อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 511 หลอกกันใช่ไหม
ทุกคนขำพรืดอย่างอดไม่อยู่
นางคนนี้ความจำเสื่อมไปแล้วกระมัง
มีปัญญาอ่อนยอมซื้อยาเตานั้นของนาง นางควรแอบดีใจ แต่กลับปฏิเสธเสียนี่
มีเรื่องประหลาดได้ทุกปี ปีนี้มากเป็นพิเศษ
พวกเขานึกว่า ด้วยนิสัยเจ้าเล่ห์กำแหงของฮัวฉีหลัว ต้องปะทะกับกู้ชูหน่วนแน่
คิดไม่ถึงฮัวฉีหลัวกลับกระจ่างใจขึ้นมาทันที กระทั่งยังเห็นด้วยอีก “จริงด้วย! ดูสมองของข้าสิ ข้าลืมไปได้อย่างไร ยาของพี่กู้ ขายเป็นเม็ดยังต้องแย่งกันหัวแตก ใครจะมีปัญญาซื้อยาทั้งเตาของท่านได้!”
นี่มัน…
อย่างกับกู้ชูหน่วนเป็นยอดนักหลอมยาอย่างนั้นแหละ
ถ้านางเป็นยอดนักหลอมยา เช่นนั้นพวกเขาก็เป็นอัจฉริยะหลอมยาแล้ว
นักหลอมยาคนอื่นๆ ต่างทำหน้าดูแคลน
อายุน้อย เห็นโลกน้อยจริงๆ อีกประเดี๋ยวให้พวกเขาดูสักหน่อย ว่าอะไรที่เรียกว่าการหลอมยา
น่าหลันหลิงลั่วเอ่ย “ยาของอาหน่วนขายเป็นเม็ด ยังมีผู้ใดต้องการซื้อยาของอาหน่วนเป็นเม็ดหรือไม่?”
คนของกลุ่มอิทธิพลขนาดกลางและขนาดเล็กต่างไม่ไม่แยแส ในดวงตาเต็มไปด้วยการเหยียดหยาม
ผู้อาวุโสเจ็ดดื่มสุรารสเลิศบนโต๊ะไปก็ส่ายหน้าหัวเราะไป
น่าหลันหลิงลั่วผู้นี้ไม่คู่ควรกับอาหน่วน
ด้วยนิสัยของอาหน่วน ยายังไม่ออกมาในท้ายที่สุด นางจะขายไปเรื่อยได้อย่างไร?
ขายเป็นเม็ด…
หากอาหน่วนหลอมออกมาเป็นยาระดับสี่ขึ้นไปล่ะ เช่นนั้นจะขายเป็นเม็ดอย่างไร?
มั่วซั่วจริงเชียว!
สีชิ่นหัวเราะงามชดช้อย เย้ายวนชวนให้ใจหวั่น นางเก็บคันฉ่องในมือ หยิบยกรอยยิ้มบางที่มุมปาก
ยาที่เจ้าหอของพวกนางหลอม คิดจะซื้อเป็นเม็ด ทุนไม่หนาสักหน่อยจะซื้อไหวหรือ?
ไป๋จิ่นยิ้มคาดเดายากยิ่งกว่า
ถ้าหากกู้ชูหน่วนเป็นธิดาเทพของพวกนางจริง เช่นนั้นยาที่นางหลอมออกมา ต้องสะเทือนเลือนลั่นทั้งปฐพีแน่
ซื้อเป็นเม็ด เฮอะ…
เห็นยาที่ธิดาเทพของพวกนางหลอมเป็นผักกาดขาวหรือ?
เสวียซามองจอมมารที่ยังต่อสู้อย่างดุเดือดในที่ไกลโพ้นด้วยความกังวล ว้าวุ่นในใจ
ถึงปกติจอมมารจะเลอะเลือนอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับเห็นคนก็เข้าปะทะ แต่เขาค้นพบ ระยะนี้ขอเพียงจอมมารเห็นเย่จิ่งหาน ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ทั้งสองก็จะเข้าปะทะกันก่อน
ที่อึดอัดใจที่สุดคือ ทุกครั้งทั้งสองล้วนมีฝีมือสูสี ไม่แยกสูงต่ำ
เวลานี้จอมมารไม่อยู่ เขาก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เงินซื้อยาที่แม่นางกู้หลอมก่อนหรือไม่
เวินเส้าหยีในชุดขาวล้วน หลุดพ้นจากกิเลสราคะ พลิ้วไหวเป็นสง่า แย้มยิ้มอย่างเป็นมิตรอ่อนน้อมเหมือนอย่างเคย แววตาคู่นั้นที่ราวกับเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณวนเวียนอยู่กับตัวกู้ชูหน่วนเป็นครั้งๆ
ทีแรกเขาสงสัยว่ากู้ชูหน่วนหลอมยาไม่เป็น บัดนี้ได้ยินน้ำเสียงของฮัวฉีหลัว กลัวแต่กู้ชูหน่วนจะเป็นยอดฝีมือหลอมยาคนหนึ่ง
โดยเฉพาะวิชาควบคุมไฟของนาง รวมไปถึงวิชาการจัดตัวยาที่คล่องแคล่ว ต้องไม่ใช่คนที่หลอมยาไม่เป็นคนหนึ่งทำได้เด็ดขาด
ทุกอย่างที่กู้ชูหน่วนกระทำ มักกลบจินตนาการของทุกคนเป็นประจำ ครั้งนี้ บางทีนางอาจให้ความประหลาดใจอะไรก็ได้
“ออกจากเตาแล้วๆ”
เสียงอุทานหนึ่ง ทุกคนต่างเงยหน้ามองไป กลับเป็นเตาหลอมยาเปิดออกแล้ว หยิบกล่องเล็กๆ ใบหนึ่งจากถาด ในกล่องว่างเปล่า มีแต่สีดำๆ ก้อนหนึ่ง
“เฮ้อ…ละลายหมดแล้ว เตานี้ ยาที่ขึ้นรูปสักเม็ดก็ไม่มี!”
“จบกันๆ ทั้งเตาไม่เหลือสักนิด ข้าใช้เงินเยอะขนาดนั้น ไปกับสายน้ำหมดแล้ว กลับไปจะไปตอบเจ้าสำนักอย่างไร?”
“อาจารย์อา เราประมูลสองเตา ยังมีอีกเตานะขอรับ บางทีเตาใบนั้นอาจได้ยาดีมาก็ได้”
ครั้นเปิดฝาเตาออก คนรับใช้ก็หยิบกล่องเล็กออกมาด้วยใจกระสับกระส่ายตุ้มๆ ต่อมๆ หากข้างในไม่ว่างเปล่า ก็เป็นก้อนดำ ไม่มียาที่สำเร็จสักเม็ด
ผู้ที่ถูกเรียกเป็นอาจารย์อาฝีเท้าซวนเซ แทบล้มตึง เนื้อตัวไร้สีเลือด
“สัก…สักเม็ดก็ไม่มี ข้าทุ่มเงินสะสมของสำนักเราไปหมดแล้ว ข้ายังมีหน้าไปพบเจ้าสำนักอีก!”
“อาจารย์อา ท่านไม่ได้ประมูลไว้สามเตาหรือขอรับ ยังมีเตาสุดท้าย เตาสุดท้ายต้องมียาที่สำเร็จแน่”
“ใช่ๆๆ รีบเปิดเตาสุดท้ายออกเร็ว เมื่อครู่เตาแรกได้ยาชะไขกระดูกห้าเม็ด เตานี้ต้องได้ยาชะไขกระดูกสักหน่อยเป็นแน่”
ครั้นเปิดเตาหลอมที่สามออก ข้างในอย่าว่าแต่ยาที่ขึ้นรูปเลย แม้แต่ก้อนดำก็ไม่มี
‘อาจารย์อา’ ผู้นั้นตกใจจนหมดสติ เหล่าศิษย์รีบหามเขาออกไป
เมื่อมีตัวอย่าง ความมั่นใจของทุกคนจึงสูญไปหมด
พวกเขารู้อยู่แล้ว เจ้าหุบเขาใหญ่น่าหลันจะใจดีอย่างนั้นได้อย่างไร จู่ๆ เปลี่ยนกฎเกณฑ์ ให้ประมูลโดยที่ยังไม่เปิดเตา เป็นสิ่งที่เขาคิดคำนวณไว้แล้ว ต้องการหลอกเงินของพวกเขา
มิเช่นนั้นเตาแรกจะได้ยาชะไขกระดูกห้าเม็ดได้อย่างไร สามเตาหลังแม้แต่ลมผายก็ไม่มี
สายตาแคลงใจของทุกคน ทำให้เจ้าหุบเขาใหญ่น่าหลันอีหลักอีเหลื่ออย่างหนัก
บรรดาศิษย์รุ่นนี้เก่งกาจจริงๆ แต่ละคนอุดมด้วยประสบการณ์ หลอมได้ยาขึ้นรูปมากมาย
เพียงแต่เขาคิดไม่ถึง นักหลอมยาทั้งสามต่างไม่ได้ยาขึ้นรูปสักเม็ดติดกัน
เปิดต่ออีกหลายเตา ข้างในว่างเปล่า มีคนนั่งไม่ติด ไต่ถามด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตร
“เจ้าหุบเขาใหญ่น่าหลัน เตาหลอมหลังๆ นี่ คงมิใช่ไม่สำเร็จสักใบกระมัง?”
