อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 645 ความอบอุ่นครั้งแรกในชีวิต
ฮองเฮาฉู่ก้มศีรษะลง ยิ้มอย่างอ่อนโยน เลือกก้างปลาทิ้งทีละอันไปด้วยความละเอียดอ่อน ทั้งเป่าทั้งทำให้เย็น แล้วถึงได้เอาไปไว้ในมือของเลว่อิ่ง
“ลองดูว่าถูกปากหรือไม่ หากว่าไม่ถูกปาก พรุ่งนี้ข้าค่อยทำโจ๊กยาบำรุงอย่างอื่นให้เจ้ากิน”
เลว่อิ่งมองดูโจ๊กปลานิ่งๆ ไม่รู้ว่าดวงตาอันสงบนิ่งทั้งคู่นั้นกำลังคิดอะไรอยู่
ฮ่องเต้ฉู่กล่าวอธิบาย “ปลาตัวนี้เพิ่งถูกจับขึ้นมาจากทะเลสาบอันใสสะอาด เพื่อที่จะทำให้ปลาตัวนี้สดใหม่ยิ่งขึ้นหน่อย หยุนเอ๋อร์จึงไปที่ท่าเรือเพื่อฆ่าและต้มด้วยตัวเอง แล้วจึงได้ควบม้ากลับมาอย่างรวดเร็ว แม้จะเป็นโจ๊กปลาถ้วยเล็กๆถ้วยหนึ่ง แต่ก่อนหน้าและหลังๆมานี่หยุนเอ๋อร์ทำงานยุ่งอยู่เป็นเวลานาน ข้าก็ไม่ได้ลิ้มลองโจ๊กปลาที่หยุนเอ๋อร์ลงมือทำด้วยตัวเองมาหลายปีแล้ว วันนี้ได้กลิ่นโจ๊กปลาหอมๆ อยากชิมสักคำ หยุนเอ๋อร์ก็แทบจะสู้ตายกับข้าแล้วล่ะ”
“ต่อหน้าเด็กๆพูดเรื่องเหล่านี้ทำไม มา เลว่อิ่ง กินตอนร้อนๆ เย็นแล้วก็จะไม่อร่อยแล้ว”
ฮองเฮาฉู่มองค้อนฮ่องเต้ฉู่แวบหนึ่ง เอาโจ๊กปลายื่นไปหน้าเลว่อิ่ง
ถ้าไม่ใช่เพราะรู้ว่าเลว่อิ่งไม่ชอบให้คนอื่นแตะต้องเขาเข้าใกล้เขา ฮองเฮาฉู่ก็อยากจะป้อนเขาด้วยตัวเองแล้ว
ไม่รู้ว่าโจ๊กปลานี่ต้มและปรุงอย่างไร ทั้งห้องล้วนอบอวลด้วยกลิ่นหอมของโจ๊กปลา แค่ดมก็ทำให้คนหิวจนน้ำลายสอแล้ว
ฮ่องเต้ฉู่และฮองเฮาฉู่ล้วนตื่นเต้นอยู่ในใจ กลัวว่าเลว่อิ่งจะปฏิเสธและห่างเหินกับพวกเขาเป็นพันลี้
กู้ชูหน่วนรู้สึกปวดร้าวในจิตใจ
พ่อแม่ทั้งสองคนที่เป็นเช่นนี้ ถ้าไม่มีลูกคอยปรนนิบัติพ่อแม่ สวรรค์ก็ช่างตาบอดเกินไปแล้ว
ดวงตาอันเย็นชาของเลว่อิ่งสั่นไหวเล็กน้อย เขายื่นมือไปรับโจ๊กปลา กินไปทีละคำๆ
ฮ่องเต้ฉู่และฮองเฮาฉู่มีความสุขมาก คีบอาหารให้อีกมากมาย ในคำพูดล้วนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“มา อาหารจานนี้เป็นอาหารที่หยุนเอ๋อร์ถนัด เจ้าลองชิมดู”
“ยังมีอันนี้อีก อาหารอย่างนี้บำรุงให้ความอุ่น สามารถบำรุงร่างกายของเจ้าได้”
เนื้อชิ้นแล้วชิ้นเล่าคีบไปจนเต็มถ้วยของเลว่อิ่ง แทบจะกองเป็นภูเขาแล้ว แม้ว่าในใจของเลว่อิ่งจะอยากกิน อาหารเยอะขนาดนั้นเขาก็กินไม่หมดในเวลาอันสั้น
กู้ชูหน่วนเผลอหัวเราะ หยิบตะเกียบคีบอาหารที่ตัวเองชอบ ดูแลตัวเองกินเองขึ้นมาแล้ว
เลว่อิ่งรู้สึกหวานขมเป็นสุขและทุกข์ปะปนกันในใจ เขาตกตะลึงกับอาหารที่กองดั่งภูเขาตรงหน้าของเขาและความสุขอันเปี่ยมล้นบนใบหน้าของฮ่องเต้ฉู่และฮองเฮาฉู่
เขาถือโจ๊กปลาไว้แน่น หัวใจที่ถูกปิดผนึกและหนักอึ้งมาหลายปีดวงนั้นกลับรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อยอย่างอธิบายไม่ถูก
พวกเขาคือฮ่องเต้และฮองเฮาผู้สูงศักดิ์เป็นที่สุดแห่งแคว้นฉู่ เพื่อเขาแล้ว กลับเต็มใจยอมที่จะลงครัวทำอาหารเอง คีบอาหารให้เขาด้วยตัวเอง ความรู้สึกเช่นนี้น่าประหลาดใจยิ่งนัก
ในชีวิตของเขาแทบจะไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย
เลว่อิ่งกินโจ๊กปลาเงียบๆ ฟังฮ่องเต้ฉู่และฮองเฮาฉู่พูดคุยอะไรกันด้วยสีหน้าท่าทางที่มีความสุขอยู่ตรงนั้น
แม้ว่าเขาจะฟังไม่เข้าใจ แต่เขาก็รู้สึกได้ ฮ่องเต้ฉู่และฮองเฮาฉู่มีความสุขมาก และปฏิบัติต่อเขาด้วยความจริงใจ
อาหารมื้อนี้ใช้เวลากินอยู่นาน หลังจากกินเสร็จแล้วฮองเฮาฉู่ก็ทำใจจากไปไม่ได้ ยังเป็นฮ่องเต้ฉู่ที่ฝืนลากนางไปเพื่อให้เลว่อิ่งได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
ยางค่ำคืนอันเงียบงัน กู้ชูหน่วนแอบเข้ามาในห้องของเลว่อิ่ง นางพิงอยู่ที่ประตูหน้าต่าง แสงจันทร์สาดส่องลงมาก เคลือบทั้งร่างของนางเป็นวงแสงแห่งเทพเซียนชั้นหนึ่ง
กู้ชูหน่วนเหมือนกำลังพูดพึมพำกับตัวเอง และเหมือนกำลังพูดคุยกับเลว่อิ่ง
“ถูกคนประคบประหงมดูแลในมือรู้สึกอบอุ่นมากสินะ”
“เคยคิดไตร่ตรองว่าจะเลิกอาชีพนักฆ่าอาชีพนี้หรือไม่ และใช้ชีวิตดั่งคนปกติ”
เลว่อิ่งมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเย็นชา
กู้ชูหน่วนเผลอหัวเราะออกมา ลูบผมสลวยที่ห้อยอยู่ด้านหน้าของตัวเองอย่างเบื่อหน่าย “เป็นนักฆ่ามายี่สิบปีแล้ว ความโหดเหี้ยมทารุณไร้ความเมตตาและปฏิบัติตามคำสั่งคงสลักอยู่ในกระดูกแล้ว ให้เจ้าละทิ้ง ในเวลาอันสั้นเช่นนี้เจ้าจะปล่อยวางได้อย่างไร”
เงียบ เงียบจนน่าประหลาด
กู้ชูหน่วนชำเลืองมองไปที่แสงจันทร์สว่างไสวนอกหน้าต่าง กล่าวด้วยเสียงเบาๆ “ในใจเจ้าคงกำลังคิดว่าเย่เฟิงเป็นใครใช่หรือไม่?”