อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 541 จอมมารมา
ในสนามประลองในอันไกลโพ้นของเผ่าเทียนเฟิ่น เวลานี้มีประชาชนของเผ่ารวมตัวกันอย่างหนาแน่ คนเหล่านี้รวมตัวกันเป็นวงกลม นำโดยรองหัวหน้าเผ่าซือคง ล้อมรอบเย่จิ่งหานและกู้ชูหน่วนไว้ในสนาม
การประลองวิทยายุทธกำลังจะเริ่มต้นขึ้น เย่จิ่งหานถอยออกไปอีกข้างหนึ่งด้วยตัวเอง ทิ้งไว้เพียงประโยคเดียวว่า “ระวังตัว อย่าฝืนดึงดัน”
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า”
กู้ชูหน่วนกวาดตามองดูบรรดาผู้คนเผ่าเทียนเฟิ่นที่ทยอยรวมตัวกันเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย “รองหัวหน้าเผ่าซือคง จำเรื่องที่เจ้ารับปากไว้ หากว่าข้าชนะ ก็ปล่อยข้ากับเย่จิ่งหาน รวมทั้งฮองเฮาแห่งแคว้นฉู่ซะ เมื่อถึงเวลาก็อย่าเบี้ยวเชียวล่ะ”
ทุกคนล้วนคิดว่านางคิดเพ้อเจ้อ ก็แค่ระดับสองเท่านั้น ท้าทายยอดฝีมือเผ่าเทียนเฟิ่นของพวกเขามากมายขนาดนี้ นางชนะได้ก็เจอผีแล้ว
“แต่ไหนแต่ไรข้าเป็นคนพูดจาหนักแน่นเชื่อถือได้ หากว่าพวกเจ้าชนะ ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไปเป็นธรรมดา หากว่าเจ้าแพ้ ข้าจะให้พวกเจ้ามอบกุญแจรูปดาวออกมา”
อุ้งมือของกู้ชูหน่วนกระตุกทันที
ตาแก่บ้านี่ เขารู้ได้อย่างไรว่าในมือของนางมีกุญแจรูปดาว
เขาไม่ได้เอ่ยถึงเข็มทิศเปิดฟ้า คงจะไม่รู้หรอกละมั้งว่าเข็มทิศเปิดฟ้าอยู่บนตัวนาง
ได้ยินว่ากุญแจรูปดาว ทุกสายตาก็ต่างพากันถาโถมมาทางนาง แม้แต่สายตาของเย่จิ่งหานก็โถมมาทางนางแล้ว
“ชนะก่อนแล้วข้าค่อยบอกละกัน”
การประลองสนามแรกเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ
หวังเฟิงและหวังหยู่ขึ้นเวที ทั้งสองมือหนึ่งถือมีด มือหนึ่งถือดาบ ทันทีที่ขึ้นมามีดดาบประกบกัน ทางกลางเงาของมีดดาบ แรงสังหารคุกรุ่น
ทั้งสองกล่าวด้วยความยโส “ระวังหน่อย มีดดาบไม่มีตา”
สิ้นสุดคำพูด ไม่รอให้กู้ชูหน่วนพูดจา ก็สังหารเข้ามาแล้ว
ไม่รู้ว่าเพราะทำตามคำสั่งของรองหัวหน้าเผ่าซือคงหรือไม่ ลงมือโดยไม่ปรานีสักน้อย ทันทีที่ลงมือก็คือกระบวนท่าสังหาร แต่ละกระบวนท่าล้วนคิดต้องการให้กู้ชูหน่วนตาย
หากไม่ใช่เพราะร่างกายของกู้ชูหน่วนว่องไว หลบเลี่ยงได้ทันเวลา เกรงว่าคงจะถูกสับเป็นซอสเนื้อไปนานแล้ว
แรงสังหารของเย่จิ่งหานพุ่งกระจายออกมา แววตาอันเย็นเฉียบเพ่งมองไปทางหวังเฟิงหวังหยู่
คนที่รู้จักเย่จิ่งหานล้วนรู้ว่า เขาโกรธแล้ว
หากเขาไม่ได้รับปากกู้ชูหน่วนว่าจะไม่ก้าวก่ายการประลองครั้งนี้ เขาก็ลงมือฆ่า หวังเฟิงหวังหยู่ไปนานแล้ว
เมื่อมองบนสนามประลอง หวังเฟิงถือมีด แต่ละมีดโหดเหี้ยมทารุณ หวังหยู่ถือดาบ แต่ละดาบรวดเร็วว่องไว ร่วมมือกันได้อย่างไร้ช่องโหว่
แม้ว่าวิชาตัวเบาของกู้ชูหน่วนจะสูงเพียงใด กระบวนท่าจะเร็วเพียงใด ก็ถูกโจมตีจนรับมือไม่ทัน อันตรายเป็นที่สุด
ทั้งๆที่นางอยู่ในจุดเสียเปรียบ ทุกครั้งล้วนทำให้ผู้คนคิดว่า กระบวนท่าต่อไป นางไม่โดนทำร้ายอย่างสาหัสถูกฆ่า ก็ต้องแขนขาขาดแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกครั้งล้วนถูกกู้ชูหน่วนหลบเลี่ยงได้อย่างหวุดหวิด
การต่อสู้ประเภทนี้ทำให้คนดูจนอกสั่นขวัญหาย
ผู้อาวุโสเฉินกล่าว “นังหนูนี่เพิ่งจะระดับสอง คิดไม่ถึงว่าจะสามารถต้านทานกระบวนท่าประกบคู่มีดดาบของหวังเฟิงหวังหยู่นับร้อยกระบวนท่าได้ ไม่ธรรมดาจริงๆเลย เป็นผู้มีพรสวรรค์”
“ก็เพราะเป็นเช่นนี้ไงล่ะ จึงจำเป็นต้องรีบบีบคอให้ตายในแปล” ผู้อาวุโสอีกคนกล่าว
มีคนนอกน้อยคนนักที่จะเข้ามาที่เผ่าเทียนเฟิ่นได้ และมีน้อยคนที่จะกล้าท้าทายหวังเฟิงหวังหยู่ เมื่อข่าวนี้เผยแพร่ออกไป คนที่มาก็มากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่สุดยอดผู้อาวุโสที่เข้าฌานก็ล้วนตกตะลึง ต่างพากันวิ่งออกมาดูความสนุกสนาน
นอกจากเหล่าผู้อาวุโสและสุดยอดผู้อาวุโสแล้ว ยังมีจอมมาร สีชิ่น ไป๋จิ่น น่าหลันหลิงลั่วและคนอื่นๆอีกด้วย
คนเหล่านี้ถูกผู้อาวุโสท่านหนึ่งพามาพร้อมกัน ก็ไม่รู้ว่าพวกเขารวมตัวกันได้อย่างไร
เมื่อเห็นกู้ชูหน่วนอยู่ในการประลอง แววตาล้วนเปล่งประกาย ไม่ช้าจิตใจก็ตึงเครียดขึ้นมาทันทีอีกครั้ง
ระดับสองสู้กับระดับสี่?
นี่จะสู้ชนะได้อย่างไร?
อีกทั้งยังเป็นคนระดับสี่สองคนสู้กับระดับสองเพียงคนเดียวอีก
เผ่าเทียนเฟิ่นหน้าไม่อายเกินไปแล้วล่ะมั้ง
“ท่านทั้งหลายเชิญนั่ง” คนของเผ่าเทียนเฟิ่นขนเก้าอี้มาทีละตัว กล่าวด้วยท่าทางนอบน้อม
จอมมารกล่าวด้วยสีหน้าเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ได้ยิ้ม “นี่เผ่าเทียนเฟิ่นตั้งใจจะใช้คนมากกว่ารังแกคนน้อยกว่า ใช้คนแข็งแกร่งรังแกคนอ่อนแองั้นหรือ?”