อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม – บทที่ 457 ใช้โอกาสแอบหนี

บทที่ 457 ใช้โอกาสแอบหนี

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 457 ใช้โอกาสแอบหนี
กู้ชูหน่วน “……”

จอมมารหัวเราะอย่างเย็นชา “พี่สาว บอกเขา ข้าไม่ใช่ใครก็ได้ ข้าคือเจ้าแห่งเผ่าปีศาจซือโม่เฟย”

ประโยคหนึ่งออกมา บรรดาผู้คนที่มาดูความคึกคักในตอนแรกต่างก็แย่งกันออกไปก่อนทันที ราวกับว่าที่ยืนอยู่เบื้องหน้านี้ เป็นจอมมารผู้ยิ่งใหญ่ค้ำฟ้าผู้หนึ่ง

กู้ชูหน่วนมองปที่รองเท้าแต่ละสีแต่ละแบบที่อยู่เต็มพื้นด้วยความตะลึง

คนเหล่านี้จะต้องทำเกินจริงขนาดนี้เชียวหรือ?

แม้ว่าจะเป็นจอมมารก็ไม่ต้องกลัวถึงขนาดนี้ก็ได้?

จอมมารอวดด้วยความภูมิใจ “ดูสิ ชื่อเสียงของข้าโด่งดังกว้างขวาง”

เย่จิ่งหานหัวเราะอย่างเย็นชา “ชื่อเสียงไม่ดีเป็นที่ประจักษ์ล่ะสิไม่ว่า”

กู้ชูหน่วนแทรกประโยคหนึ่ง “นี่ พวกท่านคุยกันไปก่อน ข้ายังมีเรื่องต้องทำเล็กน้อย ขอตัวจากไปก่อนแล้ว”

“หยุด”

เย่จิ่งหานและจอมมารร้องตะโกนกล่าวกัน

กู้ชูหน่วนฝืนทนความไม่พอใจไว้ ฉีกยิ้มอันเสแสร้งออกมา “นายท่านทั้งสองยังมีอะไรอีกล่ะ?”

“พี่สาว ข้าแต่งงานกับท่านดีหรือไม่” จอมมารฉีกปากยิ้ม รอยยิ้มสดใส สะอาดดุจดั่งหินเฮยเย่าเช่นนั้น

ที่ตอบจอมมารคือหมัดของเย่จิ่งหาน

“ปังปังปัง……”

สองฝ่ามือปะทะกัน ต้นไม้อายุร้อยปีที่อยู่ไกลๆทั้งหมดถูกสั่นคลอนจนถูกถอนออกมาทั้งราก ล้มลงพื้นเสียงดังสนั่น

“ผู้หญิงของข้า ก็เป็นคนที่เจ้าจะทำให้มัวหมองได้งั้นหรือ”

เสียงของเย่จิ่งหานมีความเดือดดาลเล็กน้อย พลังหมัดบนมือหมัดหนึ่งแข็งแกร่งกว่าอีกหมัดหนึ่ง

จอมมารหลบด้วยความงดงาม เงาร่างสีแดงเพลิงร่างกับเป็นปีศาจเช่นนั้น เคลื่อนไปมาอยู่หน้าประตูบ้านพัก ปล่อยดอกลำโพงออกมาอยู่บ่อยๆ

ดอกลำโพงสวยสดงดงาม ราวกับเป็นดอกไม้ที่งดงามที่สุดในโลก แต่ทันทีที่ร่างกายสัมผัสกับดอกลำโพง ก็จะเหี่ยวเฉากลายเป็นกระดูกสีขาวทันที

“ตูม…….”

เรือนพักร้อนชิวเฟิงหินทรายลอยคละคลุ้ง เงาหมัดดุเดือด

เหล่าคนรับใช้ถอยไปแล้วถอยไปอีก ก็ยังคงถูกควันหลงได้รับบาดเจ็บ ตายอย่างน่าอนาถไปตรงนั้น

กู้ชูหน่วนมุมปากกระตุก กลอกตาขาวใส่พวกเขาทีหนึ่ง เดินโยกไปมากลับเรือนพักร้อน

ชิงเฟิงยังคิดว่ากู้ชูหน่วนจะกลับไปหยิบอาวุธออกมาช่วยนายท่านของเขา คิดไม่ถึงว่ากู้ชูหน่วนล้มลงบนเตียงแล้วจะนอนหลับสนิทไป ทั้งยังมีเสียงหายใจอย่างสม่ำเสมอดังออกมาอีก

ความโกรธของเขาผุดขึ้นมาทันที

“พระชายา พิษเย็นของนายท่านกำเริบ ร่างกายบาดเจ็บสาหัส อีกทั้ง…..อีกทั้งสูญเสียพลังไปมากมาย เวลานี้นายท่านปะทะกับจอมมารก็ยากที่จะได้เปรียบ”

“พระชายา ท่านได้ยินหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

กู้ชูหน่วนกล่าวด้วยความรำคาญ “บ่นพร่ำอะไรอีกล่ะ ข้าง่วงอยู่นะ”

“ท่านอ๋องยังสู้อย่างเต็มที่กับจอมมารอยู่ด้านนอกอยู่เลยพ่ะย่ะค่ะ”

“เขาชอบต่อสู้ขนาดนั้นก็ให้เขาสู้ไปสิ อย่างไงซะก็ตีไม่ตาย” อย่าคิดว่านางไม่รู้ เรือนพักร้อนชิวเฟิงนี้ยอดฝีมือหลบซ่อนอยู่มากมาย

ไม่มีผลดี เกรงว่าคงจะเป็นซือโม่เฟย

แม้ว่าวิทยายุทธของซือโม่เฟยจะสูงเพียงใด ยังไงซะที่นี่ก็เป็นถิ่นของเย่จิ่งหาน

และเย่จิ่งหานเป็นเจ้าบ้านที่จะเสียเปรียบเช่นนั้นหรือ?

“ท่านอ๋องสู้กับจอมมารก็เพื่อท่าน ทำไมท่านถึงยังสามารถนอนหลับได้อย่างสงบเช่นนี้?”

กู้ชูหน่วนเปิดผ้าห่ม จามทีหนึ่ง กล่าวอย่างช้าๆสบายๆ “ชิงเฟิง นี่ไม่เหมือนนิสัยของเจ้า พูดมา ทำไมจะต้องให้ข้าออกไปสังเกตการต่อสู้ พวกเจ้าคิดแผนการอะไรอยู่”

สายตาของชิงเฟิงมีแสงแฉลบผ่าน ไม่กล้ามองในห้องของกู้ชูหน่วนตรงๆ กล่าวอ้ำๆอึ้งๆ “ข้าน้อยเพียงแค่สงสารนายท่านพ่ะย่ะค่ะ นายท่านสู้กับคนอื่นอยู่ด้านนอกอย่างสุดความสามารถ พระชายากลับไม่สนใจไยดี ช่างทำให้คนปวดใจยิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ”

กู้ชูหน่วนหัวเราะเยาะ

คนเลวคนไหนที่เสนอความคิดที่ไม่ได้เรื่องนี่?

ให้นางไปสังเกตการต่อสู้ จากนั้นล่ะ ให้นางยืนอยู่ฝ่ายเดียวกันงั้นหรือ?

นางไม่ได้น่าเบื่อขนาดนั้นสักหน่อย

ดวงตาสีดำขลับของกู้ชูหน่วนกลอกวนรอบหนึ่ง ยิ้มแล้วกล่าว “ไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน ที่เจ้าพูดก็ไม่ผิด อย่างไรเสียท่านอ๋องก็เป็นสามีของข้า เขาทำสงครามใหญ่อยู่ด้านนอก แม้ว่าข้าจะช่วยไม่ได้ ก็ควรไปโบกธงร้องตะโกนให้กำลังใจเขา”

ชิงเฟิงดีใจทันที

เป็นหลีโล่ที่มีวิธี รู้จักจัดการปรับความรู้สึกของนายท่านและพระชายาให้เข้ากัน

จะให้นายท่านปลดพระชายาก็เป็นเรื่องยากที่จะเป็นไปได้แล้ว

หากว่านายท่านและพระชายาสามารถรักใคร่กันได้มากพอ บางทีหลังจากนี้พระชายาอาจจะไม่ทำให้เขาลำบากอีก ยังอาจจะยกชิวเอ๋อร์ให้เขาก็เป็นได้

