อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 635 สามวันหลังจากนี้ข้าจะควักหัวใจให้ท่าน
“สามวันหลังจากนี้ เป็นวันครบรอบอายุหกสิบปีของข้า ข้ารู้ว่าหยู่เฉิง หยู่โหลว หยู่เซวียน และหวั่นเอ๋อร์ล้วนกำลังวางแผนการทำให้ข้าประหลาดใจอยู่ น่าจะกำลังคิดช่วยข้าจัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิดรอบหนึ่ง”
“ท่านจะรอจนถึงสามวันหลังจากนี้ได้หรือไม่ สามวันหลังจากนี้ข้าจะควักหัวใจออกมาคืนให้ท่านด้วยตัวเอง”
แม่ทัพใหญ่เซียวใช้คำว่าคืน และเป็นท่าทางการขอร้อง
กู้ชูหน่วนดึงสติกลับมาไม่ทันชั่วขณะ
“ท่านแม่ทัพใหญ่…..”
“นี่เป็นสิ่งที่พวกข้าติดค้างท่าน สิบปีก่อนหน้านี้ ข้าก็ควรจะตายแล้ว เพราะยู่เฟยทนเห็นประชาชนแคว้นเย่เดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้าไม่ได้ และทนเห็นข้าตายไม่ได้ จึงได้หลอมมุกมังกร ฉีดเข้าหัวใจของข้า ทำให้การเต้นของหัวใจข้าฟื้นตัวได้ ข้าสามารถมีชีวิตมาได้สิบกว่าปีนี้ ก็เป็นความเมตตาของสวรรค์แล้ว”
“หลายปีมานี้ ข้าได้ตามหาเผ่าหยกมาตลอด ข้าอยากควักหัวใจของตัวเองออกมาคืนให้พวกเขา น่าเสียดาย ข้าหามาหลายสิบปี ก็หาคนเผ่าหยกไม่พบ ยิ่งกว่านั้นก็หาทางเข้าเผ่าหยกไม่พบด้วย”
แม่ทัพใหญ่เซียวมองไปที่ใบหน้าอันงดงามเป็นเลิศงามล่มเมืองของกู้ชูหน่วนอย่างฉับพลัน โฉมหน้าที่งามเลิศล้ำที่สุดในแผ่นดิน รวมถึงดวงตาสุกสกาวที่ดำดั่งหมึกของนาง แล้วพึมพำกับตัวเอง
“ข้าควรจะคิดได้ตั้งนานแล้ว ดวงตาของท่านกับนางเหมือนกันขนาดนั้น….ข้าควรคิดได้ตั้งนานแล้ว”
“เหมือนผู้ใด?”
“อาหน่วน ข้าขอเรียกท่านเช่นนี้ได้หรือไม่?”
“ได้แน่นอน”
“ท่านรับปากข้า ไม่ว่าอย่างไรก็จะต้องรวบรวมมุกมังกรให้ครบเจ็ดเม็ดให้ได้ แก้คำสาปโลหิตให้เผ่าหยก นั่นเป็นสิ่งที่ยู่เฟยเหนียงเหนียงต้องการทำให้สำเร็จในตลอดชีวิตของนาง”
“นั้นแน่นอนอยู่แล้ว จุดประสงค์อันยิ่งใหญ่ที่สุดที่ข้ามีชีวิตอยู่ ก็คือแก้คำสาปโลหิตของเผ่าหยก แม่ทัพใหญ่ ข้าขอโทษ เพื่อชีวิตนับพันหมื่นของประชาชนเผ่าหยก ข้าทำได้เพียง……”
“ท่านไม่ต้องพูดแล้ว ข้ายืนหยัดอย่างลำบากมาโดยตลอดจนถึงวันนี้ ก็เพราะคิดจะใช้ร่างกายของตัวเลี้ยงบำรุงมุกมังกร จะได้คืนให้เผ่าหยก แม้ว่าท่านจะไม่เอ่ยปาก ข้าก็จะอุทิศตัวด้วยตัวเอง ท่านอย่าได้……โทษตัวเองเด็ดขาด”
ดวงตาของแม่ทัพใหญ่เซียวพร่ามัวไปด้วยน้ำตาที่เอ่อล้น เขาคิดอยากจะไปลูบไหล่กู้ชูหน่วน แต่ก็ไม่กล้าลูบ แต่กลับจ้องไปที่ดวงตาอันคุ้นเคยคู่นั้นของนางนิ่งๆ
ก่อนหน้าและตอนหลังท่าทีของแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อกู้ชูหน่วนนั้นแตกต่างกันมาก ทำให้กู้ชูหน่วนรู้สึกไม่เป็นตัวเองเป็นที่สุด และโทษตัวเองยิ่งขึ้น
ความเห็นแก่ตัวของนาง ทำให้เซียวหยู่เซวียนสูญเสียพ่อไปโดยสิ้นเชิง นี่เป็นความเจ็บปวดชั่วนิรันดร์
กู้ชูหน่วนพาแม่ทัพใหญ่เซียวออกไปจากสำนักอสุรา ฮัวฉีหลัวตามตื๊อตอแยอยากจะเกาะติดกู้ชูหน่วน
กู้ชูหน่วนโดนบังคับ ทำได้เพียงพาฮัวฉีหลัวออกไปด้วย
ระหว่างทาง กู้ชูหน่วนกล่าวว่า “แม่ทัพใหญ่ ท่านจะเล่าเรื่องของยู่เฟย หรือต้นกำเนิดของท่านกับเผ่าหยกให้ข้าฟังหน่อยได้หรือไม่? ก่อนหน้านี้สมองของข้าได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จำเรื่องราวมากมายไม่ได้แล้ว”
ฮัวฉีหลัวพูดแทรกขึ้นด้วยความไร้เดียงสาคำหนึ่ง “พี่จำเรื่องราวมากมายไม่ได้ที่ไหนกัน พี่จำไม่ได้โดยสิ้นเชิงต่างหากล่ะ แม้แต่น้องสาวอย่างข้าผู้นี้พี่ก็จำไม่ได้ ข้าเสียใจยิ่งนัก”
แม่ทัพใหญ่เซียวทอดถอนใจ ชำเลืองมองดูท้องฟ้าสีคราม ราวกับว่าได้จมเข้าสู่ในอดีตแล้ว
“ยู่เฟย……นางเป็นผู้หญิงที่งดงามมากจิตใจดีมาก และเป็นพระชายาที่อดีตฮ่องเต้รักและโปรดปรานมากที่สุด และเป็นธิดาเทพของเผ่าหยก ตอนที่นางปรากฏตัว เป็นช่วงที่แคว้นเย่ชุลมุนวุ่นวายเป็นที่สุด นางอาศัยแรงกำลังของตัวเองช่วยให้แคว้นเย่เดินออกสภาพที่เหมือนตกนรกทั้งเป็น สภาพที่แร้นแค้นไปทั่วทุกแห่งหน ทำให้แคว้นเย่เจริญรุ่งเรืองขึ้น ประชาชนปลอดภัยสงบสุข ทั้งยังขับไล่ศัตรูผู้เข้มแข็งทั้งหมดของแคว้นเย่ออกไปด้วย”
“บุรุษหลายคนในแคว้นเย่ถูกนางดึงดูด รวมทั้งอดีตฮ่องเต้ด้วย นางเป็นเหมือนเทพนารีแห่งเก้าสวรรค์มาจุติบนโลก งดงามจนไม่อาจล่วงละเมิดได้”
กู้ชูหน่วนเหลือบมองแววตาของแม่ทัพใหญ่เซียว อดนึกสงสัยขึ้นมาในใจไม่ได้
หรือว่า เขาก็ชอบยู่เฟยเช่นกัน?
“ยู่เฟย เป็นเสด็จแม่ของเย่จิ่งหาน?”
แม่ทัพใหญ่เซียวตกตะลึงครู่หนึ่ง ไม่ช้าก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว
“ก็สามารถพูดเช่นนี้ได้เช่นกัน แต่…..ด้านในนั้นมีเรื่องราวซับซ้อนมากมาย ความจริงไม่ได้เป็นเหมือนที่ท่านเห็นอย่างผิวเผินเช่นนั้น……”
แม่ทัพใหญ่เซียวยังพูดไม่จบ ฮัวฉีหลัวก็ตัดบทเขาแล้ว “โอ๊ย พวกท่านพูดถึงเรื่องของยู่เฟยอะไรมาตลอดทาง น่าเบื่อหรือไม่ พวกท่านพูดมากเพียงใด นางก็ไม่สามารถปีนขึ้นมาจากในโลงศพได้หรอกนะ คิดหาอาหารอะไรดีๆกินยังจะดีซะกว่า”