อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 608 คำพูดเต็มไปด้วยคำโกหก
กู้ชูหน่วนกะพริบตา ใช้สายตาถามเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ว่าผลึกนั่นมีประโยชน์อะไร
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ร้องฟ่อฟ่อสองสามที ยื่นหัวชะโงกหน้าหาดูว่ายังมีสัตว์ดุร้ายรั้งท้ายอีกหรือไม่
“ผลึกนั่นอร่อยมากนี่ สามารถเพิ่มพลังได้ ทั้งยังรสชาติดีมากอีก นายหญิง เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์หิวมาก เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ไปหาของมาเติมท้องก่อน”
“กลับมา ในเมื่อผลึกดีขนาดนั้น เช่นนั้นเจ้าก็ไปหาผลึกมาให้พวกข้ารักษาบาดแผลสักหน่อย”
“มนุษย์อย่างพวกท่านอยากกินผลึก จะต้องหลอมออกมา กินไปตรงๆจะตายเอาได้” กู้ชูหน่วนสงสัย
กู้ชูหน่วนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
ทำไมนางถึงได้รู้สึกว่าคำพูดของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เชื่อใจไม่ได้นะ?
มันคงไม่ได้กลัวว่าพวกเขาจะแย่งชิงผลึกไปหรอกนะ ฉะนั้นจึงได้จงใจพูดเช่นนี้?
กู้ชูหน่วนยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้
เย่จิ่งหานกล่าวด้วยความอ่อนแอ “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์พูดไม่ผิด มนุษย์กินไปสดๆ จะย่อยและดูดซึมยากจริงๆ ต้องหลอมออกมา ตอนนี้พวกเราล้วนได้รับบาดเจ็บ คิดจะหลอมยาก็ไม่ง่าย”
น่าเสียดายที่เขาบาดเจ็บหนักเกินไป ไม่เช่นนั้นไปล่าสัตว์เอาผลึกมาสักหน่อย อนาคตกู้ชูหน่วนจะเอาไว้หลอมยาหรือหลอมอาวุธก็ได้
กู้ชูหน่วนกวาดตามองยอดหุบเขาที่มองไม่เห็นแวบหนึ่ง และมองดูจุดที่สุดยอดผู้อาวุโสเสวี่ยเย่ถูกฉีกศพ จิตใจมีความไม่สงบสุขอยู่รางๆ
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เฉลียวฉลาดมาก คิดว่ามันคงไม่น่าจะเจอกับอันตรายอะไร สนใจเพียงแต่จะไปหาอาหารกินเท่านั้น กลับเป็นพวกเรา ที่ต้องหาสถานที่ปลอดภัยเพื่อซ่อนตัวหน่อย”
“ดี”
เย่จิ่งหานพยายามลุกขึ้น ทันทีที่ขยับตัว อาการบาดเจ็บภายในร่างกายก็ปั่นป่วนอีกครั้ง
“ข้าประคองท่านละกัน”
พูดว่าประคอง พูดว่าทั้งร่างกายของเย่จิ่งหานพิงไปบนไหล่ของนางทั้งหมดยังจะดีซะกว่า
กู้ชูหน่วนทนความเจ็บปวด ประคองเย่จิ่งหานเดินโซซัดโซเซไปเบื้องหน้า
นางรู้ว่าเย่จิ่งหานก็พยายามฝืนทนเช่นกัน ไม่เช่นนั้นตอนนี้จากสถานการณ์ของเขา พอจะสามารถมีสติอยู่ได้ก็ไม่เลวแล้ว
ก้นหุบเขาเป็นหิมะทั้งหมด เหยียบลงไปเท้าหนึ่ง ก็แทบจะถึงเข่า เพิ่มภาระให้กับทั้งสองคนที่บาดเจ็บสาหัสเป็นทุนเดิมอยู่แล้วไม่น้อย
เดินไปเรื่อยๆ สภาพอากาศช่วงสิบสองค่ำอันเหน็บหนาว หิมะปลิวว่อน ทั้งสองคนหนาวเย็นจนสั่นเทา
บนพื้นหิมะมีรอยเท้ายาวเป็นแถว
ทั้งสองคิดว่าตัวเองเดินไปได้ไกลมากแล้ว แต่ทว่าพวกเขาไม่ได้เดินไปไกล ในนี้นอกจากภูเขาหิมะด้านนอกอันกว้างไกลไม่สิ้นสุด มีเพียงถ้ำหิมะเพียงแห่งเดียว
แต่พวกเขาไม่กล้าขึ้นไปที่ถ้ำหิมะอีกแล้ว เกรงว่าจะเจอเข้ากับสัตว์ดุร้ายหรือรองหัวหน้าเผ่าซือคงรวมถึงมังกรน้ำระดับเจ็ดด้วย
ไม่ว่าอย่างไรมังกรน้ำก็มาตามกลิ่นได้
“แฮ่มแฮ่ม…….”
เย่จิ่งหานไอสองสามที ไอเป็นเลือดออกมากองหนึ่ง ทิ้งสีแดงสดไว้บนหิมะอันขาวสะอาด
กู้ชูหน่วนกัดฟัน ไม่ว่าเย่จิ่งหานจะเห็นด้วยหรือไม่ ก็จะประคองเขาเข้าไปในถ้ำ “ด้านนอกหิมะหนักลมแรง หลบอยู่ในนี้ก่อนละกัน”
“อาการบาดเจ็บของท่านสาหัสเกินไป จำเป็นต้องพักฟื้น ดูท่า พวกเราจะต้องอยู่ที่นี่สักพักหนึ่งแล้วล่ะ”
กู้ชูหน่วยร้อนใจดั่งไฟเผา
ด้านหนึ่งวันขึ้นสิบห้าค่ำจันทร์เต็มดวงก็อยู่เบื้องหน้า อีกทั้งนางยังจะต้องหามุกมังกรเม็ดที่เจ็ดให้ได้อีก
แม้ว่าตอนนี้จะหามุกมังกรเม็ดที่เจ็ดไม่พบ นางก็ต้องกลับเผ่าหยกรอบหนึ่ง
จากมานานขนาดนี้ ก็ไม่รู้ว่าอาการป่วยของพี่เฉินเฟยจะเป็นอย่างไรบ้าง
อีกด้านหนึ่ง นางก็ไม่วางใจเย่จิ่งหาน
เย่จิ่งหานก็เพื่อช่วยนาง จึงได้บาดเจ็บสาหัสขนาดนี้
ทิ้งเขาไว้ที่นี่แล้วจากไปผู้เดียว ก็เป็นการปล่อยให้เขาไปตายโดยไม่ต้องสงสัย
กู้ชูหน่วนหาอยู่นาน จึงพบกิ่งไม้แห้งไม่กี่อัน นางจุดไฟ ยืมแสงไฟอ่อนๆ อิงแอบกับเย่จิ่งหานผิงไฟให้อุ่น
เย่จิ่งหานพยายามถอดเสื้อคลุมออก คลุมให้กู้ชูหน่วน
กู้ชูหน่วนกล่าวว่า “ข้าไม่หนาว อาการบาดเจ็บของท่านสาหัส ท่านสวมไว้เถอะ”
“ข้าก็ไม่หนาว”
เย่จิ่งหานกดมือเล็กๆอันเย็นยะเยือกของกู้ชูหน่วนไว้ เอาเสื้อคลุมคลุมไว้บนตัวของนางให้กระชับ
กู้ชูหน่วนหัวเราะเยาะเย้า “ท่านว่า ตอนนี้พวกเราเหมือนคู่สามีภรรยาที่ตกอับหรือไม่”
“เหมือน”
เย่จิ่งหานหัวเราะอย่างอ่อนแอ
เขาชอบสี่คำที่ว่าสามีภรรยาที่ตกอับนี่
การเดินทางของแดนเหนือสุดนี้หนักหนาสาหัสจริงๆ แต่ว่าสามารถอยู่กับนางตามลำพังได้นานขนาดนี้ ทุกอย่างก็คุ้มค่าแล้ว
“ถูกแล้ว ทำไมสุดท้ายตอนหลังมังกรน้ำระดับเจ็ดจึงหันไปโจมตีรองหัวหน้าเผ่าซือคงได้ล่ะ?”