“พระชายา ข้าน้อยจะนำท่านออกไปเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ”

“เดี๋ยวก่อน วันนี้จนถึงตอนนี้ข้ายังไม่ได้กินอะไรเลย ท้องหิวจะตายแล้ว ต้องเติมเต็มท้องก่อนสักหน่อย ถึงจะมีพลังโบกธงให้กำลังใจท่านอ๋อง เจ้าไปเอาของกินมาให้ข้าก่อนเถอะ”

“ข้าน้อยจะให้คนไปเอามาเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ”

“เดี๋ยวก่อน เรือนพักร้อนชิวเฟิงคนมากหน้าหลายตา หากว่า มีคนวางยาพิษข้าจะทำอย่างไร เจ้าไปหยิบมาเอง ข้าจะสบายใจหน่อย”

“พ่ะย่ะค่ะ……”

ชิงเฟิงอยากบอกว่า เรือนพักร้อนชิวเฟิงเป็นคนของพวกเขาทั้งหมด และยังคุ้มกันเป็นชั้นๆ คนทั่วไปไม่มีโอกาสจะวางยาพิษได้โดยสิ้นเชิง

แต่พระชายาพูดเช่นนี้แล้ว เขาก็ทำได้เพียงทำตามรับสั่งเท่านั้น

เห็นชิงเฟิงจากไป กู้ชูหน่วนก็สวมรองเท้าด้วยความรวดเร็ว เดินไปยังสถานที่ต้องห้ามในความทรงจำ

ฟ้าดินภายนอกเรือนพักร้อนชิวเฟิงเปลี่ยนสี แรงสังหารหนักหน่วง อิฐกระเบื้องลอยเต็มไปหมด การต่อสู้พัฒนาไปถึงขั้นดุเดือดรุนแรง

กู้ชูหน่วนเงยหน้าชำเลืองมองไป สามารถมองเห็นดอกลำโพงพุ่งตรงไปบนฟ้าอยู่บ่อยๆ กลายเป็นวัตถุที่มีรูปร่าง ครอบมาทางเย่จิ่งหาน

และยังมีสายเครื่องดนตรีไร้รูปร่างเหมือนดั่งตาข่ายกับดักเช่นนั้นสังหารไปทางจอมมารอีกด้วย

พลานุภาพของทั้งสองยิ่งใหญ่มาก เพิ่งจะสัมผัสพื้นดินก็ถูกระเบิดเป็นหลุมขนาดใหญ่หลุมแล้วหลุมเล่า

กู้ชูหน่วนรู้สึกได้เพียงว่าพื้นดินใต้เท้ายืนอยู่สั่นไหว

นางเพิ่มความเร็ว วิ่งพุ่งผ่านทหารไปยังสถานที่ต้องห้ามอย่างรวดเร็ว

การต่อสู้ครั้งใหญ่ของเย่จิ่งหานและจอมมาร เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่นางจะจากไป

นางเคยมาเรือนพักร้อนชิวเฟิงครั้งหนึ่ง คิดจะออกไปจากที่นี่ยากเหมือนดั่งปีนขึ้นสวรรค์ เว้นซะแต่ว่าจะต้องไปทางที่สถานที่ต้องห้ามลงไปที่หุบเหว และออกไปทางก้นบึ้งของหุบเหว

มีประสบการณ์ครั้งแรกแล้ว ครั้งนี้กู้ชูหน่วนก็คุ้นเคยแล้ว

ทว่าก็ยังถูกยอดฝีมืออายุหกสิบกว่าปีที่หลบซ่อนอยู่พบเห็นเข้าแล้ว “พระชายา ด้านหน้าไม่ไกลก็คือสถานที่ต้องห้าม ท่านเดินผิดทางหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

“ห้ะ……ใช่หรือ ประตูหลักของเรือนพักร้อนชิวเฟิงไม่ได้เดินทางนี้หรือ? เส้นทางนี่เป็นอย่างไรกันแน่ วกวน อ้อมอยู่ครึ่งวันแล้วก็ยังออกไปไม่ได้”

แม้ว่าชายชราจะผ่านวัยหกสิบปีมาแล้ว แต่ท่าทางกระปรี้กระเปร่า ก้าวเดินรวดเร็ว ดูไม่ออกโดยสิ้นเชิงว่าเป็นผู้สูงอายุ โดยเฉพาะดวงตาทั้งคู่ของเขา ราวกับว่ามองทุกอย่างได้อย่างทะลุปรุโปร่ง

สายตาของชายชราเพ่งมองพระชายาหานอย่างลึกซึ้ง คำที่พูดออกมามีเหตุผลหลักการ ไร้ความรู้สึก ไม่รู้ว่าได้เห็นถึงความตั้งใจของกู้ชูหน่วนหรือไม่

“ทุกหนทุกแห่งในเรือนพักร้อนชิวเฟิงล้วนเป็นค่ายกล หากไม่ได้ทำลายค่ายกล คนทั่วไปไม่มีทางจะออกจากเรือนพักร้อนชิวเฟิงได้โดยสิ้นเชิงพ่ะย่ะค่ะ”

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ข้าก็ว่า ทำไมเดินวนอยู่นานแล้วก็ยังวนออกไปไม่ได้ ขอบคุณท่านลุงที่เตือน”

กู้ชูหน่วนเพิ่งจะหาบันไดขั้นแรกพบ ชายชราอายุหกสิบกว่าปีก็รื้อทำลายโดยไม่ปรานี

“แต่ตำหนักที่พระชายาอยู่ ตรงไปทางประตูหลักกลับไม่ได้มีค่ายกลใดๆ เพียงแค่เดินตรงไป ก็จะถึงประตูหลักได้พ่ะย่ะค่ะ”

“ใช่หรือ แต่ข้าจำทางไม่ค่อยได้ เดินวนไปเรื่อย ก็เดินวนจนแยกเหนือใต้ออกตกไม่ถูกแล้ว”

กู้ชูหน่วนแอบสังเกตรอบๆ

ค่ายกลปากว้าที่ยอดเยี่ยมเป็นที่สุดทางนี้ คิดจะทำลาย นอกซะจากว่าจะทำลายตําแหน่งคุน

แต่ผู้เฒ่าอายุหกสิบกว่าก็ยืนอยู่ที่ตําแหน่งคุนตลอด คุ้มกันค่ายกลติดๆ ไม่แม้แต่จะเคลื่อนไหวสักนิด

ความสามารถของเขาลึกล้ำยากจะหยั่งรู้ได้ ด้วยความสามารถของนางในตอนนี้ กลับมองไม่ออกสักน้อย

ปะทะโดยตรง นางต้องแพ้อย่างไร้ข้อกังขา

และนอกจากผู้เฒ่าอายุหกสิบกว่าผู้นี้แล้ว โดยรอบยังมียอดฝีมืออีกเจ็ดคน

กู้ชูหน่วนดวงตาเจ้าเล่ห์ กุมท้องอย่างฉับพลัน โอดครวญด้วยความเจ็บปวด “โอ๊ย ทำไมท้องของข้าถึงได้ปวดเพียงนี้ เมื่อครู่มีคนวางยาพิษในอาหารตอนอยู่บนรถม้าหรือไม่ โอ๊ย ข้าปวดจะตายอยู่แล้ว หมอหลวง พวกท่านช่วยรีบไปตามหมอหลวงให้ข้าทีสิ”

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

Status: Ongoing

กู้ชูหน่วน เดิมทีเป็นอัจริยะแพทย์สาวยุคปัจจุบัน การข้ามภพหนึ่ง พาเธอย้อนเวลาไปที่ยุคโบราณที่ไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนาม สิ่งที่ทำให้เธอคิดไม่ถึงก็คือ เพิ่งจะมาถึงสถานที่แปลกหูแปลกตานี้แท้ๆ เธอก็ต้องเสียตัวให้กับชายแปลกหน้าอย่างไม่มีทางเลือก หลังจากมีการพัวพันซึ่งกันและกัน เดิมทีกู้ชูหน่วนคิดว่าแต่นี้ต่อไป ต่างคนต่างไป จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก สุดท้ายกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เย่จิ่งหานกลับคอยตอแยเธอไม่เลิก โชคชะตาฟ้าลิขิต เธอค่อยๆครอบครองใจของเย่จิ่งหานไปเรื่อยๆ จนทำให้เขาตกอยู่ในภวังค์แห่งความรัก อย่างโงหัวไม่ขึ้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท