อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 605 รองหัวหน้าเผ่าซือคงสู้รบครั้งใหญ่
ร่างกายของเย่จิ่งหานถูกคนดึงไปทันที ทั้งคนถูกดึงออกไปแล้ว
ราวกับว่าทั้งสองคนรู้ใจกันเช่นนั้น ปล่อยฝ่ามือไปพร้อมกัน สะเทือนถ้ำน้ำแข็งจนแตก ปิดตายทางออกทั้งหมดไว้ ปล่อยสุดยอดผู้อาวุโสเสวี่ยเย่ไว้ตามลำพังอยู่ที่นั่นให้ฆ่าฟันกับสัตว์ดุร้าย
เย่จิ่งหานกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“สุดยอดผู้อาวุโสเสวี่ยเย่ที่ฉลาดมาทั้งชีวิต คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายจะตายในน้ำมือของเจ้าเด็กสาวไม่ประสีประสาผู้หนึ่ง”
“ขโมยอายุขัยของผู้คนไปมากมายขนาดนั้น เขาควรจะตายไปนานแล้ว มีชีวิตอยู่ก็เปลืองอากาศ”
“สัตว์ดุร้ายมากมายขนาดนั้น เจ้าล่อมาได้ยังไง?” เมื่อนึกถึงสัตว์ดุร้ายที่วิ่งคำรามมาเมื่อครู่ จิตใจของเย่จิ่งหานก็ตกใจมาก
ศักยภาพของสัตว์ดุร้ายเหล่านั้นอย่างน้อยที่สุดก็มากกว่าระดับสาม
แม้ว่าจะเป็นยอดฝีมือระดับเจ็ด เจอกับสัตว์ดุร้ายมากมายขนาดนั้น ก็ต้องถูกกัดจนตายทั้งเป็น
แต่นางที่เป็นคนระดับสองผู้หนึ่ง กลับกล้าไปล่อสัตว์มากมายนับหมื่นขนาดนั้น
“อันนี้น่ะ ก็เป็นโชค ตอนที่ข้ามาได้ทำเครื่องหมายที่ลับมากๆไว้บนกำแพงน้ำแข็ง เพราะกลัวว่าข้าจะหาทางออกไม่เจอ ตอนนั้นก็บังเอิญเห็นเครื่องหมายที่ตัวเองทิ้งไว้ ด้วยเหตุนี้ข้าจึงนึกถึงสัตว์ดุร้ายที่หลับสนิทเหล่านั้นขึ้นมา จึงถือโอกาสล่อให้พวกมันมาซะเลย”
“ถือโอกาส?” เย่จิ่งหานเอ่ยด้วยเสียงสูง
กู้ชูหน่วนดึงแขนของเขาไว้ ยิ้มจนดวงตาและคิ้วโค้งขึ้น “ไปเถอะ ในนี้มีทั้งสุดยอดผู้อาวุโสเสวี่ยเย่ มีทั้งมังกรน้ำระดับเจ็ด อยู่ที่นี่อันตรายเพียงใด พวกเรารีบออกไปจากแดนเหนือสุดกันสุดเถอะ”
“ไม่ไปช่วยเวินเส้าหยีแล้วหรือ?”
เย่จิ่งหานจ้องมองการแสดงออกทางสีหน้าของนางอย่างใกล้ชิด อยากดูว่ากู้ชูหน่วนยังมีความรักความห่วงใยต่อเวินเส้าหยีหรือไม่
กู้ชูหน่วนชะงักไปครู่หนึ่ง บนใบหน้าไม่ได้มีความอาลัยอาวรณ์ใดๆ เพียงแค่กล่าวอย่างเฉยเมยว่า “เผ่าหยกต้องการมุกมังกรอย่างเร่งด่วน เขามีมือมีเท้า หากว่าไม่อยากตาย ก็จะคิดหาวิธีออกไปเอง”
“รองหัวหน้าเผ่าซือคงต้องการชีวิตเขาเป็นอย่างมากเชียวนะ”
“ความเป็นความตายของเขาเกี่ยวอะไรกับข้า”
กู้ชูหน่วนยอมรับว่า นางพูดไม่ตรงกับใจเล็กน้อย
แต่ทว่าทุกครั้งที่นางคิดถึงคำสาปโลหิตของประชาชนเผ่าหยก แม้จะรู้ว่าเวินเส้าหยีเป็นผู้บริสุทธิ์ นางก็ไม่มีทางยอมรับได้
อย่างไรเสียเวินเส้าหยีก็เป็นหัวหน้าเผ่าน้อยของเผ่าเทียนเฟิ่น และฆ่าคนเผ่าหยกไปไม่น้อย
“ใช่หรือ เช่นนั้นเจ้าก็ต้องจดจำคำพูดในวันนี้เอาไว้ อย่าได้เห็นว่าเขาหน้าตาดี ก็เริ่มคิดถึงโฉมหน้าอันงดงามของเขาอีกล่ะ”
“พูดถึงโฉมหน้าอันงดงาม ทำไมท่านถึงได้สวมหน้ากากผีอยู่ตลอด? หน้าตาก็ไม่ใช่ว่าจะพบเจอผู้คนไม่ได้ขนาดนั้น หรือว่าหน้ากากปกปิดอะไรเอาไว้”
เย่จิ่งหานและกู้ชูหน่วนเดินออกจากถ้ำน้ำแข็งพูดคุยหัวเราะกันไปตลอดทาง
ตรงมุมของทางแยกหนึ่ง เวินเส้าหยีมีสายตาลังเล สีหน้าไม่ดีนัก มืออันขาวกระจ่างกำหมัดไว้แน่น
ข้างหูเป็นคำพูดที่ไร้หัวใจของกู้ชูหน่วน
ความเป็นความตายของเขาเกี่ยวอะไรกับข้า?
เหอะ……
ใช่สิ ชีวิตความเป็นตายของเขาเกี่ยวอะไรกับนางด้วย?
เดิมทีก็เป็นศัตรูรุ่นสู่รุ่นที่ปล่อยไว้ไม่ได้
เวินเส้าหยีกุมหัวใจของตัวเองไว้แน่น ไม่รู้ทำไม จิตใจของเขาถึงได้อัดอั้นจนไม่เป็นสุข แม้แต่หายใจก็ยังลำบาก
โดยเฉพาะขณะที่นึกถึงภาพของกู้ชูหน่วนและเย่จิ่งหานเดินเคียงข้างกัน พูดคุยหัวเราะกันอย่างมีความสุข
เวินเส้าหยีจากไปด้วยความเหงาหงอย
หลังจากที่เขาจากไป เย่จิ่งหานเหลือบมองไปข้างหลังอย่างเงียบๆ มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มสบายใจ
กู้ชูหน่วนเย้า “เรื่องอะไรที่ทำให้ท่านอ๋องเทพสงครามมีความสุขได้ขนาดนี้?”
“หามุกมังกรเจอแล้ว ไม่ควรดีใจงั้นหรือ?”
เย่จิ่งหานหยิบมุกมังกรออกมา ยื่นให้กู้ชูหน่วนด้วยตัวเอง
ดวงตาของกู้ชูหน่วนเป็นประกาย ขณะที่กำลังยื่นมือไปรับ คิดไม่ถึง แรงสังหารอันน่ากลัวแรงหนึ่งพุ่งสังหารเข้ามาอย่างฉับพลัน แยกกันโจมตีเย่จิ่งหานและกู้ชูหน่วน
ในเวลาเดียวกันมือใหญ่ที่เหี่ยวย่นคู่หนึ่งก็ยื่นไปทางมุกมังกร
ดวงตาของเย่จิ่งหานและกู้ชูหน่วนจริงจังขึ้นพร้อมกัน เย่จิ่งหานเก็บมุกมังกรกลับคืน พลิกฝ่ามือสะเทือนคนที่เข้ามา
เท้าพายุหมุนของกู้ชูหน่วน ฟาดคนที่มาด้วยความรวดเร็วและรุนแรง
นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นความรู้ใจกัน คนหนึ่งโจมตีด้านบน คนหนึ่งโจมตีด้านล่าง
“ปังปังปัง……”
สามคนตะลุมบอนกัน เห็นเพียงเงาหมัดวูบวาบ รวดเร็วดั่งลมโหมแรง มองไม่เห็นแม้แต่เงาคน
พลานุภาพอันน่าสะพรึงกลัวแต่ละพลังแผ่ออกมาจากถ้ำน้ำแข็งอย่างต่อเนื่อง ควันหลงอันแข็งแกร่งนั่น ทำให้หินน้ำแข็งของถ้ำน้ำแข็ง ละลายเป็นน้ำอย่างรวดเร็ว
บางครั้งที่มีสัตว์ดุร้ายหนึ่งหรือสองตัวเข้ามาใกล้ ก็ถูกลูกหลงสะเทือนจนตายไปตามๆกัน
“ตูม……”
ในที่สุด……
ทั้งสามแยกจากกัน
ผู้หญิงชุดแดงคนหนึ่งถูกสะเทือนลอยไป ร่างกายของเย่จิ่งหานแฉลบ โอบเอวและร่างกายที่ถูกสะเทือนกระเด็นไปของนาง คุมเชิงกับคนที่มาแย่งชิงมุกมังกร
กู้ชูหน่วนถูกเตะไปเท้าหนึ่ง หน้าอกเจ็บปวดเป็นระยะๆ
หากว่าเย่จิ่งหานไม่ได้สลายพลานุภาพของเท่านั้นไป อวัยวะภายในของนางจะต้องถูกสะเทือนจนแตกสลายแน่
กู้ชูหน่วนหัวเราะอย่างเย็นชา “ข้าก็ว่าผู้ใดกัน ที่แท้ก็เป็นตาแก่รองหัวหน้าเผ่าซือคงของเผ่าเทียนเฟิ่นนี่เอง เจ้าไม่ได้เป็นรองหัวหน้าเผ่าผู้สูงศักดิ์ของเผ่าเทียนเฟิ่นหรือ? ทำไมถึงได้สะบักสะบอมเช่นนี้ จึจึจึ เผ่าเทียนเฟิ่นไม่มีเสื้อผ้าให้เจ้าใส่แล้วหรือไง ดูเสื้อผ้าของเจ้าสิขาดซะ”
สีหน้าของรองหัวหน้าเผ่าซือคงดูไม่ได้เป็นที่สุด
เมื่อครู่ได้ต่อสู้กับมังกรน้ำครั้งใหญ่ เขาถูกมังกรน้ำทำร้ายเข้า ไม่เพียงได้รับบาดเจ็บสาหัส เสื้อผ้ายังถูกมังกรน้ำฉีกขาดหมดอีก ตอนนี้เพียงแค่พอปกปิดส่วนสำคัญอย่างถูๆไถๆไว้ได้เท่านั้น
ตั้งแต่มีชีวิตมานี่เป็นความอับอายที่สุดครั้งหนึ่งของเขา
กู้ชูหน่วนหัวเราะเยาะเย้า “หากเผ่าเทียนเฟิ่นไม่มีเงินซื้อเสื้อผ้าให้เจ้า พี่สาวซื้อให้เจ้าก็ได้ พี่สาวใจกว้างมาก เพียงแค่เจ้าเรียกข้าว่าพี่สาวอย่างเชื่อฟังคำหนึ่งเท่านั้น”
“นังหนู ความตายมาเยือนแล้ว ยังกล้าพูดจาเรื่อยเปื่อยอีก”
ความขุ่นเคืองทั้งหมดผสมปะปนกัน รองหัวหน้าเผ่าซือคงไม่ได้ออมมืออีก ทันทีที่ลงมือก็เป็นกระบวนท่าไม้ตาย
“ตูม……”
ก้อนน้ำแข็งในถ้ำน้ำแข็งลอยลิ่วขึ้นมาแบบไม่รับการควบคุม ก่อตัวเป็นดั่งกระแสน้ำวนเช่นนั้น หมุนวนไปทางกู้ชูหน่วนและเย่จิ่งหาน
ขลุ่ยของเย่จิ่งหานขวางขึ้นทันที รวมกำลังภายในไว้ที่ขลุ่ยหยกขาว ใช้พลังทั้งหมด ฟาดไปอย่างสุดแรง
กระแสน้ำวนกระเจิงเป็นสองส่วน ไม่ช้าก็ก่อตัวเป็นลมพายุหมุนเล็กๆ ลมพายุหมุนทุกอันล้วนมาพร้อมมีดสังหาร ไล่ตามติดกู้ชูหน่วนและเขาไม่ปล่อย
กระแสวนเร็วเกินไป ยังไม่ได้เข้าใกล้ แรงสังหารก็บีบเข้ามาแล้ว กู้ชูหน่วนถอนเท้าได้ก็แฉลบตัว หลบเลี่ยนแรงสังหารกระแสวนที่น่ากลัวนั่น
“ตาแก่นี่ บาดเจ็บหนักขนาดนี้แล้วยังมีพลังขนาดนี้อีก หรือว่า ศักยภาพของเจ้าคือขั้นสูงสุดระดับหก”
ขลุ่ยหยกขาวของเย่จิ่งหานหมุนอย่างสง่างาม จากขลุ่ยหยกขาวอันหนึ่งเปลี่ยนไปเป็นขลุ่ยหยกขาวสิบกว่าอัน แล้วใช้กำลังภายในขับเคลื่อน ปล่อยโน๊ตออกมา หยุดยั้งกระแสวนเหล่านั้น
สถานการณ์การต่อสู้เปลี่ยนไปทันที
กลายเป็นสงครามใหญ่ระหว่างขลุ่ยหยกขาวและกระแสวน กู้ชูหน่วนกลับกลายเป็นคนดูแล้ว
กระแสวนเปลี่ยนทิศทาง เปลี่ยนเป็นโจมตีเย่จิ่งหาน ม้วนล้อมถาโถมเข้าใส่เย่จิ่งหานอย่างบ้าคลั่ง
เสียงขลุ่ยหยกขาวของเย่จิ่งหานฮึกเหิมห้าวหาญ สกัดกั้นลมพายุหมุนไว้ระลอกแล้วระลอกเล่า
ดูอย่างผิวเผิน พลังการต่อสู้ของทั้งสองเท่ากัน
แต่กู้ชูหน่วนเข้าใจดี ความสามารถของเย่จิ่งหานลดฮวบ ตอนนี้มีเพียงระดับห้า ในตัวยังมีการบาดเจ็บจากพิษอีก ไม่ใช่คู่ต่อกรของขั้นสูงสุดระดับหกโดยสิ้นเชิง
ที่พวกเขาประลองกันตอนนี้คือกำลังภายใน ทันทีที่กำลังภายในของเย่จิ่งหานพ่ายแพ้ต่อรองหัวหน้าเผ่าซือคง เช่นนั้นเขาก็จะถูกกระแสวนกลืนกินจนไม่เหลือแม้แต่เศษซากของกระดูก
เสียงขลุ่ยของเย่จิ่งหานอ่อนลงเรื่อยๆ มีความรู้สึกว่าจะทนไม่ไหวอยู่รางๆ กู้ชูหน่วนร้อนใจจนกระวนกระวาย อยากช่วยเขา แต่กลับหาวิธีการที่ดีไม่ได้
ขั้นสูงสุดระดับหก ไม่ใช่ผู้ที่นางจะต่อกรได้ในตอนนี้
“ไป……รีบไป……”
เย่จิ่งหานใช้สายตาบอกใบ้ให้นางรีบจากไป
เขาแทบจะค้ำยันไว้ไม่ไหวแล้ว
กู้ชูหน่วนจะปล่อยเขาแล้วจากไปคนเดียวได้ยังไง
ระหว่างที่ร้อนใจ เขาหยิบมุกมังกรออกมา ชูขึ้นสูงแล้วกล่าว “ตาเฒ่า ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากได้มุกมังกรหรอกหรือ? ข้าให้เจ้าได้ เพียงแค่เจ้ารีบยั้งมือ? หากว่าเจ้าไม่ยั้งมือ ข้าก็จะทำลายมุกมังกรนี่ซะ ถึงเวลาพวกเราไม่ว่าใครก็อย่าคิดที่จะได้ไป”
สองสามครั้งที่ได้ทำความรู้จักกัน รองหัวหน้าเผ่าซือคงก็รู้มานานแล้วว่ากู้ชูหน่วนมีนิสัยแปลกประหลาด จะหลงกลนางได้อย่างไร
“ไม่อยากให้เขาตาย เจ้าก็โยนมุกมังกรมาก่อน”