“จะเป็นไปได้อย่างไร พวกเขาล้วนเป็นนักหลอมยารุ่นใหม่ที่เป็นเลิศที่สุดของหุบเขาตันหุย”
“เฮอะ…เป็นเลิศที่สุด? แม้แต่ยาที่ขึ้นรูปก็หลอมออกมาไม่ได้?”
“ถึงจะไม่ใช่ยาระดับหนึ่งขึ้นไป เป็นแค่ยาสามัญก็ได้ ผลล่ะ? แม้แต่ยาสามัญก็ไม่สำเร็จ เจ้าหุบเขาใหญ่น่าหลัน อัจฉริยะในหุบเขาของท่านจะด้อยค่าไปหน่อยกระมัง?”
“เจ้าสำนักทุกท่าน แม้จะเป็นนักหลอมยาที่เก่งกาจสักเพียงไร ก็มีขณะที่พลาดได้เหมือนกัน หรือทุกท่านจะชมต่อ บางทีอาจมีให้ประหลาดใจได้ล่ะ?” น่าหลันหลิงลั่วยิ้มเอ่ย
ทุกคนกึ่งเชื่อกึ่งไม่เชื่อ
เตาหลอมยาล้มเหลวมากขนาดนั้น ต่อไปแม้จะสำเร็จ แต่จะดีแค่ไหนกันเชียว?
เปิดอีกสองเตา ในนั้นยังคงว่างเปล่า
บังเกิดความไม่สงบทันที สีหน้าคนจำนวนมากล้วนไม่ดี ความลุ่มลึกเยือกเย็นหนักหน่วงถึงที่สุด
บ้างกระทั่งไม่ไว้หน้าเอ็ดตะโรใส่เจ้าหุบเขาใหญ่น่าหลัน “เจ้าหุบเขาใหญ่น่าหลัน ดีชั่วหุบเขาตันหุยก็เป็นสำนักใหญ่ ท่านใช้วิธีต่ำช้าเช่นนี้มาหลอกเงินพวกเรา แผนการจะไม่งามไปหน่อยกระมัง?!”
ผู้อาวุโสเจี่ยและคนอื่นๆ ของหุบเขาตันหุยต่างไม่พอใจ โต้กลับ
“อะไรเรียกว่าใช้วิธีต่ำช้าหลอกเงินพวกเจ้า? พวกเราหุบเขาตันหุยเป็นคนขาดแคลนเงินหรือ?”
“นี่ก็สุดจะรู้ได้”
ขณะที่ความขัดแย้งกำลังก่อตัว จู่ๆ ก็มีคนตะโกนอุทาน “ออกจากเตาแล้ว! สำเร็จแล้ว! แล้วยังเป็นยาเผยหยวนด้วย!”
“สวรรค์ เป็นยาเผยหยวนจริงด้วย ยาเผยหยวนดีกว่ายาชะไขกระดูกตั้งเยอะ นี่เป็นของระดับหนึ่งขั้นสูงเชียวนะ!”
“ก็นั่นนะสิ! แถมในหนึ่งเตายังได้สามเม็ดเต็มๆ ด้วย นี่…นี่จะเหนือความคาดฝันเกินไปแล้วกระมัง?!”
“น่าโมโหชะมัด! อกข้าจะแตกอยู่แล้ว ตอนแรกข้าก็อยากประมูลเตาใบนี้ แต่ไม่รู้ทำไม จับพลัดจับผลูไปประมูลอีกเตาหนึ่งเสียได้ แถมเตาใบนั้นไม่มีอะไรสักนิด น่าโมโหจริงๆ ข้าจะโมโหเป็นลมชักอยู่แล้ว!”
“เจ้าสำนักไต้ข้าว่าเรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้ว ท่านโมโหไปจะมีประโยชน์อันใด มิสู้คิดดีๆ ว่าจะประมูลยาให้ได้มากอย่างไรดีกว่า”
“ออกอีกแล้ว! สำเร็จด้วย แต่นี่ยาอะไร…”