อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 510 พวกเราเผ่าน้ำแข็งข้นแค้นมากหรือ
เจ้าหุบเขาใหญ่น่าหลันเกรงว่าทุกคนจะมีวิวาทะกันอีก จึงรีบกล่าวเตือน “นี่เป็นเพียงการเรียกน้ำย่อยรอบแรกเท่านั้น อีกประเดี๋ยวผู้อาวุโสของเราหุบเขาตันหุยจะหลอมยาต่อหน้าทุกท่านอีกครั้ง ยาที่หลอมได้จะทำการประมูล ผู้ให้ราคาสูงจะได้ไป”
ทั้งงานต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์
“ข้าก็ว่าอยู่ ครั้งนี้หุบเขาตันหุยจัดงานชื่นชมยาชั้นเลิศอะไรเอิกเกริก จะให้พวกเขาดูการหลอมยาจิบๆ ของอนุชนจำนวนหนึ่งได้อย่างไร ที่แท้เรื่องสนุกอยู่ข้างหลัง”
“ผู้อาวุโสหุบเขาตันหุยล้วนเป็นยอดฝีมือหลอมยา โดยรวมทั่วหล้าไร้ผู้ใดเทียบเคียง พวกเขาแทบไม่ได้หลอมยาด้วยตัวเองแล้ว ครั้นพวกเขาออกโรง ครั้งนี้ต้องได้ยาจำนวนมากแน่”
“ก็นั่นนะสิ เฮ้อ ครั้งนี้มาหุบเขาตันหุยไม่เสียเที่ยวจริงๆ”
“ถึงจะถูกผู้กล้าแห่งยุคหลายคนทำให้ตกใจก็คุ้มแล้ว”
เมื่อสิ้นเสียง ค่ายกลคั่นโลกาก็แกว่งสองสามหนอีกครั้ง ทำพวกเขาตกใจจนผวาอีกครั้ง
“เจ้าหุบเขาใหญ่น่าหลัน ไม่ทราบยาชะไขกระดูกห้าเม็ดนี่จะจัดการอย่างไร? หากต้องการขายยาชะไขกระดูก มิสู้ขายให้พวกเราเถอะ”
“พวกท่านดั้นด้นแดนไกลมาถึงพวกเราหุบเขาตันหุย เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ยังทำให้พวกท่าน…เออ..ได้รับความตื่นตระหนก ข้ารู้สึกผิดยิ่งนัก”
เจ้าหุบเขาใหญ่น่าหลันว่าแล้วก็เงยหน้ามองด้านบนทีหนึ่ง ไม่รู้คนของเผ่าเทียนเฟิ่นกับเผ่าหยกต่อสู้กันไปถึงไหนแล้ว เย่จิ่งหานกับจอมมารยังคงสู้นัวเนียยากจะแยก
ทุกคนล้วนไม่ใช่คนเขลา แพล็บเดียวก็เข้าใจว่า ‘รู้สึกผิด’ ที่เจ้าหุบเขาใหญ่น่าหลันกล่าวหมายถึงอะไร
เจ้าหุบเขาใหญ่น่าหลันกล่าวต่อ “ฉะนั้น ยาชะไขกระดูกห้าเม็ดนี้จะตีกลองส่งบุปผา ส่งถึงที่ไหน ผู้นั้นก็ได้ไป ถือว่าหุบเขาตันหุยขออภัยกับทุกท่าน”
คนของอิทธิพลขนาดกลางและขนาดเล็กต่างยินดีลิงโลด
แบบนี้ยิ่งดี หากดอกไม้ส่งมาถึงมือพวกเขา พวกเขายังได้ยาชะไขกระดูกหนึ่งเม็ดมาแบบเปล่าๆ อีก
ศิษย์หุบเขาตันหุยเริ่มตีกลอง เริ่มจากเผ่าเทียนเฟิ่นและเผ่าหยก ทั้งสองทางเริ่มดำเนินตีกลองส่งบุปผาจากทั้งสองด้านพร้อมกัน
“ตึงๆๆ…”
ดอกไม้สองดอกส่งไปถึงมือกลุ่มอิทธิพลขนาดกลางและขนาดเล็กสองคน ทำจนพวกเขาตื่นเต้นหัวเราะไม่หยุด
กู้ชูหน่วนรู้สึกเพียงเศร้าสลด เจ้าคนพวกนี้ แค่ยาชะไขกระดูกเล็กๆ เม็ดเดียวก็ดีใจขนาดนั้นแล้ว ไม่รู้จะบอกว่าน่าสงสารหรือน่าขัน
มอบยาชะไขกระดูกเหล่านั้นให้นาง นางยังรู้สึกเปลืองที่
“ตึงๆๆ…”
หลังจากดอกที่สามเริ่มส่ง ก็ส่งไปถึงมือฮัวฉีหลัว
ฮัวฉีหลัวกล่าวด้วยความรังเกียจเล็กน้อย “ก็แค่ยาชะไขกระดูกมิใช่หรือ? ยัดร่องฟันยังไม่พอ จะทำอะไรได้?”
ดอกที่สี่ส่งไปถึงมือหุบเขานรก ใบหน้าคนของหุบเขานรกแขวนรอยยิ้มสดใส โอ้อวดกลัวเหล่าสำนักใหญ่ที่อยู่ด้านข้างไม่หยุด ครั้นถ้อยคำนั้นของฮัวฉีหลัวโพล่งออกมา คนของหุบเขานรกก็เก้อเขินมาก ได้แต่ยิ้มเลิ่กลั่ก นำยาชะไขกระดูกกลับเข้าตำแหน่งตัวเอง
พวกเขาได้ยาชะไขกระดูกเม็ดเดียวก็ดีใจขนาดนั้น แต่คนเผ่าน้ำแข็งกลับไม่ยี่หระ สองฝ่ายเทียบกันแล้วก็ทำจนเหมือนพวกเขาหุบเขานรกข้นแค้นเสียไม่มี
ทุกคนต่างมองมาทางเผ่าน้ำแข็งด้วยความอิจฉา
ได้เปล่าจึงทำตัวดี ยาชะไขกระดูกนั้นสามารถทำให้ผู้มีวรยุทธ์เกือบถึงขั้นสามารถข้ามไปอีกระดับได้ ด้านนอกแม้มีเงินก็หาซื้อได้ยากนัก
เผ่าน้ำแข็งช่างเป็นตระกูลใหญ่โด่งดังเสียจริง แม้แต่ยาชะไขกระดูกก็ไม่เห็นอยู่ในสายตา
กลับเห็นฮัวฉีหลัวโยนไปข้างหลัง ท่าทีเกียจคร้านเอื่อยเฉื่อย ไม่เห็นยาชะไขกระดูกเป็นสำคัญ เพียงตบมือ มองกู้ชูหน่วนหลอมยาอย่างสนอกสนใจ
คนที่นั่งอยู่ด้านหลังฮัวฉีหลัว ศิษย์สำนักต่างๆ มากมายต่างพากันไปแย่งชิง
แม้แต่เจ้าสำนักก็ยังร่วมด้วย เสียแต่ฐานะที่เป็นอุปสรรค ละอายจะช่วงชิงกับศิษย์เท่านั้น
ไป๋จิ่นดื่มชาพลางกล่าวเตือน “เสี่ยวฉีเอ๋อร์ ที่นี่หุบเขาตันหุย อย่าเอาแต่ใจ”
ฮัวฉีหลัวปั้นหน้าทะเล้น หัวเราะกล่าว “ก็ได้ๆ ฉีหลัวทราบแล้ว ข้าจะเป็นเด็กดีดูการแข่งขัน”
ฮัวฉีหลัวกระทำเช่นนี้ เจ้าหุบเขาใหญ่น่าหลันชักจะเสียหน้าแล้ว ยาชะไขกระดูกเม็ดที่ห้าจะส่งก็ไม่ใช่ ไม่ส่งก็ไม่ใช่
น่าหลันหลิงลั่วส่งสายตาหนึ่ง คนตีกลองพลันรู้ความหมาย ตีกลองดังตึงๆๆ ขึ้นมา
ขณะที่ทุกคนกำลังคิดให้ดอกไม้ส่งมาถึงตรงหน้าตน ทันใดนั้นเสียงกลางก็หยุด
พวกเขาเป็นคนที่ต้องการกลับไม่ได้
คนที่ไม่อยากได้กลับได้ดอกไม้แดงนั้นอีกครั้ง
ฮัวฉีหลัวมองดอกไม้นั้นที่อยู่ในมือตน กะพริบตา แล้วกะพริบตาอีก เอ่ยด้วยความไร้เดียงสา “เจ้าหุบเขาใหญ่น่าหลัน ข้าดูข้นแค้นนักหรือ?”
“เออ…เผ่าน้ำแข็งเป็นตระกูลใหญ่โด่งดัง ผู้ใดจะกล้าว่าพวกเจ้าข้นแค้น?”
“เช่นนั้นทำไมชอบส่งดอกไม้แดงมาให้ข้า? ข้าไม่ขาดยาชะไขกระดูกสักหน่อย”
น่าหลันหลิงลั่วประคองหน้าผาก ถลึงตาใส่คนที่ตีกลองทีหนึ่ง
คนตีกลองน้อยใจนัก เขาก็แค่ตีไปอย่างนั้น คิดไม่ถึงว่าตอนที่เสียงกลองหยุด ดอกไม้แดงจะส่งไปถึงมือเผ่าน้ำแข็งอีก
ไป๋จิ่นประสานหมัด หัวเราะอย่างสง่างามใจกว้าง งามเด่นพ้นโลกียะ “ไป๋จิ่นขอขอบคุณเจ้าหุบเขาใหญ่น่าหลันแทนฉีหลัวด้วย เจ้าหุบเขาใหญ่น่าหลันมีใจแล้ว”
“เหอะๆ…มิต้องเกรงใจ”
ดวงตาดำเป็นประกายของฮัวฉีหลัวเต็มไปด้วยความฉงนฉงาย กดเสียงลงต่ำเอ่ย “พี่ไป๋จิ่น แต่เราจะเอายาชะไขกระดูกไปทำอะไร? ยาชะไขกระดูกของเผ่าเรากองจนไม่มีที่จะไว้แล้ว”
แม้เสียงนางเบามาก แต่ผู้ที่อยู่ในงานล้วนเป็นยอดฝีมือ ต้องได้ยินถ้อยคำของนาง
ทุกคนต่างสูดลมเย็น
ยาชะไขกระดูกกองจนไม่มีที่จะไว้แล้ว?
จริงหรือ?
นั่นเป็นยาชะไขกระดูกเชียวนะ สำนักใหญ่เท่าไรต้องการมัน
ถ้าที่นางกล่าวเป็นจริง เผ่าน้ำแข็งจะมั่งคั่งเพียงไร?
จะคุยโตไปแล้ว ทุกคนต่างไม่เชื่อ
มีเพียงคนของเผ่าหยก เผ่าเทียนเฟิ่น หอหนึ่งในหล้าและเผ่าปีศาจที่ใช้สายตาสืบเสาะพิจารณาถ้อยคำของเผ่าน้ำแข็ง
หรือว่าเผ่าน้ำแข็งก็มีนักหลอมยาชั้นยอดด้วย?
ไป๋จิ่นถลึงตาใส่ฮัวฉีหลัวในมุมที่ผู้คนมองไม่เห็น
ฮัวฉีหลัวหุบปากอย่างหัวเสีย
ก่อนมานามประลอง พี่ไป๋กำชับนักหนา ไม่ให้นางพูดเพ้อเจ้อ พอนางร้อนใจก็ลืมสนิท
พอเห็นสายตาทุกคนตกอยู่ที่ตัวนาง ฮัวฉีหลัวก็โยนยาชะไขกระดูกไปตามอัธยาศัย มองนักหลอมยาหลอมยาอย่างเป็นเด็กดี ปิดปากสนิทไม่พูดอีก
ทุกคนช่วงชิงกันอีกรอบ
ขั้วอำนาจใหญ่ทั้งหลายต่างเบิ่งตาโต ช่วงชิงกันประมูลเตาหลอมยาที่ยังไม่สำเร็จ
เตาหลอมจำนวนไม่น้อยถูกประมูลด้วยราคาสูงเทียมฟ้า มีเพียงของกู้ชูหน่วนที่ไม่มีผู้คนถามถึง
ฮัวฉีหลัวตบโต๊ะ กล่าวด้วยโทสะ “สายตาคนพวกนี้อย่างไรกัน ทำไมไม่มีใครประมูลยาที่พี่กู้กำลังหลอมอยู่ล่ะ พวกเขาตาบอดกันหมดแล้วหรือไร?”
แต่ไหนมานางก็เป็นคนเสียงดัง ถ้อยคำนี้ยิ่งเป็นการด่าทอคนในงานทั้งหมด
สีชิ่นปิดปากหัวเราะกล่าวอย่างมีเสน่ห์ “ทูตศักดิ์สิทธิ์ไป๋ น้องฉีหลัวบ้านเจ้าช่างตรงไปตรงมาน่ารักเสียจริง เห็นแล้วช่างให้เบิกบานใจยิ่งนัก”
เดิมทีมีคนคิดเอาความกับฮัวฉีหลัว
ครั้นเห็นหอหนึ่งในหล้าเป็นมิตรกับพวกเขา จึงได้แต่อดกลั้นความเคืองโกรธ
โอหังไปแล้ว กำแหงไปแล้ว ถึงอิทธิพลของเผ่าน้ำแข็งจะยิ่งใหญ่เพียงใด ก็เหยียดหยามคนแบบนี้ไม่ได้กระมัง?
ฮัวฉีหลัวพูดด้วยความมั่นใจเต็มประดา “พี่กู้ พวกเขาไม่ซื้อยาของท่าน ข้าซื้อเอง ท่านว่าข้าซื้อเท่าไรจึงจะเหมาะสม? มิเช่นนั้นท่านก็ว่าราคามา ไม่ว่าท่านจะเรียกเท่าไร ข้าก็จะซื้อ!”
กู้ชูหน่วนไม่แม้แต่จะมองนางซึ่งหน้า เอ่ยอย่างเนือยๆ “เกรงว่าเจ้าจะซื้อไม่ไหวนะสิ”
“น่าขัน! พวกเราเผ่าน้ำแข็งมีอะไรที่ซื้อไม่ได้ ท่านเรียกราคามาก็พอ”
“ไม่ขาย แพงเท่าไรก็ไม่ขาย”
“หา…แต่ของพวกเขามีคนซื้อไปหมดแล้วนะ”
“ยาของข้า ไม่ขายเป็นเตา ขายแต่เป็นเม็ด เอาไว้ออกจากเตาแล้วค่อยว่ากันเถอะ”