หนึ่งนั้นเป็นสาวน้อยรูปงามเปี่ยมล้นชีวิตชีวา อีกด้านนั้นกลับเป็นไม้ใกล้ฝั่งแก่ไร้ชีวิต
เมื่อเหวินจิงซวนได้มายืนเทียบกับหลินหลานนั้นมันก็ปรากฏชัดเจนว่าสิ่งไหนคือความบริสุทธิ์สิ่งไหนคือความหมองหม่น
“แม่หนู เฒ่าคนนี้เป็นถึงนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสอง ข้าจะมารังแกเจ้ามันคงไม่เหมาะนัก เจ้าเลือกโอสถสวรรค์มาเถอะ เลือกอันที่เจ้าถนัดที่สุด” หลินหลานกล่าวขึ้น
เหวินจิงซวนได้แต่หัวเราะตอบกลับไป “เป็นแค่นักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสองก็คิดมาวางท่าต่อหน้าข้าคนนี้แล้วหรือ? ข้าคนนี้หลอมโอสถสวรรค์ระดับหนึ่งได้เหนือล้ำกว่านักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสองทั่วๆ ไปมากมายนัก! ไม่นานเจ้าจะได้รู้จักรสชาติความพ่ายแพ้!”
หลินหลานนั้นยืนนิ่งไม่คิดเถียงตอบใดๆ กลับไป
เหวินจิงซวนจึงกล่าวขึ้นมา “ได้ ในเมื่อเจ้าจะปล่อยให้ข้าเลือกจริงๆ เราก็มาประลองโอสถสวรรค์ที่เป็นพื้นฐานที่สุด โอสถสวรรค์ปรับฐาน!”
หลินหลานที่ได้ยินต้องผงะไปก่อนจะหัวเราะขึ้นมา “แม่หนู ข้าว่าเจ้าเลือกโอสถสวรรค์ตัวอื่นเถอะ โอสถสวรรค์ปรับฐานนั้นเจ้าไม่มีทางชนะได้หรอก!”
หลายปีมานี้สิ่งที่เขาฝึกฝนหนักหน่วงที่สุดมันก็คือโอสถสวรรค์ปรับฐานนี้
พื้นฐานของเขาในตอนนี้มันสุดแสนจะมั่นคง
แม้ว่ามันจะยังไม่อาจเอาไปเทียบเย่หยวนได้แต่มันก็แข็งแกร่งเหนือล้ำหัวนักหลอมโอสถสวรรค์ทั่วๆ ไปไม่รู้กี่เท่าตัว
แต่ว่ายิ่งเขาทำท่าเช่นนั้นเหวินจิงซวนก็ยิ่งคิดว่าเขากลัวจะถูกเปิดโปงความอ่อนแอออกมา
“หึๆ เจ้าคิดว่านักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสองมันจะเก่งกว่านักหลอมโอสถสวรรค์ระดับหนึ่งเสมอหรือ? สิบปีมานี้อาจารย์ข้านั้นไม่ได้สอนให้ข้าหลอมโอสถสวรรค์ระดับสูงใดๆ ทั้งสิ้น ท่านนั้นสั่งให้ข้าฝึกฝนรากฐานให้มั่นคงก่อน! และโอสถสวรรค์ปรับฐานนี้มันก็เป็นหนึ่งในโอสถที่ข้าถนัดมากที่สุด! หากวัดกันด้วยโอสถสวรรค์ระดับความยากสูงๆ ข้าอาจจะยังไม่เก่งกาจเท่าเจ้าจริง แต่ถ้าวัดกันแค่ที่โอสถสวรรค์ปรับฐานนี้แล้วเจ้าย่อมจะไม่มีทางเทียบเคียงข้าได้!” เหวินจิงซวนยิ้มกล่าวขึ้นมา
คำพูดนั้นมันทำให้หลินหลานต้องอ้าปากค้างขึ้นมา
เมื่อเหวินจิงซวนได้เห็นเช่นนั้นนางย่อมจะคิดว่าหลินหลานกลัวขึ้นมาจึงได้กล่าวถาม “ทำไมเล่า? กลัวแล้วหรือ?”
หลินหลานที่ได้ยินจึงส่ายหัวตอบกลับไป “บังเอิญเสียจริง อาจารย์ข้านั้นก็ได้สอนข้ามาด้วยวิธีเดียวกัน! อืม ดูท่าเฒ่าคนนั้นมันจะยังมีความรู้อยู่บ้าง!”
เมื่อเหวินจิงซวนได้ยินเช่นนั้นนางจึงร้องลั่นขึ้นมา “เจ้าเองก็เฒ่าไม่น้อยไปกว่าเขาหรอก ยังจะมีหน้าไปเรียกอาจารย์ข้าว่าเฒ่าอีกหรือ?”
หลินหลานตอบกลับไปหน้าซื่อ “อาจารย์เจ้านั้นย่อมจะเป็นคนเฒ่าแล้วหากเทียบกับอาจารย์ข้า”
“เจ้า!” เหวินจิงซวนแทบต้องสำลักขึ้นมา
บนที่นั่งนั้นเย่หยวนอดที่จะยิ้มขึ้นมาไม่ได้ ได้แต่คิดว่าหลินหลานนี้นับวันยิ่งจะทำตัวน่ารักขึ้นทุกที
ส่วนทางฉินชุนนั้นหน้าดำเป็นก้นหม้อแล้ว
“เจ้ารอก่อนเถอะ! อีกไม่นานเจ้าจะได้ร้องไห้แน่!”
พูดจบเหวินจิงซวนก็ค่อยๆ สงบจิตใจลงพร้อมตั้งสมาธิในการหลอมโอสถสวรรค์ขึ้น
วินาทีที่นางลงมือนั้นแม้แต่หลินหลานเองก็ยังต้องอ้าปากค้าง
สาวน้อยผู้นี้มีพลังฝีมือที่ไม่อาจประมาทได้เลย!
หากมิใช่เพราะว่าเขานั้นติดตามเย่หยวนมาเรียนรู้วิชาตัวเขาย่อมจะไม่มีทางเอาชนะสาวน้อยผู้นี้ได้
เหวินจิงซวนนั้นมีวิชาการหลอมที่เหมือนดั่งสายน้ำไหลบนก้อนเมฆ มันลื่นไหลเป็นธรรมชาติไม่ว่าจะดูอย่างไรนางก็มากฝีมืออย่างแท้จริง
นางนั้นไม่ได้อวดอ้างอย่างเกินตัวเลย
เวลานี้แม้แต่หวู่เฉิงเฉาก็ยังต้องกล่าวขึ้นมาอย่างตกตะลึง “ไม่นึกเลยว่าแม่หนูคนนั้นกลับจะใช้เวลาแค่สิบปีวางรากฐานได้หนักแน่นปานนี้แล้ว! หากปล่อยไปอีกสักพักนั้นนางคงได้ก้าวขึ้นมาเป็นนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสามอีกคนของนิกายเราแน่! ไม่สิ บางทีนางอาจจะก้าวขึ้นถึงระดับสี่ได้!”
ฉินชุนนั้นยิ้มเย้ยขึ้นมา “จิงซวนนั้นมีรากฐานที่หนักแน่นกว่านักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสองคนไหนๆ! ที่น่าขำที่สุดก็คือเจ้าเด็กคนนั้นมันคิดว่าจะส่งนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสองออกมาบังหน้าหาทางหนีได้ เด็กน้อย เจ้าคิดว่าตัวเองมีตราผู้พิทักษ์แล้วตัวเอาจะรอดได้จากทุกสถานการณ์หรือ?”
เย่หยวนนั้นจ้องมองดูเหวินจิงซวนอย่างไม่คิดสนใจตัวฉินชุนแม้แต่น้อย
ฉินชุนนั้นคิดว่าคนอย่างเย่หยวนนั้นจะต้องตอบกลับมาบ้างแน่นอนและได้เตรียมการตอบโต้ไว้มากมาย
แต่สุดท้ายมันกลับเงียบงัน!
ฝีมือนี้ของเหวินจิงซวนนั้นแม้แต่เย่หยวนยังรู้สึกชื่นชม
เด็กคนนี้มีวิชาพื้นฐานที่หนักแน่นอย่างมาก
ที่สำคัญไปกว่านั้นนางยังมีวิชาการหลอมที่ดูแล้วเจริญตา มันเป็นการหลอมที่ไร้ซึ่งรอยต่อลื่นไหลไปอย่างราบรื่น
ดูท่าแล้วเด็กคนนี้ย่อมจะมีรากฐานความเข้าใจต่อการโอสถที่ถูกต้อง
นางนั้นมีพรสวรรค์จริง!
บนสามสิบสามสวรรค์นั้นวัดพรสวรรค์กันที่ค่าความเข้ากันได้
แต่เย่หยวนไม่เคยจะวัดมันเช่นนั้น
ความเข้ากันได้นั้นมันสำคัญมาก แต่แค่ความเข้ากันได้สูงมันก็ไม่ได้หมายความว่าจะเหนือล้ำ
เย่หยวนนั้นไม่เคยคิดจะอยากได้ใครมาเป็นศิษย์ แต่ครั้งนี้เขากลับเริ่มรู้สึกอยากสอนนางขึ้นมา
หากฉินชุนนั้นรู้ว่าเย่หยวนคิดจะแย่งศิษย์ของเขาไปไม่รู้เลยว่าเขาจะทำสีหน้าอย่างไร
นักยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยคนหนึ่งนั้นกลับคิดจะแย่งชิงศิษย์ไปจากตัวเขา นักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสาม!
ไม่นานนักเหวินจิงซวนก็หลอมโอสถสวรรค์ปรับฐานขึ้นมาจนเสร็จ!
เมื่อมันถูกวางลงบนศิลามารดาก่อเมฆาคุณภาพของมันก็พุ่งสูงไปถึงระดับเจ็ดขั้นสูง!
เมื่อผลลัพธ์มันออกมานั้นมันก็ย่อมจะทำให้เกิดเสียงโห่ร้องตกตะลึงขึ้นตาม
“สุดยอด! โอสถสวรรค์ปรับฐานระดับเจ็ดขั้นสูง แม้แต่เหล่านักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสองทั้งหลายก็คงไม่อาจจะทำได้ถึงขนาดนี้หรอกใช่หรือไม่?”
“หึ โอสถสวรรค์ปรับฐานนั้นมันเป็นโอสถที่หลอมไปถึงระดับห้าได้ไม่ยาก แต่หากเจ้าคิดอยากจะหลอมมันให้ขึ้นถึงระดับเจ็ดแล้วมันย่อมจะเป็นสิ่งที่ยากจนเหล่านักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสามบางคนยังทำไม่ได้!”
“ไม่ต้องประลองอะไรแล้ว เจ้าเฒ่านั้นแพ้แน่!”
…
เหวินจิงซวนนั้นยิ้มกว้างขึ้นมาอย่างพอใจ
ด้วยความโกรธเคืองของนางนั้นนางจึงหลอมโอสถขึ้นมาถึงระดับเจ็ดขั้นสูงได้!
ปกติแล้วส่วนมากนางจะหลอมได้แค่ระดับเจ็ดขั้นกลาง
และมันยังเป็นขั้นกลางที่ไร้ความเสถียรมากด้วย
นางหันไปมองหลินหลานด้วยใบหน้าเย่อหยิ่ง “ว่าไงล่ะเจ้าเฒ่า? ยอมแพ้หรือยัง?”
หลินหลานพยักหน้ารับออกมา “มีฝีมือขนาดนี้ด้วยอายุเพียงเท่านี้ เฒ่าคนนี้ตกตะลึงนัก!”
เหวินจิงซวนยิ้มกว้างขึ้นเมื่อได้ยิน “เช่นนั้นเจ้าจะยอมแพ้แล้ว?”
แต่หลินหลานนั้นกลับส่ายหัวออกมา “ก่อนที่จะติดตามท่านอาจารย์นั้นข้าย่อมจะไม่มีทางเอาชนะเจ้าได้เลย! พรสวรรค์ของเจ้านั้นมันดีจริง แต่ไปติดตามเจ้าเฒ่านั้นคงเป็นการเสียของมากแล้ว เจ้าสนใจจะมาติดตามอาจารย์ของข้าแทนหรือไม่?”
เหวินจิงซวนที่ได้ยินต้องผงะไปทันที นี่อีกฝ่ายกลับคิดจะแย่งชิงตัวนางไปหรือ?
เย่หยวนที่ได้ยินต้องเบิกตากว้างก่อนจะหัวเราะขึ้นมา
เขาก็ไม่นึกฝันว่าหลินหลานนั้นกลับจะมีความคิดเดียวกับเขา
เฒ่าคนนี้มันน่าสนใจจริงๆ
“หึๆ เจ้าวางท่าไปเถอะ! หากเจ้ามีฝีมือจริงเจ้าก็ลองหลอมโอสถสวรรค์ระดับแปดออกมาให้ข้าดูหน่อยเถอะ!” เหวินจิงซวนกล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้าแดงก่ำ
หลินหลานพยักหน้ารับก่อนจะเริ่มลงมือทำการหลอมทันที
วินาทีที่เขาลงมือนั้นคนทั้งหลายก็ต้องอ้าปากค้าง
เพราะวิชาการหลอมของหลินหลานนั้นมันดูเหมือนดั่งออกมาจากหนังสือนิทานดูราวกับเป็นโลกแห่งความฝัน หากให้เทียบแล้วมันดูจะเหนือล้ำกว่าเหวินจิงซวนไปด้วยซ้ำ
และการหลอมของเขานั้นก็เสร็จสิ้นลงในรวดเดียว!
เรื่องการฝึกฝนโอสถสวรรค์ปรับฐานนั้นหลินหลานได้ฝึกฝนมันจนขึ้นใจและย่อมจะไม่มีความยากเย็นใดๆ มากมาย
ที่สำคัญไปกว่านั้นเขายังมั่นคงกว่าเหวินจิงซวนมากนัก
เพราะโอสถสวรรค์ปรับฐานกว่าเก้าในสิบที่เขาหลอมขึ้นมานั้นมันจะเป็นโอสถสวรรค์ระดับแปด!
เมื่อหลินหลานเอาโอสถสวรรค์ปรับฐานของตนไปวางไว้บนศิลามารดาก่อเมฆาคนทั้งหลายก็ต้องอ้าปากค้างแทบลืมหายใจ
ฉินชุนนั้นเองก็ยังถึงกับต้องลุกขึ้นยืนพร้อมกล่าวขึ้น “ร-ระดับแปดขั้นสูง! เป็นไปได้อย่างไรกัน?”
ระดับแปดขั้นสูงนั้นมันหมายถึงอะไร?
มันหมายความว่าหลินหลานนั้นมีฝีมือในโอสถสวรรค์ปรับฐานเหนือล้ำยิ่งกว่าตัวเขา!
เรื่องราวเช่นนี้มันย่อมจะไม่เคยเกิดขึ้นที่ไหนมาก่อน!
ทางด้านเจ้านิกายเองก็หรี่ตาลงมองอย่างตกตะลึงเช่นกัน
เพราะนี่มันเป็นครั้งแรกของเขาที่เคยได้เห็นโอสถสวรรค์ปรับฐานระดับแปดขั้นสูง!
เหวินจิงซวนได้แต่ยืนอ้าปากค้างอย่างไม่อาจจะเชื่อสายตาตนเองได้
นางพ่าย!
พ่ายให้กับเฒ่าคนหนึ่ง!
ดูอย่างไรเฒ่าคนนี้ก็ไม่ได้มีฝีมือมากมาย ดูแล้วเขาเองก็คงเพิ่งจะก้าวขึ้นมาถึงระดับของนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสองได้ไม่นาน
แต่นางกลับพ่าย!
ที่สำคัญไปกว่านั้นนางยังสัมผัสได้ว่าความเข้ากันได้ของหลินหลานมันด้อยกว่าตัวนางด้วยซ้ำ
แต่โอสถสวรรค์ปรับฐานของเขานั้นมันกลับเหนือล้ำยิ่งกว่าของนาง!
ระดับเจ็ดขั้นสูงและระดับแปดขั้นสูงนั้นมันอาจจะดูเหมือนว่าห่างกันแค่ระดับเดียว
แต่ระดับเดียวนี้มันกลับห่างไกลกันอย่างไม่เห็นฝุ่น!
ไม่ว่าจะอย่างไรเสียแม้แต่ฉินชุนผู้เป็นถึงนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสามนี้เองก็ยังไม่อาจจะหลอมโอสถสวรรค์ปรับฐานได้ถึงระดับแปดเช่นกัน!
หลินหลานนั้นหันไปกล่าวแก่เหวินจิงซวน “แม่หนู เจ้านั้นมากพรสวรรค์จริง แต่ติดตามเจ้าเฒ่านั้นไปมันจะมีแต่ทำให้เจ้าด้อยค่าลง! ทำไมวันหน้าไม่มาติดตามอาจารย์ข้าเล่า? ข้ารับรองได้เลยว่าพรสวรรค์ของเจ้าจะต้องพุ่งทะยานสะท้านฟ้าดิน!”
…