กู้ชูหน่วนผิงไฟไปพลาง ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ไปพลาง “นี่ก็เรียนมาจากท่าน ท่านตัดแบ่งกลิ่นอายของมุกมังกร ทำมุกมังกรปลอมขึ้นมาหลอกพวกเขา แล้วข้าจะไม่สามารถใช้ยาสมุนไพรมาตัดแบ่งกลิ่นอายของมุกมังกร มอบมุกมังกรปลอมให้เขาสักเม็ดได้หรือ”
เย่จิ่งหานจะหัวเราะก็ไม่ใช่จะร้องไห้ก็ไม่เชิง
เด็กสาวคนนี้ เรียนปุ๊บใช้ปั๊บจริงๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นางเอามุกมังกรปลอมซ่อนไว้ในแขนเสื้อของรองหัวหน้าเผ่าซือคงได้อย่างไร เขาล้วนไม่ได้สังเกตเห็น รองหัวหน้าเผ่าซือคงก็ไม่รู้เช่นกัน
“สุดยอดผู้อาวุโสเสวี่ยเย่ถูกสัตว์ดุร้ายกัดจนตายทั้งเป็น ท่านว่ารองหัวหน้าเผ่าซือคงจะถูกมังกรน้ำทรมานจนตายทั้งเป็นไปแล้วหรือไม่?”
ไม่รอให้เย่จิ่งหานพูด ได้ยินเพียงเสียงอันเดือดดาลดังขึ้นอย่างฉับพลัน
“คิดจะให้ข้าตาย พวกเจ้ายังไม่มีความสามารถนั้น”
ทั้งสองคนหันขวับทันที กลับเห็นรองหัวหน้าเผ่าซือคงที่บาดเจ็บนับไม่ถ้วนยืนหลังตรง จ้องมองพวกเขาด้วยความแค้นเคือง
แววตาที่โหดร้ายนั่น ถูกย้อมด้วยความกระหายเลือดสีแดงเข้ม ทำให้ผู้คนขนลุกจากก้นบึ้งหัวใจอย่างอดไม่ได้
กู้ชูหน่วนรู้สึกเหนือความคาดหมายเล็กน้อย “ตาเฒ่า ดวงเจ้าแข็งมากจริงๆ เผชิญหน้ากับมังกรน้ำระดับเจ็ดเพียงลำพังก็ยังอยู่รอดมาได้ถึงตอนนี้”
“พวกเจ้าไม่ตาย ข้าจะกล้าตายได้อย่างไร”
“อย่าอย่าอย่า ทำอะไรต้องมีลำดับก่อนหลัง เจ้าอายุมากกว่าพวกเรา พวกเราควรจะให้เจ้าไปก่อน”
“มอบมุกมังกรออกมา”
ไม่รู้ว่ารองหัวหน้าเผ่าซือคงได้รับแรงกระทบกระเทือนอะไร แม้แต่คำพูดที่มากเกินจำเป็นก็ไม่ยอมพูดกับกู้ชูหน่วนแล้ว เปิดปากก็ต้องการมุกมังกรตรงๆ
สายตาของเขาดุร้าย กลุ่มเปลวเพลิงแผดเผาในฝ่ามืออย่างต่อเนื่อง กระทั่งยิ่งเผาก็ยิ่งโชติช่วง
ดูออกว่า รองหัวหน้าเผ่าซือคงเกิดความคิดอยากจะฆ่าขึ้นจริงๆ เพียงแค่กู้ชูหน่วนกล้าพูดคำว่าไม่ให้คำเดียว หรือพูดจาเพ้อเจ้ออีกสักประโยค รองหัวหน้าเผ่าซือคงก็จะทำลายล้างนางในทันทีแน่นอน
เย่จิ่งหานพยายามลุกขึ้น ฝืนความเจ็บปวดทรมาน กล่าวช้าๆ “มุกมังกรอยู่ในมือของข้า ท่านควรจะมาหาข้า”
กู้ชูหน่วนกล่าว “ท่านอ๋อง ท่านคิดว่าท่านโกหกว่ามุกมังกรอยู่ในมือของท่านแล้ว รองหัวหน้าเผ่าซือคงจะเชื่องั้นหรือ? ท่านดูท่านสิ บาดเจ็บจนลุกไม่ขึ้นแล้ว เอามุกมังกรให้ท่านรักษาไว้ ใครจะวางใจได้ รองหัวหน้าเผ่าซือคงไม่ใช่คนที่ใจแคบ แม้เขาจะรู้ว่ามุกมังกรอยู่บนตัวของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ ก็จะไม่ทำให้พวกเราลำบากใจเป็นแน่ ใช่ไหมล่ะ รองหัวหน้าเผ่าซือคง”
เย่จิ่งหานไอเบาๆสองสามครั้ง เกือบจะไอเป็นเลือดออกมาอีกกองหนึ่ง
ปากของผู้หญิงคนนี้มีแต่คำโกหกที่พูดได้โดยไม่ต้องคิดเลยหรือ?
พูดแบบหน้าไม่แดงหายใจปกติ ทั้งยังมีเหตุผลอีก เป็นไปตามหลักที่ควรจะเป็นอีกด้วย
นางไปเอาความคิดพิเรนทร์มาจากที่ไหนมากมาย?
รองหัวหน้าเผ่าซือคงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง สำหรับหลุมพรางเจ้าเล่ห์ที่แสนร้ายกาจของกู้ชูหน่วน เขาได้สัมผัสมาหลายครั้งเกินไปแล้ว
หากไม่ใช้เวทมนตร์ เมื่อครู่เขาก็ตายอย่างอนาถในน้ำมือของมังกรน้ำไปแล้ว
แม้ว่าจะโชคดีหนีรอดออกมาได้ แต่บาดแผลทั้งตัวของเขา ถ้าไม่มีเวลาสามปีห้าปี ก็เกรงว่าคงยากที่จะรักษาให้ฟื้นฟูเหมือนเดิม
ทั้งหมดทั้งมวลนี้โทษกู้ชูหน่วนนังเด็กเลวนั่นที่เอามุกมังกรปลอมมายัดไว้บนตัวเขา
กู้ชูหน่วนสัมผัสได้ถึงแรงสังหารที่หนาแน่นขึ้นของเขา รีบแบมือแล้วกล่าว “มุกมังกรไม่ได้อยู่ในมือของข้าจริงๆ หากท่านไม่เชื่อ ท่านก็สามารถค้นตัวข้าได้ แหวนมิติของข้าท่านก็สามารถดูได้ ไม่มีจริงๆ”
“งูตัวนั้นล่ะ?”
“งูตะกละตัวนั้นวิ่งไปหาอาหารมื้อใหญ่กินแล้วล่ะ รอมันกลับมา ข้าจะรีบให้มันมอบมุกมังกรให้ท่านทันที ไม่กล้ายั่วโมโหท่าน ล่วงเกินท่านแน่นอน”
รองหัวหน้าเผ่าซือคงหัวเราะอย่างเย็นชาติดๆกัน “นังหนู เจ้าคิดว่าข้าเป็นเด็กสามขวบ ที่จะปล่อยให้เจ้าหลอกงั้นหรือ?”