อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม – บทที่ 572 เป็นผู้หญิงกันหมด

บทที่ 572 เป็นผู้หญิงกันหมด

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่572 เป็นผู้หญิงกันหมด?
ไม่รอกู้ชูหน่วนเอาเนื้อกระต่ายที่ย่างเสร็จลง เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็อ้าปากเขมือบเข้าท้องทันที

เสียงกร๊อบแกร็บดังขึ้นอีกครั้ง กระต่ายอีกตัวหนึ่งก็ถูกมันกินลงไปแล้ว

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ร้องออกมาอย่างพึงพอใจ ส่ายหางอย่างมีความสุข

มันหันกลับไปมอง มองกู้ชูหน่วนอย่างน่าสงสาร

“กระต่ายย่างสองตัวเอง ไม่พอกิน”

กู้ชูหน่วนควานหาของในแหวนมิติ เอาอาหารที่เป็นเนื้อออกมาทั้งหมด

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ดีใจ ก้มหน้ากินใหญ่

อาหารในแหวนมิติมีไม่มาก เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็ยังกินเยอะอีก มีเท่าไหร่กินเท่าไหร่ ไม่เคยปฏิเสธเลย

กู้ชูหน่วนเหลือไว้แค่หมั่นโถวไม่กี่ลูก กัดกินช้าๆเคี้ยวอย่างละเอียด

“จ๊อกๆ……”

ท้องของเวินเส้าหยีร้องขึ้นอย่างไม่เป็นเวลา

กู้ชูหน่วนเหลือบไปมอง “หิวเหรอ? เรียกพี่สาวสิ ข้าจะให้หมั่นโถวเจ้ากิน”

เวินเส้าหยีเบือนหน้าหนี หลับตานั่งสมาธิ

“อื้ม หอมจัง โดยเฉพาะหมั่นโถวกินคู่กับเนื้อตากแห้ง นี่มันอาหารชั้นเลิศชัดๆ”

“นายท่าน เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็จะกินเหมือนกัน” เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เลื้อยมาหากู้ชูหน่วน เลียปากอย่างโลภมาก

“ไสหัวไป อาหารเยอะขนาดนั้นยังอุดปากเจ้าไม่ได้อีก”

“อุดไม่ได้หรอก เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ชอบกินเนื้อ”

“อุดไม่ได้เดี๋ยวข้าก็เก็บให้หมดเลย”

“อย่าๆๆ ตอนนี้อุดได้ๆ แหะๆ” เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ส่ายหาง รวบอาหารทั้งหมดเอาไว้

ในใจก็คิดว่า กินอาหารพวกนี้ให้หมดก่อน แล้วค่อยไปเอาที่เจ้านายอีก

กู้ชูหน่วนเอาเนื้อวัวแห้งกับหมั่นโถวไปล่อหน้าล่อตาเวินเส้าหยี “ไม่ได้กินอะไรเลยสามวันสามคืน เจ้าแน่ใจนะว่าไม่หิว?”

เวินเส้าหยี “……”

“นี่เป็นอาหารอันน้อยนิดที่ข้าเอามาจากแหวนมิติเชียวนะ ถ้าไม่กิน มื้อหน้าไม่รู้ว่าจะได้กินเมื่อไหร่นะ”

เวินเส้าหยี “……”

“มีศักดิ์ศรีขนาดนี้เชียว ยอมอดตายก็ไม่ยอมกินอาหารของข้าเหรอ? ก็ได้ ยังไงคนที่หิวคือเจ้า ไม่ใช่ข้าเสียหน่อย เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ เจ้ากินเยอะๆนะ พักผ่อนอีกหน่อยพวกเราก็จะได้ออกจากแคว้นคนแคระ และเข้าสู่แดนเหนือสุดอย่างเต็มรูปแบบ”

“ฟ่อๆๆ……นายท่าน ข้ากินหมดแล้วนะ ยังมีเนื้ออีกไหม?”

“ไม่มีแล้ว”

“เนื้อวัวแห้งในมือท่าน ถ้าไม่กินแล้วเอาให้เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กินได้ไหม?”

กู้ชูหน่วนกลอกตาขึ้นบนแรงๆ

มันอยากเห็นเวินเส้าหยีหิมตายจริงๆสินะ

ถึงแม้นางจะไม่ชอบเวินเส้าหยี แต่ก็ไม่อยากเห็นเขาอดตายทั้งเป็น

ทันใดนั้น จุดสีแดงก็สว่างขึ้นในหิมะที่อยู่ไกลออกไป

จุดสีแดงเรืองแสงเป็นสีเหลืองทอง โดยขยายเป็นระยะกว้าง ล้อมรอบพวกนางจากทุกทิศทาง และชัดเจนเป็นพิเศษในคืนที่มืดมิด

“ไปดูสิว่านั่นเป็นแสงอะไร” กู้ชูหน่วนพูด

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็มีความคิดนี้เช่นกัน เวินเส้าหยีพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรงว่า “เป็นคบเพลิงของคนแคระ”

“ไกลขนาดนี้ เจ้ารู้ได้ยังไง?”

“……”

กู้ชูหน่วนคิดหาทางออกไป เสียงที่ไพเราะน่าฟังของเวินเส้าหยีก็ดังขึ้นอีกครั้ง

“หนีไม่รอดหรอก พวกเราถูกล้อมแล้ว พวกเขาไม่มีอะไรมาก แต่มีคนเยอะมาก”

ระหว่างที่พูดนั้น คนแคระชูคบเพลิงมาล้อมพวกเขาเอาไว้อย่างแน่นหนา

ถึงแม้กู้ชูหน่วนจะเตรียมใจมาแล้ว แต่ก็ตกใจเหมือนกัน

คนพวกนี้เป็นคนแคระสินะ……

ทุกคนมีความสูงถึงแค่เข่าของนางเท่านั้น

คนจำนวนหนาแน่น ราวกับมดน้อยที่เข้ามาล้อมพวกเขาเอาไว้

“พวกเจ้าเป็นใคร ทำไมถึงบุกรุกแคว้นของเรา?”

คนที่มีนั้นเสียงดังมาก ดูการแต่งตัวเหมือนจะเป็นแม่ทัพ แต่กู้ชูหน่วนได้ยินแล้วกลับเป็นเสียงที่เบามาก ถ้าไม่ตั้งใจฟังดีๆ คงไม่ได้ยินว่าพวกเขาพูดอะไรอยู่

ที่น่าแปลกใจคือ คนพวกนี้เหมือนจะเป็นผู้หญิงทั้งหมด

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

Status: Ongoing

กู้ชูหน่วน เดิมทีเป็นอัจริยะแพทย์สาวยุคปัจจุบัน การข้ามภพหนึ่ง พาเธอย้อนเวลาไปที่ยุคโบราณที่ไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนาม สิ่งที่ทำให้เธอคิดไม่ถึงก็คือ เพิ่งจะมาถึงสถานที่แปลกหูแปลกตานี้แท้ๆ เธอก็ต้องเสียตัวให้กับชายแปลกหน้าอย่างไม่มีทางเลือก หลังจากมีการพัวพันซึ่งกันและกัน เดิมทีกู้ชูหน่วนคิดว่าแต่นี้ต่อไป ต่างคนต่างไป จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก สุดท้ายกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เย่จิ่งหานกลับคอยตอแยเธอไม่เลิก โชคชะตาฟ้าลิขิต เธอค่อยๆครอบครองใจของเย่จิ่งหานไปเรื่อยๆ จนทำให้เขาตกอยู่ในภวังค์แห่งความรัก อย่างโงหัวไม่ขึ้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท