อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่498 ยอดฝีมือรวมตัวกัน
ตอนแรกหุบเขาตันหุยว่าจะจัดงานมงคลอย่างอลังการในงานชื่นชมยาชั้นเลิศ ให้เจ้าหุบเขาน้อยน่าหลันหลิงลั่วแต่งงานกับกู้ชูหน่วน แต่กลับถูกผู้อาวุโสหุบเขาตันหุย เผ่าน้ำแข็ง เย่จิ่งหาน รวมไปถึงเผ่าปีศาจห้ามเอาไว้ บังคับให้พวกเรายกเลิกงานแต่งในครั้งนี้
เจ้าหุบเขาใหญ่น่าหลันพูดขอโทษว่า “หลิงลั่ว ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากจัดงานแต่งให้พวกเจ้า แต่ว่า……ถ้าจะเปิดศึกกับเย่จิ่งหานจริง หุบเขาตันหุยของเราก็ไม่ได้กลัวหรอก แต่ตอนนี้มีเผ่าปีศาจและเผ่าน้ำแข็งคอยห้าม ปัญหาจึงซับซ้อนมากขึ้น”
เพื่อน่าหลันหลิงลั่ว ถึงจะต้องเปิดศึกกับเย่จิ่งหาน เขาก็จะสู้เต็มที่เหมือนกัน
แต่เขาไม่คิดว่า เพิ่งประกาศข่าวออกไป จอมมาร ทูตศักดิ์สิทธิ์ไป๋จิ่นต่างก็เข้ามาเตือน ปฏิกิริยาดุเดือดมาก
บวกกับที่พวกผู้อาวุโสในหุบเขาตันหุยอยากให้หลานสาวตัวเองแต่งงานกับหลิงลั่ว ช่วงนี้ต่างก็เข้ามาโน้มน้าวให้เขายกเลิกงานแต่งครั้งนี้
เขาเป็นเจ้าหุบเขาใหญ่ของหุบเขาตันหุย ไม่ใช่ของเขาน่าหลันหลิงลั่วคนเดียว จะทำให้หุบเขาตันหุยตกอยู่ในอันตรายไม่ได้
น่าหลันหลิงลั่วยิ้มอย่างขมขื่น “พ่อบุญธรรม ความรักที่ท่านมีต่อลูก ลูกเข้าใจดี จะยกเลิกงานแต่งก็ได้ ยังไงก็ยังมีเวลาอีกนาน รออาหน่วนกับเย่จิ่งหานหย่ากันก่อน ค่อยพูดเรื่องสู่ขอนางก็ไม่สาย”
พ่อบุญธรรมแบกรับความกดดันเพราะเขามามากแล้ว เขาเข้าใจดีกว่าใคร
เปิดศึกกับเย่จิ่งหาน หุบเขาตันหุยก็เสี่ยงอันตรายมากแล้ว บวกกับเผ่าปีศาจและเผ่าน้ำแข็งอีก หุบเขาตันหุยได้พ่ายแพ้ย่อยยับแน่
เขาจะยอมให้คนมากมายในหุบเขาตันหุยเสี่ยงอันตรายได้ยังไง
ยิ่งไปกว่านั้น หากนางยังไม่หย่ากับเย่จิ่งหาน เขาจะแต่งงานกับนางก็คงไม่มีดีอะไร
เขาใจร้อนเกินไปเอง
“เจ้าคิดแบบนี้ได้ก็ดีแล้ว ขอแค่พวกเจ้ารักกัน พ่อเชื่อว่า ต้องมีสักวันที่พวกเจ้าจะได้อยู่ด้วยกัน”
น่าหลันหลิงลั่วรู้สึกหัวใจว่างเปล่า
รักกัน?
ถ้านางรักเขา เขาก็ไม่กลัวอะไรแล้วล่ะ แต่นาง……
นางเป็นผู้หญิงที่ไร้หัวใจ
ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหุบเขาใหญ่น่าหลันหรือน่าหลันหลิงลั่ว ในใจต่างก็สับสนไปหมด
เผ่าน้ำแข็งตัดขาดจากโลกภาพนอกและไม่สนใจโลกภายนอก ทำไมถึงเข้ามายุ่งเรื่องของกู้ชูหน่วนได้ล่ะ?
พวกนางเป็นอะไรกับกู้ชูหน่วนกันแน่?
ไม่เพียงแต่เขาที่สงสัย เย่จิ่งหานกับจอมมารก็สงสัยเช่นกัน
วันรุ่งขึ้น พระอาทิตย์ส่องแสงจ้า แสงแดดสดใส หน้าห้องโถงอันกว้างขวางในหุบเขาตันหุย มีสนามประลองขนาดใหญ่ สองข้างของสนามประลองมีเต็นท์กางอยู่หลายหลัง
ภายในเต็นท์มีโต๊ะเตี้ย โต๊ะเตี้ยมีสุราชั้นดีกับอาหารรสเลิศจัดวางไว้ และเขียนชื่อของแต่ละสำนักแต่ละเผ่าเอาไว้ตามลำดับ
ตรงกลางของสนามประลองมีเบ้าหลอมยาวางไว้หลายเบ้า
งานชื่นชมยาชั้นเลิศในครั้งนี้มียอดฝีมือจากแต่ละสำนักใหญ่ๆมารวมตัวกัน ยอดฝีมือจากทั่วสารทิศแทบจะมารวมตัวกันที่นี่หมด เป็นภาพที่น่าอัศจรรย์จริงๆ
กู้ชูหน่วนยืนอยู่บนแท่นสูงที่ซ่อนอยู่ในระยะไกล มองดูภาพที่อยู่เบื้องล่าง ก็รู้สึกขนหัวลุกซู่
เพราะเย่จิ่งหานก็มาแล้ว และยังมีสีหน้าบึ้งตึงด้วย
ท่าทางแบบนั้นไม่เหมือนกับมาเข้าร่วมงานชื่นชมยาชั้นเลิศ เหมือนกับมาจับชู้มากกว่า
คนที่มาพร้อมกับเย่จิ่งหานยังมีจอมมารด้วย
จอมมารไม่รู้ว่าเป็นบ้าอะไร สีหน้าของเขาบึ้งตึง ราวกับว่าในใจมีไฟแห่งความแค้นปะทุขึ้น แค่สะกิดเล็กน้อย ก็พร้อมที่จะระเบิดออกมาเป็นจุณ
บุคคลมากความสามารถสองคนมาเจอกัน จอมมารก็ลูบเส้นผมของตัวเอง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าก็คิดว่าใครเสียอีก ที่แท้ก็เป็นคนขี้แพ้นี่เอง”
ฮือฮา……
บรรยากาศที่คึกคักนั้นก็เงียบลงมาทันที
ทุกคนที่อยู่ในงานส่วนมากเป็นสำนักใหญ่ๆที่เก็บตัวจากโลก แต่เทียบกับเย่จิ่งหานและจอมมารแล้ว ความสามารถยังห่างกันอยู่มาก
ชิงเฟิงเจี่ยงเสวียชักดาบออกมา พูดอย่างโมโหว่า “บังอาจ”
เสวียซาก็ชักดาบออกมาด้วย
บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาทันที
ใบหน้ามีเสน่ห์ของจอมมารก็บึ้งตึงลงมาทันที แรงอาฆาตปรากฏขึ้นบนใบหน้า ทุกคนต่างก็ขนหัวลุกกันหมด
ยังดีที่เย่จิ่งหานไม่รู้ว่าทำยังไง แค่ยกแขนเสื้อขึ้น แรงอาฆาตนั้นก็หายไปทันที
ทุกคนโล่งอกกันหมด
ไม่รอพวกเขาได้ตั้งสติ แรงอาฆาตก็แผ่ซ่านออกมาอีกครั้ง
เย่จิ่งหานกับจอมมารเผชิญหน้ากัน ถึงแม้พวกเขาจะไม่ลงมือ แต่แรงกดดันที่แผ่ซ่านออกมาจากรอบด้านนั้น คนที่มีกังฟูที่ด้อยกว่า ก็อดไม่ได้อยากจะหมอบตัวลงไปกับพื้น
นี่เป็นการปะทะระหว่างราชากับราชา
กู้ชูหน่วนกุมขมับ
นางรู้ว่าถ้าพวกเขาเจอกัน จะต้องสู้กันแน่
“ปังๆๆ……”
ทันใดนั้นกระเบื้องบนหลังคาที่อยู่ไกลออกไปก็ค่อยๆสูงขึ้นทีละตัว ก่อตัวเป็นสองกลุ่มใหญ่กลางอากาศ สุดท้ายก็กระแทกเข้าหากันเสียงดังปัง เศษกระเบื้องหลังคาปลิวว่อนไปทั่วทุกหนแห่ง กระแทกไปยังฝูงชน
ผู้คนที่มาร่วมงานชื่นชมยาชั้นเลิศต่างก็ตกใจกันหมด มองดูเศษกระเบื้องหลังคาที่ตกลงมาจากท้องฟ้า
ความเร็วนั้นเร็วมาก พวกเขาอยากหลบก็หลบไม่ทันแล้ว
ในช่วงเวลาวิกฤติ แรงฝ่ามืออันนุ่มนวลได้ดูดกระเบื้องและวางลงบนพื้นอย่างเป็นระเบียบ ก่อเป็นกองกระเบื้อง
ในขณะเดียวกัน เสียงที่ไพเราะก็ดังขึ้นช้าๆ
“สองท่านไยต้องโกรธกันด้วย ที่นี่เป็นหุบเขาตันหุย มีความแค้นส่วนตัวอะไรก็ค่อยสะสางกันหลังจบงานชื่นชมยาชั้นเลิศ ไม่ดีกว่าเหรอ?”
ทุกคนเงยหน้ามองขึ้นไป กลับเห็นว่านั่นเป็นหญิงสาวที่สวมชุดสีขาว
นางมีนัยน์ตาเป็นประกายฟันขาวใส หน้าตางามล่มเมือง ระหว่างคิ้ววาดด้วยดอกบัวที่กำลังเบ่งบาน รอบกายของนางแผ่ซ่านไปด้วยความหยิ่งยโส และให้ความรู้สึกที่มีเสน่ห์ระหว่างที่พูดคุย ท่าทางกิริยาของนางก็สง่างามมากด้วย
ด้านข้างของหญิงสาวชุดขาว ยังมีเด็กหญิงหน้าตาอ่อนเยาว์อายุสิบห้าสิบหกยืนอยู่ข้างๆ
เด็กหญิงมัดผมเปียสองข้าง ใบหน้ายังคงความอ่อนเยาว์ ดวงตากลมโตกลอกไปมา ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสและกำลังมองหาอะไรสักอย่าง
มีหลายคนในงานที่ไม่รู้จักนาง แต่หญิงสาวชุดขาวอายุยังน้อย กลับสามารถรับเศษกระเบื้องจากยอดฝีมือเทพสงครามกับจอมมารได้ ความสามารถช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก ถ้าพวกเขาเดาไม่ผิดล่ะก็ วิชากังฟูของผู้หญิงคนนี้ อย่างมากก็คงถึงขั้นสูงสุดระดับหนึ่ง หรืออาจจะถึงระดับหกแล้วก็ได้
ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน?
ทำไมพวกเขาถึงไม่เคยเห็นมาก่อน?
เพราะนางเข้ามาห้ามกะทันหัน เย่จิ่งหานกับจอมมารก็มองไปที่นางพร้อมกัน
จอมมารแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ ราวกับดอกบ๊วยแดงที่กำลังเบ่งบานท่ามกลางหิมะ ในความเจ้าเล่ห์นั้นมีความเย็นชาปะปนอยู่บ้าง
“ข้าคิดว่าใครเสียอีก ที่แท้ก็เป็นทูตศักดิ์สิทธิ์ไป๋จิ่นกับทูตศักดิ์สิทธิ์ฉีหลัวแห่งเผ่าน้ำแข็งนี่เอง ทำไม เผ่าน้ำแข็งก็จะเข้ามายุ่งเรื่องของเผ่าปีศาจเหรอ?”
ไม่รอไป๋จิ่นตอบ ฮัวฉีหลัวก็พูดขึ้นก่อนแล้ว
“พวกเราไม่อยากยุ่งเรื่องของพวกเจ้าหรอกนะ นี่เป็นหุบเขาตันหุยพื้นที่ของคนอื่นเขา พวกเจ้าจะตีก็ไปตีกันข้างนอกไป ตีกันที่นี่ไม่คิดจะไว้หน้าหุบเขาตันหุยเลยหรือไง”
ซี๊ด……
ทุกคนสูดหายใจเข้ากันหมด
เผ่าน้ำแข็งเองเหรอ……
เผ่าน้ำแข็งไม่สนใจเรื่องของโลกไม่ใช่เหรอ หลายสิบปีมานี้ไม่เคยปรากฏตัวในยุทธภพเลยนี่?
ทำไมถึงมาอยู่ที่หุบเขาตันหุยกะทันหันล่ะ?
ยัยหนูคนนี้ใจกล้ามากเลยนะ กล้าด่าจอมมารต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ ไม่กลัวว่าจอมมารจะฆ่านางเหรอ?
ทันใดนั้นจอมมารก็หัวเราะเสียงดัง ความดุร้ายบนใบหน้าก็จางหายไปมาก “ยัยหนูคนนี้ปากร้ายยิ่งนัก เหมือนกับนางจริงๆ วันนี้ข้าจะไม่ถือสาเจ้าแล้วกัน”