อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 612 ความทรงจำของเย่จิ่งหาน
“คนในเผ่าหยกทุกคนล้วนโดนคำสาปโลหิต ทำไม……”
“ทำไมข้าถึงไม่โดนคำสาปโลหิตใช่มั้ยล่ะ?”
กู้ชูหน่วนพยักหน้า
นางไม่เชื่อว่าคำสาปโลหิตจะแก้ได้ง่ายดายขนาดนั้น
หากว่ามันแก้ได้ง่ายขนาดนั้น คนในเผ่าหยกจะถึงขั้นที่ต้องเสาะหามุกมังกรมาตลอดพันปีด้วยเหรอ
“ข้าโดนพิษเย็นมาตั้งแต่เด็ก ทั้งยังโดนพิษใบเลือดดำอีก และท่านแม่ของข้าก็เป็นคนวางยาพิษบางส่วนในนั้นด้วยตัวเอง”
“เพื่อยับยั้งคำสาปโลหิต?”
“ใช่”
“แต่……เพียงแค่ให้คำสาปโลหิตกำเริบช้าลงเท่านั้น ไม่ได้รักษาถึงแก่น บางทีผ่านไปอีกไม่กี่ปี ข้าก็จะเป็นเหมือนพวกเขา”
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงได้ตามหามุกมังกรทั้งเจ็ดเม็ดด้วยความร้อนใจเช่นกัน
ประการแรกคือช่วยตัวเขาเอง
ประการที่สองคือช่วยชีวิตคนในเผ่าท่านแม่ของเขา
ตอนนั้นท่านแม่ใช้พิษรุนแรงยับยั้งคำสาปโลหิตของเขา แม้ว่าคำสาปโลหิตจะไม่กำเริบ แต่หลายปีมานี้ ทุกๆวันทุกๆคืนเขาก็แทบจะผ่านมาด้วยความเจ็บปวดทรมานทั้งนั้น
กู้ชูหน่วนอดไม่ได้ที่จะกอดเอวที่แข็งแรงของเขาไว้ วางแก้มบนหน้าอกของเขา ฟังเสียงหัวใจที่เต้นแรงและมีพลังของเขา
ไม่รู้ว่าเพราะเย่จิ่งหานเสียสละชีวิตเข้าช่วยเหลือมาหลายครั้งหลายครา หรือเพราะสงสารที่เขาเป็นคนเผ่าหยกที่มีโรคเหมือนกัน แต่กู้ชูหน่วนรู้สึกว่าตอนนี้เย่จิ่งหานดูอบอุ่นมากกว่าเมื่อก่อนแล้ว
“แล้วพ่อของท่านล่ะ รู้จักกันมานานขนาดนี้ ก็ไม่เคยได้ยินท่านเอ่ยถึงพ่อของท่านมาก่อน”
“พ่อของข้าหลังจากที่ท่านแม่ของข้าเสียชีวิต ก็ทุ่มเทแรงกำลังของแคว้นเพื่อเสาะหามุกมังกร แต่ก็หาอะไรไม่ได้ สุดท้ายก็เสียชีวิตด้วยอาการซึมเศร้าเพราะคิดถึงท่านแม่ของข้า”
“ตอนนั้นท่านอายุเท่าไหร่?”
“ประมาณสี่ขวบล่ะมั้ง”
“ท่านพ่อท่านแม่ของท่านจะต้องรักท่านมากเป็นแน่ ไม่เช่นนั้นแม่ของท่านก็คงจะตัดใจวางยาพิษใบเลือดดำเพื่อยับยั้งคำสาปโลหิตให้ท่านไม่ลง และพ่อของท่านก็คงจะไม่มอบอำนาจของกองทหารให้ท่านหรอก”
พิษใบเลือดดำปกติทันทีที่เข้าสู่ร่างกาย ก็จะต้องตายอย่างแน่นอน เขาสามารถมีชีวิตอยู่ได้ ก็คงเป็นเพราะแม่ของเขาใช้กำลังภายในทั้งหมด ปกป้องหลอดเลือดหัวใจของเขาไว้สินะ
“อื้ม” สีหน้าของเย่จิ่งหานหม่นหมอง ดูสีหน้าอารมณ์ไม่ออก แต่รอบกายของเขากลับแผ่กลิ่นอายอันโศกเศร้าออกมา
เขาเอาศีรษะมาจรดตรงเส้นผมของกู้ชูหน่วน ดมกลิ่นหอมที่เส้นผมของนาง ถามว่า “แล้วเจ้าล่ะ? ตัวตนของเจ้ามีกี่ตัวตน พ่อแม่ของเจ้าคือกู้เฉิงเซี่ยงและฮูหยินกู้จริงหรือ?”
“ข้าไม่รู้ ข่าวลือ…..อดีตฮ่องเต้ชอบท่านแม่ของข้า ท่านแม่ของข้ามีใจรักต่อกู้เฉิงเซี่ยง สุดท้ายอดีตฮ่องเต้ก็รับท่านแม่ของข้าเป็นน้องสาวบุญธรรม พระราชทานพิธีสมรสแก่กู้เฉิงเซี่ยง เรื่องนี้เป็นความจริงหรือ?”
“ทั้งชีวิตของเสด็จพ่อรักผู้หญิงเพียงคนเดียว นั่นก็คือเสด็จแม่ของข้า เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะชอบท่านแม่ของเจ้า แม้ว่าจะชอบ ก็น่าจะเป็นแค่ความชอบระหว่างพี่น้องเท่านั้น”
“ใช่หรือ……”
กู้ชูหน่วนตอบด้วยความงงงัน
ทำไมนางถึงได้รู้สึกอดีตฮ่องเต้มีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับท่านแม่ของนางล่ะ?
แล้วฮูหยินเฉิงเซี่ยงเป็นแม่ของนางจริงๆหรือ?
ตัวตนของเจ้าของร่างเดิมมากมายขนาดนี้ หรือคุณหนูสามจวนเฉิงเซี่ยงจะเป็นตัวตนปลอมอีกตัวหนึ่งเท่านั้นนะ?
“เจ้าไม่รู้ว่าพ่อแม่ของตัวเองเป็นใครหรือ?” เย่จิ่งหานเอ่ยถามขึ้นทันที
“หากข้าจะบอกว่า ข้าความจำเสื่อม แม้แต่ตัวเองเป็นใครก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ ท่านจะเชื่อหรือไม่?”
เย่จิ่งหานไม่ได้พูดจาเป็นเวลานาน นานจนกู้ชูหน่วนคิดว่า เย่จิ่งหานไม่เชื่อคำพูดของนางโดยสิ้นเชิง
คิดไม่ถึงว่าเย่จิ่งหานจะพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ข้าเชื่อ”
“อ๋อ…..ทำไม……”
“ไม่รู้สิ น่าจะเป็นสัมผัสที่หกของผู้ชายล่ะมั้ง ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร ไม่ว่าตัวตนของเจ้าจะมีมากมายแค่ไหน ข้ารู้เพียงว่า เจ้าเป็นภรรยาของข้า เป็นภรรยาที่ข้าเย่จิ่งหานแต่งมาด้วยความถูกต้องชอบธรรม และเป็นภรรยาแบบสามีภรรยาที่มีความสัมพันธ์กันจริง”
เข้าเน้นหนักคำว่าสามีภรรยาที่มีความสัมพันธ์จริง
กู้ชูหน่วนกลอกตาขาว
ผละออกไปจากเขาอย่างอ่อนล้า
“วันนั้นบนภูเขาร้าง ข้าโดนยาพิษเข้า”
“แล้วครั้งที่สองล่ะ?”
“ครั้งที่สอง……ครั้งที่สองข้าควบคุมความรู้สึกตัวเองไม่ได้”
ครั้งที่สองเป็นใครพุ่งเข้าหาใคร นางจะรู้ได้อย่างไร ก็มันนานมาแล้ว นางก็จำไม่ชัดเจนแล้ว”
“ควบคุมความรู้สึกตัวเองไม่ได้? ข้าหวังว่าอนาคตเจ้าจะควบคุมความรู้สึกตัวเองไม่ได้ทุกคืน”
เย่จิ่งหานพูดพลาง โอบกู้ชูหน่วน มุมปากเป็นรอยยิ้มที่เปี่ยมล้นไปด้วยความสุข
ผู้ชายคนนี้……
จะมีชีวิตรอดออกไปได้หรือไม่ก็ไม่รู้ ยังจะคิดเรื่องคิดถึงเรื่องบ้าๆเหล่านั้นอยู่อีก
“อาหน่วน ข้าขอถามเจ้าสักเรื่องได้หรือไม่?”
“ท่านอยากรู้เรื่องอะไรก็ถามมาสิ เราสองคนจะมีชีวิตได้นานอีกเท่าไหร่ก็ไม่รู้”
“เจ้าชอบข้าบ้างสักนิดหรือไม่? แม้ว่าจะเป็นแค่นิดเดียว”
หัวใจของเย่จิ่งหานเต้นเร็วขึ้นอย่างฉับพลัน กกหูแดง ใบหน้าอันเลิศล้ำที่ซีดขาวนั่นก็ย้อมไปด้วยสีแดงสดเล็กน้อย
ดีที่ในนี้แสงไฟสลัว ไม่เช่นนั้นเขาก็คงจะเขินอายที่จะเจอผู้คนแล้ว
กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว ไม่พูดจาเป็นเวลานาน
เย่จิ่งหานเปลี่ยนจากการคาดหวังเป็นความกระวนกระวาย ตลอดจนสิ้นหวังในท้ายที่สุด
พลังที่เหลืออยู่น้อยนิดของเย่จิ่งหานเหมือนว่าจะถูกดูดไปจนแห้งเหือด ทั้งคนพิงอยู่ที่กำแพงน้ำแข็งด้วยความเหม่อลอยไร้จิตวิญญาณ
เงียบ…….
ในถ้ำหิมะนอกจากเสียงหายใจของทั้งสองแล้ว ก็ไม่มีเสียงใดๆอีก
ผ่านไปนานมากนานมากๆ
กู้ชูหน่วนจึงได้เอ่ยขึ้นด้วยเสียงต่ำประโยคหนึ่ง “ข้ามีภารกิจอันหนักอึ้งของตัวเอง ก่อนที่ภารกิจอันหนักอึ้งนี้จะสำเร็จ ข้าไม่กล้าไปคิดถึงเรื่องความรักระหว่างชายและหญิง”
“ภารกิจอะไร? ข้าสามารถช่วยเจ้าให้สำเร็จได้”
“เสาะหามุกมังกรทั้งเจ็ด?”
“เสาะหามุกมังกร มอบให้เผ่าหยก?” นางมีความสัมพันธ์ที่เลวร้ายกับเผ่าเทียนเฟิ่นขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะทำเพื่อเผ่าเทียนเฟิ่น ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวก็คือเผ่าหยก
เจ้าเป็นคนเผ่าหยกหรือไม่กันแน่?
“อืม……”
“มุกมังกรทั้งเจ็ดไม่ใช่ว่าหาได้หกเม็ดแล้วหรือ พวกเราหาอีกเพียงแค่เม็ดเดียว ก็ไม่ใช่ว่าจะรวบรวมครบได้เจ็ดเม็ดแล้วหรือ”
กู้ชูหน่วนยิ้มอย่างฉับพลัน ยิ้มซะจนบริสุทธิ์สดใส
“ใช่แล้ว เหลือเพียงเม็ดเดียวแล้ว เพียงแค่หาอีกเม็ดเดียว ก็สามารถรวบรวมมุกมังกรได้ครบเจ็ดเม็ดแล้ว ดังนั้นข้าจะตายไม่ได้ หากว่าข้าตายแล้ว มุกมังกรเม็ดที่หกก็จะหายไปจากโลกนี้โดยสมบูรณ์”
พี่เฉินเฟยและผู้คนมากมายของเผ่าหยกก็จะทนต่อไปไม่ไหวแล้ว
“เย่จิ่งหาน ท่านถามข้าว่าเคยชอบท่านบ้างหรือไม่ ข้าไม่รู้ แต่ก่อนหน้านี้ข้าเคยมีคนรักหนึ่งคน ถูกเขาหลอกลวงอย่างสาหัสหนักหน่วง และเพราะเขา ข้าตายอย่างน่าอนาถและได้ข้ามมิติมาที่จวนเฉิงเซี่ยง”
เย่จิ่งหานขมวดคิ้ว มีคำถามมากมายในใจ แต่กลับถูกกู้ชูหน่วนตัดบทแล้ว
“ข้ารู้ว่าท่านมีคำถามมากมาย เรื่องที่ตัวข้าเองก็ไตร่ตรองไม่เข้าใจ ก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายกับท่านอย่างไร ข้าสาบาน ทั้งชีวิตไม่เคยมีความรู้สึกรักใคร่จริงจังกับผู้ชายคนใดมาก่อน แต่ว่า หากพวกเราสามารถรอดชีวิตออกไปจากที่นี่ได้ บางทีข้าอาจจะลองสัมผัสดู”
จิตใจที่ท้อแท้สิ้นหวังในเดิมทีของเย่จิ่งหานได้จุดประกายความหวังขึ้นอีกครั้ง
และไม่รู้ว่าเขาเอาพลังมาจากไหน กอดกู้ชูหน่วน หมุนเป็นวงอย่างมีความสุข
ท่าทางซื่อๆนั่น ยังจะมีแรงสังหารความเด็ดเดี่ยวอีกที่ไหนกัน
“เจ้าบอกว่า ถ้าเราสามารถออกไปจากที่นี่ได้ เจ้าก็รับปากว่าจะเป็นภรรยาที่แท้จริงของข้า”
“ข้าแค่บอกลองสัมผัสดูได้”
“ยังไงซะความหมายก็เหมือนกัน”
“เช่นนั้นก็รอดออกไปจากที่นี่ให้ได้ก่อนถึงจะได้”
“ได้อยู่แล้ว ไม่ช้าพวกเราก็จะออกไปจากที่นี่ได้ ก่อนที่จะมาข้าได้บอกเบาะแสการเดินทางกับชิงเฟิงเจี่ยงเสวียไว้แล้ว พวกเขาน่าจะพาคนเข้ามาหา พวกเราแค่อดทนไว้อีกระยะหนึ่ง”
“ได้”
โดนเย่จิ่งหานอุ้มวนรอบหนึ่ง สมองของกู้ชูหน่วนก็มึนมากขึ้นแล้ว
นางซบตรงหน้าอกของเขาด้วยความเหนื่อยล้า หายใจเร็วขึ้น
ทำไมวันนี้นางถึงได้พูดคำเหล่านั้นกับเย่จิ่งหานนะ นางไม่เข้าใจ