อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 548 กล้าแตะต้องนาง เหยียบศพข้าไปก่อน
มือเย็นๆของกู้ชูหน่วนจับอยู่บนมือใหญ่ๆของเขา
แม้ว่านางจะได้รับบาดเจ็บสาหัส สีหน้าซีดขาว ที่มุมปากยังมีรอยเลือดที่ยังไม่แห้งอีก แต่ระหว่างคิ้วยังคงเป็นท่าทางหัวแข็งดื้อรั้น ไม่มองผู้ใดในสายตา หยิ่งยโสจนทำให้คนคิดว่าเป็นภาพลวงตา
เสียงของกู้ชูหน่วนไม่ดัง แต่บรรดาผู้คนล้วนได้ยินทุกคำอย่างชัดเจน
“ในเมื่อพวกเจ้าอยากจะประลองอีกรอบ เช่นนั้นข้าก็จะแข่งเป็นเพื่อน”
น่าหลันหลิงลั่วเอ่ยปากด่า “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? ไม่ดูเลยหรือไงว่าตอนนี้เจ้าบาดเจ็บสาหัสมากแค่ไหน การประลองรอบนี้เดิมทีก็เป็นเจ้าที่ชนะ ทำไมจะต้องแข่งอีกรอบด้วยล่ะ”
“แม้ว่าท่านจะชนะอีกรอบ เผ่าเทียนเฟิ่นก็ยังคงหาข้ออ้างอื่นมาต่อกรกับท่านอยู่ดี”
จอมมารจี้ถูกจุดสำคัญ เปิดโปงเรื่องนี้โดยตรง ยืนอยู่ข้างกายกู้ชูหน่วนกล่าวด้วยความหยิ่งผยอง “ผู้ใดกล้าทำร้ายนาง ก็เหยียบศพข้าไปก่อนละกัน”
รองหัวหน้าเผ่าซือคงกล่าวด้วยความเคร่งขรึม “พูดเช่นนี้ ก็คือเผ่าปีศาจต้องการจะยืนข้างเย่จิ่งหานทางนั้น เป็นปฏิปักษ์กับเผ่าเทียนเฟิ่นของพวกเราแล้วงั้นหรือ?”
“ผิด คือยืนอยู่ข้างพี่สาวทางนั้น” จอมมารแก้ให้ถูกต้อง
เสียงของสุดยอดผู้อาวุโสเสวี่ยเย่มีการข่มขู่เล็กน้อย “ไม่ว่ายังท่านจอมมารก็คิดให้ดีก่อนจะดีกว่า แม้ว่าท่านจะเป็นเจ้าแห่งเผ่าปีศาจ แต่ที่นี่คือเผ่าเทียนเฟิ่น หากว่าเกิดอะไรขึ้น เช่นนั้นก็ดูไม่ดีแล้ว”
ผู้ที่มีสมองหน่อยก็ล้วนฟังออก
สุดยอดผู้อาวุโสเสวี่ยเย่กำลังข่มขู่จอมมาร
ความหมายโดยนัยของเขาคือ ที่นี่คือเผ่าเทียนเฟิ่น จอมมารบุกรุกเข้ามาที่เผ่าเทียนเฟิ่นเพียงลำพัง ขืนต่อกรกับพวกเขา ก็มีแต่เขาเท่านั้นที่จะเสียเปรียบ
หากเขาตายที่นี่ ก็ไม่มีคนเก็บศพเขา
คนอื่นฟังออกแล้ว จอมมารจะฟังไม่ออกได้อย่างไร เขายิ้มอย่างมีเสน่ห์ “จริงอย่างที่ท่านกล่าว ข้าเป็นเจ้าแห่งเผ่าปีศาจ แต่ท่านเป็นเพียงแค่สุดยอดผู้อาวุโสตัวเล็กๆของเผ่าเทียนเฟิ่น ท่านก็ไม่ได้มีคุณสมบัติที่จะสอนว่าข้าจะต้องทำอย่างไรหรอกนะ”
ทันทีที่คำพูดนี้จอมมารโพล่งออกมา ก็เท่ากับว่าได้ยืนอยู่ฝ่ายกู้ชูหน่วนอย่างแน่วแน่แล้ว เป็นอริกับเผ่าเทียนเฟิ่นโดยสมบูรณ์
ใบหน้าอันโหดร้ายของสุดยอดผู้อาวุโสเสวี่ยเย่ ในดวงตาเหี่ยวย่นเป็นแววแรงสังหารแวบผ่านทันที
สวบ……
ไม่รู้ว่าเป็นแรงสังหารของเขา หรือประชาชนเผ่าเทียนเฟิ่นมากมายที่ล้วนพากันเกิดแรงอาฆาตขึ้น สถานการณ์แปลกประหลาดจนดูไม่ได้
กลิ่นอายความขัดแย้งค่อยๆอบอวล
คนของเผ่าเทียนเฟิ่นจำนวนไม่น้อยพากันรุมล้อมกู้ชูหน่วน เย่จิ่งหานและจอมมารไว้
กู้ชูหน่วนกลอกตาขาวใส่จอมมารแวบหนึ่ง กล่าวด้วยความโมโหมากมาย “เจ้ารนหาเรื่องใส่ตัวหรือไง”
จอมมารยิ้มเจ้าเล่ห์ ไม่ได้ดูมีเกียรติดั่งผู้สูงศักดิ์ที่อยู่เบื้องบนสักนิด กลับดูเหมือนเด็กหนุ่มบริสุทธิ์ไร้เดียงสา “อยู่กับพี่สาว แม้ว่าจะรนหาเรื่องใส่ตัวก็เป็นความสุขชนิดหนึ่ง”
กู้ชูหน่วน “…….”
รองหัวหน้าเผ่าซือคงโบกมือ ได้ยินเสียงฝีเท้าตักตักตัก ศิษย์ที่อยู่บนบันไดสูง มือธนู ผู้ใช้อาวุธลับและคนอื่นๆล้อมรอบพวกเขาไว้ด้านนอกสามชั้นสามในสามชั้นอีกครั้ง
รอเพียงคำเดียวของเขา ก็สามารถยิงจนพวกเขาตัวพรุนเป็นรังผึ้งได้
รองหัวหน้าเผ่าซือคงกวาดตามองไปทางไป๋จิ่นและคนอื่นๆ น้ำเสียงแฝงไปด้วยการเตือน
“ทุกท่าน นี่คือบุญคุณความแค้นความขัดแย้งระหว่างพวกเราและพวกเขา คิดว่าทุกท่านคงจะไม่เข้าร่วมและก้าวก่ายหรอกนะ?”
น่าหลันหลิงลั่วหัวเราะเยาะเย้ย และยืนอยู่ข้างกู้ชูหน่วนทางนั้น เอ่ยปากกล่าว “กู้ชูหน่วนเป็นผู้หญิงที่ข้าต้องตาถูกใจ และเป็นว่าที่ภรรยาของข้า เรื่องของนางก็คือเรื่องของข้า”
ฉึบฉึบฉึบ…….
แรงอาฆาตสองพลังยิงเข้ามาทางน่าหลันหลิงลั่วในพริบตา
น่าหลันหลิงลั่วอดไม่ได้ที่จะสั่นเทาด้วยความเย็นยะเยือก
หนาวจัง……
เย่จิ่งหานและจอมมารป่วยหรือไง?
พวกเขาสามารถตามจีบกู้ชูหน่วนได้ แล้วเขาจะตามจีบด้วยไม่ได้หรือไงกัน?
สายตาอะไร? คิดจะทำให้เขากลัว ทำให้เขาได้เห็นความลำบากแล้วถอยไปรึ?
ยังไงเขาก็ไม่
มีชีวิตมามากกว่าครึ่งชีวิตแล้ว ก็ต้องตาต้องใจกู้ชูหน่วนผู้หญิงคนนี้เพียงผู้เดียว ชั่วชีวิตนี้ของเขาจะไม่ยอมปล่อยมือ
เจ้าหุบเขาใหญ่น่าหลันที่มาช้า ทันทีที่มาถึงก็ได้ยินคำพูดของลูกชายตัวเอง โมโหจนแทบจะเป็นลมล้มตึง