อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม – บทที่ 462 บาดแผลเหลือคณานับทั่วทั้งร่าง ซาบซึ้งเข้าแล้ว

บทที่ 462 บาดแผลเหลือคณานับทั่วทั้งร่าง ซาบซึ้งเข้าแล้ว

ผู้เฒ่าฮัวพยายามจะพุ่งเข้าไป แต่ แต่พลานุภาพของค่ายกลนั้นรุนแรงเกินไป ทุกครั้งที่เขาพุ่งเข้าไป ก็ถูกดีดออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า

“ฟู่ว……”

ผู้เฒ่าฮัวก็เป็นยอดฝีมือที่โด่งดังไปทั่วโลก แต่กลับถูกพลังของค่ายกลกระเทือนกลับจนกระอักเลือดออกมา อวัยวะภายในก็แทบจะเคลื่อนผิดที่

ยอดฝีมือคนอื่นๆของเรือนพักร้อนชิวเฟิงที่พุ่งเข้าไป ก็ระเบิดเป็นหมอกเลือดไปในที่เกิดเหตุ

ผู้เฒ่าฮัวเห็นเพียงกู้ชูหน่วนและคนอื่นในนั้นแฉลบตัวหลบเลี่ยงด้วยความยากลำบาก

“ท่านอ๋องล่ะ ทำไมท่านอ๋องยังไม่มาอีก” ผู้เฒ่าฮัวแทบจะคำราม

เขาไม่กล้าจินตนาการจริงๆ หากปล่อยให้ยืดเยื้อต่อไป คนในนั้นจะถูกบดเป็นเนื้อโคลนทั้งหมดหรือไม่

“ท่านอ๋องต่อสู้กับจอมมารอยู่ปลีกตัวออกมาไม่ได้ และยิ่งสู้ก็ยิ่งไกล วิทยายุทธของข้าน้อยต่ำต้อย ไม่มีทางเข้าใกล้พวกเขาได้โดยสิ้นเชิงขอรับ”

“เช่นนั้นก็ตะโกนร้องออกไปดังๆ ให้ท่านอ๋องกลับมาโดยพลัน”

“ข้าน้อยตะโกนแล้ว แต่เสียงการต่อสู้ของพวกเขาดังเกินไป เสียง……เสียงดังไปไม่ถึงหูของท่านอ๋องขอรับ”

“มังกรไฟสิบสองตน พวกเจ้าไปเชิญท่านอ๋องมาด้วยตัวเอง จะต้องทำด้วยความรวดเร็ว”

“ขอรับ” เงาคนสิบสองร่างออกไปทันที รวดเร็วจนมองไม่ชัดเจนโดยสิ้นเชิง

“ฟู่ว…..”

ผู้เฒ่าที่แขนขาดไปข้างหนึ่งไม่ทันได้ระวัง ก็ถูกเหล็กดัดอ่อนช่วงชิงชีวิตไปอีก

คนอื่นๆได้รับบาดเจ็บไม่มากก็น้อย แม้แต่บนร่างกายของกู้ชูหน่วนก็ได้รับบาดเจ็บจากเส้นแสงแวบวับของเหล็กดัดอ่อนหลายสิบจุด เลือดสดไหลรินออกมา กระโปรงสีแดงสด เพราะว่าเปียกเปื้อนเลือด จึงยิ่งดูมีเสน่ห์ขึ้น

ผู้เฒ่าฮัวรวบรวมพลังทั้งหมด ไม่ลังเลที่จะใช้วิชาต้องห้าม ถล่มไปทางค่ายกล แต่ทว่าค่ายกลนั้นสั่นสะเทือนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แล้วเขาก็ยังเข้าไปไม่ได้

เขาหาวิธีทำลายค่ายกลด้วยความร้อนใจ แต่ยิ่งร้อนใจมากเท่าไร ก็ยิ่งไร้หนทางจะทำลายค่ายกลเท่านั้น ทำได้เพียงกระวนกระวายใจจนหัวหมุน

ผู้เฒ่าที่เหลืออยู่ในค่ายกลไม่กี่คนรวมตัวเป็นลักษณะการคุ้มกัน ปกป้องกู้ชูหน่วนไว้ด้านใน ใช้ร่างกายเลือดเนื้อของตัวเองกำบังต่อต้านค่ายกลโหลฉางอันโหดร้ายทารุณ

