อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่493 อาหารรสเลิศ
“งั้นพวกเจ้ารู้ไหมว่าแม่นางผู้นั้นเป็นใคร?”
“ไม่รู้สิ ไม่ได้ยินข่าวอะไรเลย น่าจะเป็นบุตรสาวของผู้อาวุโสสักคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้เจ้าหุบเขาใหญ่บอกแล้วไง จะคัดเลือกหลานสาวของผู้อาวุโสในใบรายชื่อ?”
“ถ้าเป็นหลานสาวของผู้อาวุโส ก็คงมีข่าวออกมาตั้งนานแล้ว ต้องไม่ใช่หลานสาวของผู้อาวุโสแน่นอน”
“ข้าได้ยินมาว่า เหมือนจะเป็นบุตรสาวของขุนนางท่านหนึ่งในพระนครแคว้นเย่นะ”
“ไม่ใช่ เป็นหลานสาวของผู้อาวุโสต่างหาก”
“บุตรสาวขุนนางในพระนคร”
ลูกศิษย์ที่ลาดตระเวนเถียงกันจนหน้าดำหน้าแดงไปหมด
กู้ชูหน่วนอยากจะออกไปตบพวกเขาคนละป๊าบจริงๆ
น่าหลันหลิงลั่วเจ้าหมอนั่น ทำไมเร็วขนาดนี้นะ
นี่มันมัดมือชกกันชัดๆ
งานชื่นชมยาชั้นเลิศจัดพร้อมกับงานแต่ง งั้นนางจะเข้าร่วมงานประเดิมหลอมยายังไง?
และถ้าเข้าร่วม ถ้านางได้ที่หนึ่งล่ะ? แล้วนางจะแต่งงานทำไม?
เป็นงานแต่งที่ไม่มีประโยชน์เลย
กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น น่าหลันหลิงลั่วก็เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มที่เบิกบานใจ
“เอาล่ะ งานแต่งของพวกเราจะจัดพร้อมกับงานชื่นชมยาชั้นเลิศ เรื่องมงคลสองต่อ”
“……”
“ดีใจล่ะสิ”
เหอะ……
ดีใจ……ดีใจอะไรกัน นางขุดหลุมให้ตัวเองกระโดดลงไปชัดๆ
กู้ชูหน่วนกลอกตาขึ้นบน ทันใดนั้นก็แกล้งพูดอย่างโมโหว่า “วันมะรืน? รีบขนาดนี้เชียว? ไม่มีสินสอด? ไม่มีชุดแต่งงานกวานหงส์อะไรเลย? การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตของผู้หญิงเชียวนะ ข้าไม่อยากแต่งงานให้เจ้าอย่างไม่ชัดเจนและง่ายดายแบบนี้ นี่มันน่าน้อยใจยิ่งนัก”
“ชุดแต่งงานกวานหงส์เตรียมไว้ให้แล้ว ชุดแต่งงานเป็นรุ่นจำกัดของโรงงานหยุนเทียน เครื่องประดับก็เช่นกัน ส่วนสินสอดหมั้นหมาย……อาหน่วน แม่ของข้าจากไปเร็ว และตัดความสัมพันธ์จากพ่อที่แท้จริงแล้ว ดังนั้น……แต่เจ้าวางใจได้นะ ข้ารับรองว่าจะให้งานแต่งที่ยิ่งใหญ่กับเจ้า”
ให้ตายสิ……
จิ้งจอกตัวนี้ สืบเบื้องหลังชีวิตของนางไว้แล้วสินะ
“แต่ว่า……ก่อนหน้านี้ข้าเคยแต่งงานกับคนอื่นมาก่อน อีกฝ่ายเป็นเทพสงครามแห่งแคว้นเย่ เขามีอำนาจและอิทธิพลล้นหลาม เกรงว่าจะต่อกรไม่ได้ง่ายๆ ที่สำคัญคือ ตอนนี้ข้ายังไม่ได้หย่าร้างกับเขา”
“ไม่เป็นไร ขอแค่เจ้าอยากแต่งงานกับข้า เรื่องทุกอย่าง ข้าจะเป็นคนจัดการเอง ถึงเย่จิ่งหานจะไม่พอใจแล้วยังไง พวกเราหุบเขาตันหุยก็ไม่เคยกลัวใครเหมือนกัน”
“……”
เขาตัดสินใจจะแต่งงานกับนางจริงๆสินะ
“ผู้หญิงคนหนึ่งจะแต่งงานสองครั้งได้อย่างไร ยังไงก็ต้องให้เวลาข้าหน่อยไหม ให้ข้าไปหย่ากับอ๋องหานก่อน ไม่งั้นถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป ชื่อเสียงของข้ากู้ชูหน่วนก็ป่นปี้หมดน่ะสิ”
น่าหลันหลิงลั่วขมวดคิ้ว ส่ายพัดในมือช้าๆ แล้วถามอย่างลองใจว่า “เจ้าคงไม่ได้ไม่อยากแต่งงานกับข้าหรอกนะ?”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะ……เจ้าคิดไปถึงไหนกัน ขอแค่ยังไม่หย่า ก็ไม่เป็นผลดีสำหรับตัวเจ้าและข้า เจ้าว่าใช่ไหม? ไม่งั้นเอาแบบนี้ไหม เจ้าให้เวลาข้าหน่อย ให้ข้าไปจัดการเรื่องราวในอดีตก่อน”
“ข้าจะจัดการเอง”
“นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของข้านะ ให้ข้าจัดการเองเถอะ”
“เจ้าจะใช้เวลานานเท่าไหร่?”
“สามวัน ขอแค่สามวันก็พอแล้ว สามวันหลังจากนั้นข้าจะแต่งงานกับเจ้า เลื่อนงานแต่งออกไปสามวันเถอะนะ”
“ไม่ต้องหรอก วันมะรืนนั่นแหละ วันมะรืนเป็นวันมงคล สามวันหลังจากนั้นเลือกเวลายาก”
ไม่ว่ากู้ชูหน่วนจะพูดยังไง น่าหลันหลิงลั่วก็ไม่ตกลงเลย นางจึงต้องปล่อยไปก่อน
“ตามใจเจ้าแล้วกัน แต่ข้าบอกเจ้าไว้ก่อนนะ ข้าต้องเข้าร่วมงานประเดิมหลอมยานี้ ใครก็มาห้ามข้าไม่ได้”
“ได้สิ”
น่าหลันหลิงลั่วยิ้มเบิกบาน
ถ้านางได้ที่หนึ่งในงานประเดิมหลอมยา เจ้าหุบเขาใหญ่รวมไปถึงทุกคนในหุบเขาก็จะมองนางด้วยสายตาที่ต่างออกไป
ถึงแม้นี่จะไม่ค่อยเป็นจริงสักเท่าไหร่ก็ตาม
กู้ชูหน่วนปิดตาแล้วปล่อยให้น่าหลันหลิงลั่วจับมือเดินไปยังสถานที่ต้องห้าม
ตลอดทางเลี้ยวไปมาไม่หยุด เดินเลี้ยวอยู่สองชั่วโมงเต็มๆ
กู้ชูหน่วนแอบนับก้าวที่เดินมาในใจ
“ถึงแล้ว ที่นี่แหละ”
น่าหลันหลิงลั่วเปิดผ้าปิดตาของนางออก
กลับเห็นตรงหน้ามีแสงสว่าง กู้ชูหน่วนไม่ค่อยชิน จึงยื่นมือขึ้นมาปิดดวงตาเล็กน้อย
แสงที่แสบตานั้นสาดส่องเข้ามาทางช่องระหว่างนิ้ว ส่องแสงระยิบระยับบนร่างกายของนาง
นานมากกว่ากู้ชูหน่วนจะชินกับแสงที่สาดส่องมา นางเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าที่นี่เป็นภูเขารูปดาบ
ด้านนอกของภูเขารูปดาบคล้ายกับดาบแหลมที่ชักออกจากกระบอก ปลายดาบชี้ไปบนฟ้า เหมือนจะแทงทะลุไปถึงชั้นสวรรค์วิมาน
แค่ยืนอยู่นอกสถานที่ต้องห้าม กู้ชูหน่วนก็รู้สึกได้ถึงแรงอาฆาตที่แพร่ออกมา ทำเอานางรู้สึกไม่สบายตัว
ภายนอกเหมือนกับที่นางคิดไว้เลย
รูปภาพบนเข็มทิศเปิดฟ้า ยังมีมีดที่นางแย่งมาจากปู่ได้ในราคาถูกโดยเหมือนกันทุกอย่าง
ภูเขารูปดาบใหญ่มาก มีม่านแสงจางๆอยู่รอบด้าน และไม่รู้ว่าม่านแสงนั้นไว้ใช้ทำอะไร
“ทางเข้าของภูเขาอยู่ไหน?” กู้ชูหน่วนถาม
ภูเขารูปดาบน่าจะมีทางเข้าสิถึงจะถูก
น่าหลันหลิงลั่วส่ายหัว “มีเพียงเจ้าหุบเขาใหญ่ที่รู้ว่าทางเข้าอยู่ไหน ตามที่พ่อบุญธรรมบอก ถ้าเข้าไปในที่ลึกแล้ว นอกจากจะทลายค่ายกลสังหารโบราณได้ ไม่งั้นก็ไม่มีใครออกมาได้เลย คนของหุบเขาตันหุยของเราเข้าไป ก็กล้าอยู่แค่ภายนอกไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น”
“แล้วเจ้าเคยเข้าไปไหม?”
“ไม่เคย ตอนนี้ข้ายังไม่มีสิทธิ์เข้าไป”
น่าหลันหลิงลั่วมองดูความปรารถนาในดวงตาของนาง ก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ยัยขี้เหร่ เจ้าบอกข้ามาตามตรงนะ เจ้าทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้เข้าไปในสถานที่ต้องห้าม คิดอะไรอยู่หรือเปล่า”
“เจ้าพูดอะไรกัน ทำอย่างกับข้าโลภมากงั้นแหละ ข้าก็แค่อยากเห็นก็เท่านั้นเอง”
กู้ชูหน่วนเดินรอบภูเขารูปดาวหนึ่งรอบ เห็นว่าภูเขารูปดาบมีค่ายอาคมคอยปกป้องอยู่ นับดูแล้วน่าจะมีสิบกว่าอันได้ และแต่ละอันยังต่อเนื่องกันอีก โดยเฉพาะทางเข้า
อยากจะทลายเข้าไป ไม่มีสิบวันครึ่งเดือนก็คงเข้าไปไม่ได้
ดูแล้วถ้าอยากเข้าไป ทางที่เร็วที่สุดคือ การได้ที่หนึ่งของงานประเดิมหลอมยา
“ใช่แล้ว คนที่ได้ที่หนึ่งของงานประเดิมหลอมยาจะได้ไปนี่ แล้วเมื่อก่อนพวกเขาเข้าไปทำอะไรเหรอ?”
“ข้าจะรู้ได้อย่างไร ถึงแม้ข้าจะเป็นเจ้าหุบเขาน้อยของหุบเขาตันหุย แต่ข้าก็ออกจากหุบเขาตันหุยหลายปี เมื่อก่อนตอนยังเด็ก พ่อบุญธรรมกับพวกผู้อาวุโสก็ไม่ยอมพูดเรื่องพวกนี้ด้วย”
น่าหลันหลิงลั่วก็ใจกว้าง ยอมให้นางสำรวจอย่างละเอียด
แถมยังปล่อยให้นางตั้งใจวิเคราะห์ค่ายอาคมพวกนั้น แต่ดวงตาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มนั้นกลับจับจ้องนางอยู่ตลอดเวลา
จนกระทั่งกลางวัน ทั้งสองถึงออกจากสถานที่ต้องห้าม
หุบเขาตันหุยไม่รู้ว่าเชิญคนมาเท่าไหร่ ภายในหุบเขามีคนเดินไปเดินมา
กู้ชูหน่วนอยู่ในห้องที่ดีที่สุดและได้รับการดูแลที่ดีที่สุดเช่นกัน
คนใช้มาส่งอาหาร อาหารบนโต๊ะเต็มไปด้วยผัก คนรับใช้สาวอธิบายอย่างลำบากใจ
“ขออภัยฮูหยินน้อยด้วยเจ้าค่ะ ตอนนี้พวกเรากำลังสั่งคนให้ออกไปซื้อเนื้อหมูเนื้อวัวมาให้มากที่สุดเจ้าค่ะ อีกไม่นานก็จะได้เสิร์ฟอาหารรสเลิศให้ท่านแล้วเจ้าค่ะ”