อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 637 ลอบสังหาร
ท่าทีของแม่ทัพใหญ่เซียวให้เกียรตินอบน้อม ไม่มีความเย่อหยิ่งเย็นชาเหมือนที่ผ่านมา เขาพูดกับกู้ชูหน่วน “ทำให้พระชายาหานเห็นความน่าขันแล้ว ลูกชายข้าถูกตามใจจนเสียนิสัยตั้งแต่เด็ก กระทำการก็สะเพร่า พูดจาไม่ผ่านการไตร่ตรอง อนาคต……ก็ขอให้พระชายาดูแลเซวียนเอ๋อร์ให้มากหน่อย ในหมู่ลูกๆทั้งหลาย ที่ข้าเป็นห่วงที่สุดก็คือเซวียนเอ๋อร์”
เซียวหยู่เซวียนแบะปาก กล่าวพึมพำ “ท่านพ่อ ทำไมฟังท่านพูดเหมือนกำลังสั่งเสียเช่นนั้น? ทั้งยังสั่งเสียกับยัยขี้เหร่อีก พวกท่านสองคนเข้ากันได้ดีขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ?”
ฮัวฉีหลัวกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “พี่หน่วนของข้าเป็นคนที่ดีที่สุดในโลก ไม่ว่าใครก็จะต้องดีต่อนางอยู่แล้ว แน่นอนว่าไม่เว้นแม้แต่แม่ทัพใหญ่เซียว”
กู้ชูหน่วนกำหมัดประสานมือเคารพ กล่าวอย่างจริงจัง “แม่ทัพใหญ่วางใจได้ เซียวหยู่เซวียนเป็นเพื่อนสนิทดั่งพี่น้องของข้า เพียงแค่มีข้ากู้ชูหน่วนอยู่วันหนึ่ง ก็จะไม่ให้ผู้ใดทำร้ายเขาได้”
บนใบหน้าอันแก่ชราของแม่ทัพใหญ่เซียวปริรอยยิ้มขึ้นเล็กน้อย มองไปทางกู้ชูหน่วนด้วยความซาบซึ้ง
ทันทีที่เขาสะบัดบังเหียน ก็จากไปด้วยความรวดเร็วพร้อมทั้งกล่าวต่อเซียวหยู่เซวียนไปพลางว่า “ต่อจากนี้เชื่อฟังคำพูดของพระชายาหาน ข้ากลับไปที่ค่ายทหารรอบหนึ่ง ประเดี๋ยวเจ้ากลับไปเองละกัน”
คำพูดเพิ่งจะสิ้นสุด ทั้งแม่ทัพใหญ่ทั้งม้าก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
ดวงตาของเซียวหยู่เซวียนมืดมนเหมือนเข้าจะเข้าใจอะไร ดวงตาอันลึกล้ำทั้งคู่ที่เหมือนดั่งสระน้ำเย็นพันปี มองความเศร้าโศกหรือดีใจไม่ออก และเดาใจไม่ได้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
ชั่วครู่หนึ่ง เขาจึงเอ่ยกับกู้ชูหน่วนอย่างจริงจังว่า “ยัยขี้เหร่ เจ้ารู้ เพียงแค่เป็นคนหรือเรื่องราวที่เจ้าสนใจ ไม่ว่าข้าจะเกลียดหรือไม่ ข้าก็จะสนใจด้วย ข้าไม่รู้ว่าระหว่างเจ้ากับท่านพ่อของข้ามีความลับอะไรกันแน่ แต่หวังว่าเจ้าจะไม่ทำร้ายท่านพ่อของข้า”
สีหน้าของกู้ชูหน่วนเปลี่ยนไปเล็กน้อย หัวใจก็เต้นเร็วขึ้นเล็กน้อยด้วย
รู้จักเซียวหยู่เซวียนมานานขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดกับนางอย่างจริงจังเช่นนี้
การแสดงออกที่เคร่งขรึมนี้แตกต่างไปจากเซียวหยู่เซวียนที่นางเคยรู้จักอย่างสิ้นเชิง
นางคิดจะสังเกตดูเขาให้ถี่ถ้วน
แต่เซียวหยู่เซวียนก็ฟื้นกลับมาเป็นท่าทางขี้เล่นตามเดิมแล้ว ถือพัดอันหนึ่ง แกว่งไปมาอย่างเกียจคร้าน ฉีกยิ้มอย่างไร้กังวล “เมื่อครู่ข้าแค่ล้อเล่นกับเจ้า เจ้าจะทำร้ายท่านพ่อของข้าได้อย่างไร”
“ทำไมเจ้าถึงเชื่อใจข้าฉันขนาดนั้น?”
“เพราะว่าเจ้าเป็นยัยขี้เหร่ของข้าไงล่ะ ใต้หล้านี้ผู้ใดก็สามารถทำร้ายท่านพ่อข้าได้ มีเพียงเจ้าไม่เป็นไปไม่ได้ ไปเถอะ เหล้าที่หอจุ้ยชุนรสชาติดีมาก พวกเราไปดื่มสักสองสามแก้ว”
กู้ชูหน่วนรู้สึกปวดร้าวขึ้นมาในใจอย่างฉับพลัน
เซียวหยู่เซวียนก็……เชื่อใจนางขนาดนี้เชียวหรือ?
“หอจุ้ยชุน? มีเหล้ารสเลิศ? เช่นนั้นมีอาหารเลิศรสหรือไม่? พี่หน่วน ข้าอยากกิน” ฮัวฉีหลัวไม่เข้าใจความหมาย ได้ยินคำว่าอร่อย ก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที
ฉับพลันนั้น ในอากาศก็มีแรงสังหารเปล่งออกมา แรงสังหารอันเฉียบคมพุ่งวนไปมาทางกู้ชูหน่วน ทุกคนต่างหวาดกลัว
ทุกคนตกใจแล้ว
โดยเฉพาะฮัวฉีหลัวและเซียวหยู่เซวียน
ความเร็วนี้เร็วยิ่งนัก
ประกายมีดก็เร็วมาก
พวกเขาอยู่ใกล้กู้ชูหน่วนมากขนาดนั้น คิดไม่ถึงว่าจะรู้สึกไม่ได้ถึงแรงสังหารนั้นเลย
ด้วยความรวดเร็วเช่นนี้ พวกเขาคิดจะขัดขวางก็ขวางไว้ไม่ได้
กู้ชูหน่วนยิ้มอย่างเย็นชา มองดูมีดหนึ่งดาบหนึ่งพุ่งเข้ามายังจุดที่ถึงแก่ชีวิตของนางอย่างเย็นยะเยือก มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มอันเย็นชาและสวยหยาดเยิ้ม
เซียวหยู่เซวียนและคนอื่นๆไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไร แต่กลับเห็นอาวุธลับอันหนึ่งยิงออกมา ทำให้มีดและดาบเอียงออกไปเล็กน้อย
ทันใดนั้นก็มีเงาดำพุ่งออกมา ต่อสู้กับนักฆ่า
ทั้งสองคนล้วนสวมชุดดำ ล้วนใช้ความเร็วสู้กับความเร็ว ใช้ความรุนแรงสู้กับความรุนแรง
ในเวลาอันสั้นเขามองไม่ออกว่าพวกเขาเป็นใคร และดูกระบวนท่าของพวกเขาไม่ออก เห็นเพียงเงาดำเป็นวงๆ รวมทั้งเสียงมีดดาบปะทะกันปังปังปัง
เซียวหยู่เซวียนกล่าวด้วยความตกใจ
“ยัยขี้เหร่ คนที่ลอบสังหารเจ้าเป็นผู้ใด? เจ้าไปล่วงเกินใครเข้าอีกแล้ว? แล้วคนที่ลงมือช่วยเจ้าเมื่อครู่ คือฝูกวงใช่หรือไม่?”
ฮัวฉีหลัวเดือดดาล เข้าร่วมในการต่อสู้ทันที ในปากก็ด่าทอต่อว่า