ทุกคนที่อยู่ด้านนอกค่ายกลล้วนมองดูเหตุการณ์ด้านในด้วยความหวาดผวา ปวดใจเหมือนเลือดหยดใจหัวใจ คนไม่น้อยล้วนทยอยไปหาวิธีการทำลายค่ายกล ก็ยังคงหาปมไม่ได้แม้แต่น้อย

“พวกท่านไม่ต้องสนใจข้า” กู้ชูหน่วนชักกระบี่ตรงช่วงเอวออกมา ทุกกระบี่ต่อต้านเหล็กดัดอ่อน

เหงื่อและเลือดเปียกชโลมร่างกายของนาง เส้นแสงแวววับแต่ละเส้นฟาดลงบนร่างของนาง จึงมีรอยเลือดเป็นเส้นๆ แต่นางกลับไม่รู้สึกโดยสิ้นเชิง

รู้เพียงแค่นางต้องยืนหยัดไว้ต่อไป รู้เพียงแค่ไม่สามารถให้ผู้เฒ่าทั้งสามเอาชีวิตพ่วงเข้าไปเพราะนางได้

นึกถึงประชาชนนับพันหมื่นของเผ่าหยก กู้ชูหน่วนกัดฟันสู้ทน ทุกกระบี่สะเทือนเหล็กดัดอ่อนออกไป

ยิ่งนางแพ้ก็ยิ่งกล้าหาญ ยิ่งได้รับบาดเจ็บบนร่างมากขึ้น ยิ่งเลือดไหลรินมากขึ้น กระบี่ในมือก็ยิ่งรวดเร็วมากขึ้น

สติค่อยๆเลือนราง ข้างหูเป็นเสียงร้องตะโกนอย่างสุดกำลังของผู้เฒ่าฮัวและเหล่าองครักษ์ของเรือนพักร้อนชิวเฟิง

แต่นางไม่ได้ยินสักประโยค ได้ยินเพียงเสียงหัวใจที่เต้นตึกตักๆเร็วขึ้นของตัวเองเท่านั้น

นางเป็นเพียงระดับสองเท่านั้น

ผู้เฒ่าเหล่านั้นอยู่ถึงขั้นสูงสุดระดับสี่แล้ว

แต่เนื่องจากผู้เฒ่าทั้งสามคนได้รับบาดเจ็บสาหัส อีกทั้งยังสูญเสียกำลังภายในไปอย่างมหาศาลอีก การเคลื่อนไหวมือจึงยิ่งช้าลงเรื่อยๆ ปกป้องตัวเองก็ยังลำบาก ไร้เรี่ยวแรงจะปกป้องกู้ชูหน่วนไปนานแล้ว

หลายครั้งที่ผู้เฒ่าทั้งสามคนเกือบได้รับบาดเจ็บจากเหล็กดัดอ่อน ล้วนเป็นกู้ชูหน่วนเอากระบี่มาขวางไว้ ปาดเหล็กดัดอ่อนออกไป ช่วยพวกเขาจากหายนะ

เมื่อครู่คือผู้เฒ่าทั้งสามปกป้องกู้ชูหน่วน

ตอนนี้กลับกันแล้ว

กู้ชูหน่วนเด็กสาวผู้สง่างามผู้หนึ่ง ทั้งร่างถูกอาบไปด้วยเลือด ใช้กระบี่ในมือได้อย่างคล่องแคล่วปราดเปรียว นางแฉลบไปมาในค่ายกลโหลฉาง ใช้ร่างกายเลือดเนื้อของตัวเองยืนหยัดปกป้องผู้เฒ่าทั้งสาม

ทุกคนในเรือนพักร้อนชิวเฟิงล้วนซาบซึ้งแล้ว

ผู้เฒ่าทั้งสามก็ล้วนซาบซึ้งทั้งหมด

ดวงตาของพวกเขาแดงก่ำ ตะโกนเสียงดังว่า “พวกเราจะไม่ไหวแล้ว ท่านไม่ต้องสนใจข้าแล้ว ปกป้องตัวเองก่อน”

กู้ชูหน่วนกัดฟันแน่น ปล่อยให้เส้นแสงแวววาวของเหล็กดัดอ่อนฟาดบนตัวของตัวเอง ปล่อยให้เลือดสดหยดรินทีละหยด แล้วกล่าวด้วยความแน่วแน่ “ข้าเป็นคนเปิดการทำงานของค่ายกล ข้ามีหน้าที่ต้องรับผิดชอบปกป้องพวกท่าน”

“ท่านคือพระชายา พวกเราเป็นเพียงผู้ใต้บังคับบัญชา คุ้มกันท่านเป็นหน้าที่ของพวกเรา ท่านไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงพวกเรา”

“ใช่แล้ว ในท้องของท่านยังมีเลือดเนื้อของท่านอ๋องอีก หากว่าเกิดอะไรขึ้นกับท่าน แม้ว่าพวกเราจะลงนรก ก็ไม่มีหน้าไปพบท่านอ๋อง”

“คำพูดเพ้อเจ้อมาจากไหนมากมาย มุมตะวันออกเฉียงเหนือของค่ายกลค่อนข้างอ่อน พวกท่านมาที่มุมตะวันออกเฉียงเหนือ”

ขณะที่พูด นางสะเทือนเหล็กดัดอ่อนทั้งหมดออกไป หาที่ปลอดภัยส่วนหนึ่งสำหรับพวกเขา แต่นางกลับไปต้านทานกับเหล็กดัดอ่อนที่พุ่งโจมตีตัดกันเข้ามาทั้งหมดคนเดียว

เหตุผลที่เหล็กดัดอ่อนถูกเรียกว่าเหล็กดัดอ่อนก็เพราะมันดูไม่สะดุดตา เหมือนสายพิณเส้นหนึ่ง แต่ความเหนียวทนทานแข็งแกร่งมาก แม้ว่าจะเป็นดาบเหล็กนิลก็ไม่แน่ว่าพอจะสามารถตัดขาดได้

ยิ่งกว่านั้นเหล็กดัดอ่อนถูกผสมผสานเข้าในค่ายกลโหลฉางซึ่งเป็นค่ายกลสังหารชั้นยอดสมัยโบราณ จึงมีพลานุภาพแข็งแกร่งมากกว่าพันเท่า

“ฟู่ว…..”

หลังของกู้ชูหน่วนได้รับบาดเจ็บจากเส้นแสงแวววับหลายครั้ง แม้แต่กระดูกก็เผยออกมาแล้ว

โชคดีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บจากเหล็กดัดอ่อนโดยตรง ไม่เช่นนั้น ร่างกายของนางก็ต้องถูกหั่นเป็นสองส่วนแล้ว

มีการปกป้องของนาง ผู้เฒ่าทั้งสามก็พอขืนได้โล่งใจไปเฮือกหนึ่ง

เมื่อเห็นบาดแผลนับไม่ถ้วนของนาง เลือดสดไหลริน หัวใจของพวกเขาก็แทบจะสลาย ต่างพากันต้านทานเหล็กดัดอ่อนกันต่อไป

ปากกล่าวสะอึกสะอื้น “พระชายา ข้าขอร้องท่านล่ะ ท่านไม่ต้องสนใจพวกเราอีกแล้ว พวกเราอายุปูนนี้แล้ว ใช้ชีวิตมาพอแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“ขอร้องท่านล่ะ ไม่ต้องสนใจพวกเราอีก ให้คนมา…..พวกเจ้ารีบคิดวิธีทำลายค่ายกลซะสิ”

ผู้เฒ่าที่อยู่ในค่ายกลร้องไห้ออกมาโดยตรงแล้ว

“ข้าว่าพวกท่านทำไมถึงได้พูดจาไร้สาระมากมายเช่นนี้ มีแรงเช่นนี้ เหลือไว้ทำลายค่ายกลยังจะดีซะกว่า”

บนร่างกายของกู้ชูหน่วนเจ็บปวดจนแทบจะตายแล้ว

นางอาศัยลมหายใจเพียงเฮือกเดียวเพื่อยืนหยัดไว้

แม้ว่าจะเป็นเมื่อก่อน นางก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้น้อยมาก

บาดแผลนี้ คล้ายกับการโดนมีดดาบเป็นพันหมื่นเล่มฟาดฟันเช่นนั้น แต่ละคมดาบปาดลงไปบนตัวของนาง

ที่เลวร้ายยิ่งกว่าโทษประหารตัดมือเท้าแล้วตัดคอคือ เส้นแสงแวววับเหล่านี้ แต่ละมีดถึงกระดูก นางรู้สึกว่ากระดูกของนางแทบจะถูกผ่าออกแล้ว

สมควรตาย

ตาของค่ายกลอยู่ที่ไหนกันแน่ ทำไมนางถึงหาไม่เจอ

เย่จิ่งหานจัดวางค่ายกลที่โหดเหี้ยมขนาดนี้ไว้ตรงนี้ทำไมกัน?

แม้แต่ยอดฝีมือระดับเจ็ดค่ายกลนี่ก็อาจจะสามารถทำลายล้างพวกเขาได้สินะ

ผู้เฒ่าฮัวที่อยู่นอกค่ายกลไม่สนใจภาพลักษณ์โดยสิ้นเชิง ทำลายค่ายกลไปพลาง ร้องไห้ตะโกนเสียงดังไปพลาง “หลานสาว เจ้าสอง เจ้าสาม เจ้าสี่ พวกเจ้าจะต้องยืนหยัดไว้ ข้าจะคิดวิธีช่วยพวกเจ้าออกมาเดี๋ยวนี้ ตาค่ายกลอยู่ที่ไหนกันแน่ ทำไมข้าถึงหาตาของค่ายกลไปพบสักที อ้าก……พวกเจ้ารีบช่วยข้าหาทีว่าตาของค่ายกลอยู่ที่ไหน”

“ฟู้ว……”

ผู้เฒ่าอีกคนหนึ่งร่างกายเหนื่อยล้าถูกเหล็กดัดอ่อนทำร้าย แขนถูกตัดขาดไปตรงนั้น หากไม่ใช่กู้ชูหน่วนช่วยไว้ได้ทัน เกรงว่าพวกเขาก็คงเสียชีวิตไปนานแล้ว

พวกเขาคือขั้นสูงสุดระดับสี่ ก็ยังค้ำยันไว้ไม่ไหว

แต่กู้ชูหน่วนเป็นเพียงระดับสองเท่านั้น กลับยืนหยัดได้นานขนาดนี้ ทั้งยังปกป้องพวกเขามาตลอดทางอีก พวกเขาไม่มีหน้าไปพบเจอผู้คน

เวลาผ่านไปแต่ละนาทีแต่ละวินาที

ฝีเท้าของกู้ชูหน่วนโซซัดโซเซ นางก็แทบจะยืนหยัดต่อไปไม่ได้อีก

นางไม่กลัวเจ็บ

ไม่กลัวตาย

แต่นางกลัวว่านางตายแล้ว เหล่าราษฎรนับพันหมื่นของเผ่าหยกจะทำอย่างไร?

คำสาปโลหิตยังไม่ได้ถูกถอน

พี่อี้เฉินก็กำลังรอนางเอามุกมังกรกลับไปช่วยชีวิตอยู่

“หลานสาว ระวังด้วยน้า……”

ข้างหู เป็นเสียงร้องตะโกนด้วยความกลัวจนใจจะขาดของผู้เฒ่าฮัว

กู้ชูหน่วนรู้ นางโดนเหล็กดัดอ่อนล้อมไว้แล้ว หากว่าช่วยผู้เฒ่าทั้งสาม นางจะต้องตาย

หากว่าช่วยตัวเอง ผู้เฒ่าทั้งสามก็จะต้องตาย

เพราะว่านางไม่มีแรงแล้วจริงๆ

เมื่อความตายใกล้เข้ามา นางก็ยังเลือกที่จะช่วยผู้เฒ่าทั้งสาม

เมื่อเห็นเหล็กดัดอ่อนประจันหน้าเข้ามา กู้ชูหน่วนยิ้มอย่างเศร้าๆ น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมา

สุดท้ายก็……

ต้องทำให้เผ่าหยกผิดหวังแล้ว……

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

Status: Ongoing

กู้ชูหน่วน เดิมทีเป็นอัจริยะแพทย์สาวยุคปัจจุบัน การข้ามภพหนึ่ง พาเธอย้อนเวลาไปที่ยุคโบราณที่ไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนาม สิ่งที่ทำให้เธอคิดไม่ถึงก็คือ เพิ่งจะมาถึงสถานที่แปลกหูแปลกตานี้แท้ๆ เธอก็ต้องเสียตัวให้กับชายแปลกหน้าอย่างไม่มีทางเลือก หลังจากมีการพัวพันซึ่งกันและกัน เดิมทีกู้ชูหน่วนคิดว่าแต่นี้ต่อไป ต่างคนต่างไป จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก สุดท้ายกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เย่จิ่งหานกลับคอยตอแยเธอไม่เลิก โชคชะตาฟ้าลิขิต เธอค่อยๆครอบครองใจของเย่จิ่งหานไปเรื่อยๆ จนทำให้เขาตกอยู่ในภวังค์แห่งความรัก อย่างโงหัวไม่ขึ้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท