อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 538 สู้กับเผ่าเทียนเฟิ่นคนเดียว
กู้ชูหน่วนโมโหจนหัวเราะออกมา มีคนทุกรูปแบบจริงๆ
“ข่าวลือว่ากันว่ารองหัวหน้าเผ่าเทียนเฟิ่นนั้นมีวรยุทธแข็งแกร่งมาก คิดไม่ถึงว่าฝีปากจะกล้าแกร่งกว่า วันนี้นับว่าข้าได้สัมผัสแล้วว่าอะไรคือ คนที่เลวทรามถึงขีดสุดย่อมไร้ศัตรู”
“สามหาว เจ้าเป็นหญิงที่มาจากที่ใด ถึงกล้าพูดสิ่งที่ไร้เหตุผลกับรองหัวหน้าเผ่าของพวกเรา”
“รองหัวหน้าเผ่า หึ……ยอดเยี่ยมมากหรือ ข้าจับตัวฮองเฮาฉู่มาจริงหรือไม่ พวกเจ้าถามนางดูก็จะรู้เอง”
รองหัวหน้าเผ่าซือคงเอ่ยอย่างโมโห “ผู้หญิงคนนี้คือพระชายาหาน ผู้ชายคนนั้นคือเทพสงครามเย่จิ่งหาน”
“อะไร เขาคือเย่จิ่งหานหรือ”
เหล่าผู้อาวุโสต่างก็ไม่เชื่อว่าจะมีคนเล็ดลอดสายตาของพวกเขาไปได้ แทรกซึมเข้ามาในเผ่าเทียนเฟิ่น ยังจับตัวฮองเฮาของแคว้นฉู่มาด้วย
แต่พอได้ยินคำพูดของรองหัวหน้าเผ่า พวกเขาต่างก็หันไปต่อกรกับคนนอกอย่างพร้อมเพรียงกัน ล้อมตัวพวกกู้ชูหน่วนเอาไว้
กู้ชูหน่วนเลียมุมปากตัวเอง ใบหน้าเต็มไปด้วยความดื้อรั้น นางพูดอย่างสบายใจว่า “ท่านอ๋อง เกรงว่าวันนี้พวกเราคงจะต้องทำให้เผ่าเทียนเฟิ่นปั่นป่วนแล้ว”
“ป่วนก็ป่วนซิ ไม่ใช่ครั้งแรกเสียหน่อย”
“เอ๋……ฟังจากที่ท่านพูด หรือว่าก่อนหน้านี้ท่านเคยมาปั่นป่วนเผ่าเทียนเฟิ่นแล้วอย่างนั้นหรือ”
“อย่างไรก็ต้องพึ่งท่าน ข้าจึงมีโอกาสมาที่หน่วยหลักของเผ่าเทียนเฟิ่นได้”
“ที่แท้ก็เป็นหน่วยย่อย ทำเอาข้าดีใจซะยกใหญ่”
หัวเราะเยาะราวกับไม่มีคนอื่นอยู่ในสายตา และยังเป็นการยิ้มเยาะต่อหน้าเหล่าผู้นำของเผ่าเทียนเฟิ่น ทำเอาคนของเผ่าเทียนเฟิ่นต่างก็รู้สึกไม่พอใจ
“จองหอง เผ่าเทียนเฟิ่นเป็นที่ที่พวกเจ้าจะมาทำตัวสามหาวได้อย่างนั้นหรือ ก่อนหน้านี้ไม่ได้เล่นงานพวกเจ้าให้ตาย ครั้งนี้ พวกเจ้าอย่าคิดว่าจะหนีรอดกลับไปได้”
“ทำไม จะหมาหมู่หรือ ในเมื่อพวกเราสามารถบุกเข้ามาในเผ่าเทียนเฟิ่นได้ พวกเจ้าจะไม่ถามหรือว่าพวกเราพาคนมาด้วยเท่าไหร่”
ทุกคนต่างก็ตกตะลึงไปตามๆกัน รอฟังคำพูดต่อไปของกู้ชูหน่วน แต่นางกลับหัวเราะอย่างมั่นใจในตนเอง แต่ไม่พูดมากไปกว่านั้น
รองหัวหน้าเผ่าซือคงพูดว่า “อย่าไปฟังนางเด็กคนนั้นมันพูดเหลวไหล พวกเราต่างก็เข้าสู่ค่ายกลขนส่ง ในแดนต้องห้ามของหุบเขาตันหุย จึงถูกส่งกลับมาที่เผ่าเทียนเฟิ่น นอกจากพวกเขาสองคน พวกเขาไม่มีลูกน้องอะไรทั้งนั้น”
คำโกหกถูกเปิดโปง กู้ชูหน่วนไม่เพียงจะไม่ร้อนใจ ใบหน้ากลับมีแต่รอยยิ้ม
“ตาเฒ่าชั่ว เจ้ายังมีประสบการณ์อยู่บ้างนี่นา ทำไมเจ้าไม่ลองคิดดูเล่า ทำไม่พวกเราจึงดึงดันจะเข้าไปในแดนต้องห้ามของหุบเขาตันหุย”
คำพูดนี้ ขู่รองหัวหน้าเผ่าซือคงจนอยู่หมัด
นางสู้ขาดใจเพื่อให้เป็นที่หนึ่ง ภาพที่เข้าสู่แดนต้องห้ามอย่างอดใจรอไม่ไหว ยังคงวนเวียนอยู่ในสมองของเขา
จนกระทั่งตอนนี้เขายังคงสงสัย นางเข้าไปในแดนต้องห้ามทำไม
“ไม่ว่าจุดประสงค์ที่เจ้าเข้าไปในแดนต้องห้ามคืออะไร ชีวิตของพวกเจ้าก็ต้องสิ้นสุดเพียงเท่านี้แล้ว”
แววตาของรองหัวหน้าเผ่าโหดเหี้ยม โบกมือหนึ่งครั้ง ก็มีคนอีกกลุ่มใหญ่ห้อมล้อมพวกกู้ชูหน่วนเอาไว้
ผู้คนทั้งหมดของเผ่าเทียนเฟิ่นต่างก็ตื่นตกใจ มีคนไม่น้อยที่เร่งรีบมาที่นี่ แทบจะเป็นวงล้อมซ้อนวงล้อมหลายชั้น ล้อมสถานที่ตรงนี้เอาไว้ทั้งหมด
เย่จิ่งหานขยับฝีเท้า ยกฝ่ามือขึ้นอยากคิดจะลงมือ
กู้ชูหน่วนกุมมือใหญ่ของเขาเอาไว้ พูดกลั้วเสียงหัวเราะ “ที่จริงบอกเจ้าก็ได้ จุดประสงค์ที่ข้าเข้าไปในแดนต้องห้าม ก็เพื่อจะดูว่าเจ้ากับเวินเส้าหยีถูกทารุณอย่างไร”
กู้ชูหน่วนไม่พูดประโยคนี้ยังดี แต่เมื่อพูดออกมาแล้ว ทุกคนต่างก็ต้องจ้องมองพวกเขาอย่างวิเคราะห์อีกครั้ง
จะเป็นไปได้อย่างไรที่นางจะเข้าไปในแดนต้องห้ามเพียงเพื่อจุดประสงค์นี้เท่านั้น
นางเป็นแค่คนนอกคนหนึ่ง แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่ามีอสูรเขาเดียวระดับเจ็ดอยู่ในแดนต้องห้าม
ผู้หญิงคนนี้ต้องการจะทำอะไรกันแน่
“รองหัวหน้าเผ่า ผู้หญิงคนนี้เจ้าเล่ห์เพทุบาย ข้าน้อยแนะนำว่าให้จับตัวนางเดี๋ยวนี้เลย”
“อนุญาต”รองหัวหน้าเผ่าพูด
ก่อนที่เย่จิ่งหานจะลงมือ กู้ชูหน่วนชิงใช้แรงกุมมือของเขาให้แน่นมากขึ้น
“ท่านต้องลงมือปกป้องข้าทุกครั้ง ช่างไม่เอาไหนซะเลย ครั้งนี้ข้าจะเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงาม ท่านก็เป็นสาวงามให้ข้าอย่างเชื่อฟังด้วย”
ว่าแล้ว นิ้วชี้เรียวยาวของนางก็เกี่ยวไปที่กรามล่างของเย่จิ่งหานเบาๆ ท่าทีน่ารัก
ร่างกายของเย่จิ่งหานชาราวกับถูกสายฟ้าฟาด
เขาทั้งซาบซึ้ง ทั้งหดหู่
ผู้หญิงคนนี้ไม่ให้เขาลงมือ เพราะเกรงว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บ กระทบต่อการฟื้นฟูของร่างกาย จึงได้ท้าสู้กับเหล่ายอดฝีมือของเผ่าเทียนเฟิ่นตามลำพังหรือ