อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 638 เขาไม่ใช่เย่เฟิง
“คนสารเลวไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำมาจากที่ไหนกัน คิดไม่ถึงว่าจะกล้าลอบสังหารพี่หน่วน ดูซิว่าข้าจะสั่งสอนเจ้ายังไง”
“ปังปังปัง……”
ทั้งสามคนยิ่งต่อสู้ก็ยิ่งไกลออกไป มีเพียงพื้นดินที่สั่นไหวไม่หยุด บรรยากาศโดยรอบก็เป็นความเย็นยะเยือกไปด้วย
เซียวหยู่เซวียนก็คิดจะไล่ตามไป กู้ชูหน่วนดึงเขาไว้ นั่งลงใต้ต้นไผ่ หยิบอาหารจากในห่อ โยนไปให้เขาเล็กน้อย
กล่าวด้วยน้ำเสียงเกียจคร้านว่า “มีพวกเขาก็พอแล้ว เจ้าจะเข้าไปยุ่งอะไร รีบกินซะ กินเสร็จยังจะต้องรีบเดินทางอีก”
“คนเมื่อครู่นั้นเป็นใคร? ยัยขี้เหร่ คนผู้นั้นวิทยายุทธสูง ลงมือดุดัน ต้องไม่ใช่นักฆ่าธรรมดาแน่นอน เจ้าไปยั่วโมโหใครเข้ากันแน่?”
“ข้าจะรู้ได้ยังไงว่าไปยั่วโมโหใครเข้าอีก อยู่ดีๆก็โผล่ออกมาแล้ว ครั้งก่อนที่แดนเหนือสุด ก็แทบเอาชีวิตน้อยๆของข้ากลับมาไม่รอดแล้ว?”
“แดนเหนือสุด? เขาเคยไล่ฆ่าเจ้าที่แดนเหนือสุดเหรอ? ทำไมข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน?”
ใบหน้าของเซียวหยู่เซวียนปิดบังความเป็นห่วงไว้ไม่อยู่
หากเขาไม่ได้ดูผิด ศักยภาพของนักฆ่าชุดดำผู้นั้น น่าจะอยู่ระดับห้าแล้ว
ระดับห้า…….นั่นก็น่าหวาดกลัวมาก ทั่วโลกนี้ก็หาคนที่เป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้ก็ไม่กี่คน
อีกทั้งความรวดเร็วในการออกดาบของเขา ทำให้คนที่ได้เห็นหวาดกลัวจริงๆ เขายืนอยู่ข้างกู้ชูหน่วน แต่เขารู้สึกเหมือนว่าทั้งร่างกายได้ถูกสะกดจุดไว้แล้ว เผชิญหน้ากับมีดหนึ่งดาบหนึ่งเช่นนั้น เขากลับไม่มีความสามารถที่จะโต้กลับได้เลย
กู้ชูหน่วนกินของไปพลาง ตอบกลับไปพลาง “คนที่อยากจะฆ่าข้ามีถมเถไป แต่ก็ต้องดูว่าพวกเขาจะมีความสามารถนั่นรึเปล่า”
กู้ชูหน่วนหัวเราะอย่างเย็นชา
ที่นี่ไม่ใช่แดนเหนือสุดสักหน่อย
ที่นี่ไม่เพียงมีทั้งคนที่คอยซุ่มปกป้องนาง แต่ยังมีคนของเย่จิ่งหานที่คอยติดตามปกป้องนางอีก
คนทั่วไปคิดจะฆ่านาง ก็ต้องประเมินความสามารถของตัวเองด้วย
เซียวหยู่เซวียนโกรธจนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“เจ้าก็ทำตัวสบายใจเฉิบเชียว ข้าว่าฝูกวงไม่ใช่คู่ต่อกรของเขา”
“ฝูกวงไม่ใช่คู่ต่อกรของเขาก็จริง แต่ไม่ใช่ว่ายังมีน้องฉีหลัว แถมยังมีแรงงานที่ไม่ต้องจ่ายเงินเหล่านั้นของเย่จิ่งหานอีกหรือไง?”
พูดพลาง กู้ชูหน่วนก็แอบเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ยิ้มเยาะเย้า “หรือว่า เจ้าก็อยากเข้าไปขัดเกลาฝีมือศิลปะวิทยายุทธกับนักฆ่าคนนั้นด้วย?”
“ล้อเล่นอะไร ระดับห้านะ ข้าเข้าไปให้คนอื่นเขาสับเป็นซอสเนื้อหรือไง?”
“งั้นเจ้าจะกังวลเรื่อยเปื่อยอะไร?”
“ได้ ถือว่าข้าเป็นห่วงไปเรื่อยเปื่อยละกัน”
เซียวหยู่เซวียนกัดเสบียงในมืออย่างรุนแรงคำหนึ่ง ฟังเสียงการต่อสู้ที่ดังมาจากทางนั้นไม่หยุด
เขาอยากไปดู แต่ก็ถูกขวางไว้ด้วยศักดิ์ศรี
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ฮัวฉีหลัวและฝูกวงก็คุมตัวนักฆ่าชุดดำที่ถูกสะกดจุดไว้มาถึงเบื้องหน้าของกู้ชูหน่วน
ฮัวฉีหลัวกล่าวหอบว่า “พี่หน่วน เข้าช่วยท่านจับคนมาแล้ว คนผู้นี้วิทยายุทธสูงนัก ข้าร่วมมือกับองครักษ์ลับของท่านสองคนก็จับเขาไว้ไม่ได้ ยังดีที่ตอนหลังมีผู้ช่วยมาอีกกลุ่มหนึ่ง ถึงจับเขาไว้จนได้”
ทุกคนมองสังเกตไปทางนักฆ่าชุดดำ
อายุเขาไม่มาก ประมาณยี่สิบสองปี รูปร่างเพรียวบาง ท่าทางเย็นชา แม้ว่าจะถูกจับ หลังของเขาก็ยังตั้งตรงเหมือนดั่งต้นสนและต้นไผ่เช่นนั้น
ดวงตาที่แยกสีขาวดำอย่างชัดเจนของเขาคู่นั้นไม่มีอารมณ์ใดๆ ยิ่งไม่มีความโกรธแค้นหรือการร้องขอชีวิตใดแม้แต่น้อย
แค่มองดูรูปร่างของเขาอย่างเดียว ก็ดีมาก
เซียวหยู่เซวียนทำเสียงจึจึ “ดูไม่เลยออกว่าอายุน้อยขนาดนี้แต่จะมีวิทยายุทธสูงมาก ให้ข้าดูหน่อยซิว่าหน้าตาเป็นอย่างไร”
เขาเอื้อมมือออกไป เอาผ้าคลุมหน้าของชายหนุ่มชุดดำลง เผยให้เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาใบหน้าหนึ่ง
เมื่อเห็นรูปร่างหน้าตาเช่นนี้ของเขา ฮัวฉีหลัวเกิดความประหลาดใจแล้ว
ฝูกวงและเซียวหยู่เซวียนก็ตกใจ
โดยเฉพาะเซียวหยู่เซวียน สีหน้าเปลี่ยนไปมาก กล่าวด้วยความตกใจ “เย่เฟิง ทำไมถึงเป็นเจ้า……”
ชายหนุ่มชุดดำนิ่งเงียบ ไม่ได้พูดจา
กลับเป็นกู้ชูหน่วนที่เอ่ยขึ้น
“เขาไม่ใช่เย่เฟิง เขาคือเลว่อิ่ง นู้น….บนดาบของเขาสลักอยู่น่ะ”