้ข้าก่อน ข้าค่อยๆเขียนนิยายให้ดีๆก็ได้ ไม่ว่าอย่างไรนี่ก็เป็นเรื่องยาว เขียนสองวันก็เขียนไม่เสร็จถูกต้องหรือไม่ แต่หากร่างกายของข้าทนอีกสองวัน ข้ากลัวว่านิยายเขียนยังไม่จบ ข้าก็จะตายซะก่อนแล้ว”
ซ่างกวนฉู่มองไปที่ท้องของนางอย่างควบคุมตัวไม่ได้
บางทีคนอื่นอาจจะไม่รู้ว่านางตั้งครรภ์
แต่เขากลับรู้
พอจะสามารถทนได้ถึงตอนนี้ ก็เป็นขีดจำกัดของนางแล้ว
อดทนต่อไปอีก กลัวเพียงแค่จะรักษาเด็กในท้องของนางไม่ได้
เย่จิ่งหานส่งคนเข้ามาหลายครั้งแล้ว ให้นางพักผ่อน ไม่อนุญาตให้เขียนอีก
หากว่านางเขียนต่อไปอีก กลัวเพียงแค่เย่จิ่งหานจะพุ่งเข้ามาเองแล้ว
ที่สำคัญที่สุดคือ……
เดิมทีปิ่นอันนี้ก็ต้องการจะมอบให้นางอยู่แล้ว……
“อาจารย์ซ่างกวน ท่านมองดูสายตาอันน่าสงสารของข้า อาจารย์ซ่างกวน……”
กู้ชูหน่วนเขย่าแขนเขาไม่หยุด
แขนเสื้อของเขาเลอะน้ำมูกน้ำตา เมื่อเขย่าเช่นนี้ ซ่างกวนฉู่ขมวดคิ้วเล็กน้อยทันที
เขาทนรับการออดอ้อนของกู้ชูหน่วนไม่ได้ ยิ่งทนรับน้ำตาของนางไม่ได้ ทำได้เพียงเสียงอ่อนลง “ช่างเถอะ ปิ่นระย้าหยกขาวมอบให้เจ้าก่อนได้ แต่ เจ้าต้องสัญญาว่า จะต้องเขียนบทสรุปของนิทานให้ดีๆ”
โดยเฉพาะเรื่องราวของเฟิงหลิง จำเป็นต้องเขียนให้ดีๆ
ดีที่สุดคือจัดให้เฟิงหลิง และนางเอกหยางฉู่ลั่วอยู่ด้วยกัน
กู้ชูหน่วนดีใจทันที “ได้ สัญญาว่าจะทำภารกิจให้สำเร็จ อาจารย์วางใจได้ ข้าจะต้องเขียนให้ดีๆ จะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังเด็ดขาด ยิ่งจะไม่ทำให้อาจารย์ผิดหวังด้วย อาจารย์มอบปิ่นให้ข้าก่อนได้แล้วใช่หรือไม่”
ซ่างกวนฉู่หยิบปิ่นออกมาจากหน้าอก ยังไม่ทันได้มอบให้กู้ชูหน่วน
กู้ชูหน่วนก็แย่งไปแล้ว วางไว้ในฝ่ามือเพ่งมองอย่างพินิจไม่หยุดและเล่นขึ้นมาแล้ว
มองดูรอยยิ้มในดวงตาของนาง รวมทั้งแววตาที่ชื่นชอบนั่น
ซ่างกวนฉู่ก็มีความสุขตามอย่างอธิบายไม่ได้
แต่ไม่รู้ทำไม ในใจของเขาถึงได้มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีชนิดหนึ่ง
เกรงว่านิยายเรื่องนี้จะจบลงกลางคันแล้ว
จากนิสัยของนาง ยังจะเขียนต่ออีกหรือ?
ไม่เพียงแค่เขาที่มีลางสังหรณ์นี้ ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นล้วนมีลางสังหรณ์เช่นนี้ทั้งหมด
กู้ชูหน่วนยิ้มและกล่าวว่า “ขอบคุณอาจารย์ซ่างกวน”
“นี่เป็นสิ่งที่เจ้าคุณสมควรได้รับ เพียงแค่หวังว่าคุณหนูสามกู้จะไม่ลืมเรื่องที่ตัวเองสัญญาไว้”
กู้ชูหน่วนกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่ลืม ไม่ลืม แต่ว่าอาจารย์ ข้าขอถามท่านหน่อยได้หรือไม่ ปิ่นผีเสื้อหยกขาวอันนี้ของท่านมาจากที่ไหน ข้าดูแล้วฝีมือดีมาก หากเป็นไปได้ ข้ายังอยากให้คนที่ทำปิ่นหยกขาวอันนี้ทำเครื่องประดับให้อีกสักสองสามชิ้น”
ซ่างกวนฉู่ไม่บอกเป็นแน่ว่า นี่เป็นสิ่งที่ถูกสืบทอดมาจากบรรพบุรุษของเขา
ยิ่งจะไม่บอกว่า ปิ่นอันนี้ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น สามารถมอบให้กับลูกสะใภ้ตระกูลของพวกเขาได้เท่านั้น
เขากล่าวเบาๆว่า “ข้าได้มาโดยบังเอิญ ข้าก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ”
กู้ชูหน่วนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย “ฉะนั้น เกี่ยวกับเบื้องหลังของปิ่นอันนี้ ท่านก็ไม่รู้เลยสินะ?”
“คุณหนูสามกู้คิดว่า ข้าควรรู้อะไรบ้างล่ะ?”
ซ่างกวนฉู่กระวนกระวายใจ ใจเต้นเร็วขึ้นเล็กน้อย
คำพูดนี้ของนางหมายความว่าอย่างไร?
รู้ว่าปิ่นอันนี้เป็นของสืบทอดรุ่นต่อรุ่นของบรรพบุรุษของพวกเขางั้นหรือ?
ไม่ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด
ปิ่นไม่เคยถูกแสดงให้ผู้ใดเห็นได้ง่ายๆ แม้แต่ผู้อาวุโสในเผ่า แม้กระทั่งสุดยอดผู้อาวุโสก็ไม่รู้ นางจะรู้อะไรได้อย่างไร
“ไม่มีอะไร ไม่ว่าอย่างไร ก็ต้องขอบคุณอาจารย์ ฟ้ามืดแล้ว ข้ากลับไปพักผ่อนก่อน ข้าเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ง่วงจนหนังตาแทบจะลืมไม่ขึ้นอยู่แล้ว”
ผู้คนในวิทยาลัยกล่าวด้วยความร้อนใจ “พระชายาหาน ไม่ทราบว่าพรุ่งนี้ท่านจะเริ่มเขียนนิยายต่อเวลาใด?”
กู้ชูหน่วนโบกมือโดยไม่แม้แต่จะมองพวกเขาสักน้อย น้ำเสียงเกียจคร้านขอไปที “พรุ่งนี้ค่อยว่าเถอะ ไม่ได้หลับไม่ได้นอนมาหลายวันแล้ว พวกเจ้ายังจะไม่ให้ข้านอนหลับให้เต็มอิ่มหน่อยหรือไง”
“หากพรุ่งนี้ไม่เขียน แล้วมะรืนนี้ล่ะ?”
“มะรืนนี้ก็ดูว่าข้าจะตื่นนอนหรือไม่ละกัน”
“นี่……นอนหลับก็ต้องไม่ถึงสองวันหรอกละมั้ง เอาเถอะ แม้ว่าท่านจะนอนชดเชย เช่นนั้นสามวันหลังจากนี้ล่ะ สามวันหลังจากนี้ก็คงจะเขียนต่อได้แล้วสินะ”
“เรื่องของสามวันหลังจากนี้อีกสามวันหลังนี้ค่อยมาดูกัน ใครจะรู้ว่าสามวันหลังจากนี้ข้าจะมีธุระหรือไม่”
กู้ชูหน่วนพูดพลาง ก็ออกจากราชวิทยาลัยไปแล้ว ทิ้งให้ผู้คนเป็นโขยงจ้องมองตากันไปมา
ชิงเฟิงตัวสั่นทีหนึ่ง รีบตามกู้ชูหน่วนจากไปทันที
ลางสังหรณ์ใจที่ไม่ดีของคนในราชวิทยาลัยยิ่งหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ
ทุกคนมองไปที่อาจารย์ซ่างกวน เอ่ยถามด้วยความกังวลใจ “อาจารย์ซ่างกวน พระชายาหานคงจะไม่เบี้ยว ไม่เขียนแล้วหรอกนะ หากว่านางไม่เขียนต่อ เช่นนั้นพวกเราทำอย่างไร เรื่องราวกำลังเป็นช่วงที่น่าตื่นเต้น ไม่มีไปโดยตรงแล้ว จะไม่ทำให้พวกเราร้อนใจตายหรือ?”
ซ่างกวนฉู่ยิ้มด้วยท่าทางสง่างามเป็นที่สุด อ่อนโยนอบอุ่น
“อันนี้พวกเจ้าต้องถามคุณหนูสามกู้ หากว่าคุณหนูสามกู้ไม่ยอมเขียน อย่างมากพวกเจ้าก็ต้องไปสกัดกั้นอยู่ที่ประตูจวนอ๋องหานแล้วล่ะ”
“นั่นเป็นถึงจวนอ๋องหานเชียวนะ หากว่าอ๋องหานพิโรธจะทำอย่างไร?”
ซ่างกวนฉู่ทิ้งรอยยิ้มอันลึกซึ้งที่ไม่อาจคาดเดาได้ให้พวกเขา มองดูเสื้อผ้าที่สกปรกของตัวเอง ทั้งน่าขันทั้งจนปัญญา