อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 722 คงไม่ได้มาเพราะเจ้ากระมัง
ฝ่ามือนี้มีอำนาจรุนแรงมาก ท้องฟ้ายังต้องเปลี่ยนสีเพราะฝ่ามือนั้น แม้แต่เพลิงที่ลุกโหมในแอ่งไอเหม็นยังสลัวลงไปเป็นวงกว้าง
สุดยอดผู้อาวุโสหยู่เย่ไม่กล้าชะล่าใจ แค่เห็นฝ่ามือ เขาก็รู้ว่าแล้วว่าคนคนนี้มีพลังไม่น้อยไปกว่าเขาเลย ขั้นสูงสุดระดับหก
เถาวัลย์สีเขียวเปลี่ยนทิศทางโค้งกลับมา แตกออกเป็นแฉกปะทะกับฝ่ามือนั้นซึ่งๆหน้า เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
พื้นดินสะเทือน ราวกับได้เกิดแผ่นดินไหวระดับสิบ พื้นดินมีรอยแตกแยกเป็นทาง
เมื่อไม่มีเครื่องพันธนาการของสุดยอดผู้อาวุโสหยู่เย่ ในที่สุดกู้ชูหน่วนก็สามารถเคลื่อนไหวได้ นางถูกแรงสั่นสะเทือนทำให้เกือบจะยืนไม่มั่นคง
เหลือบตาขึ้นไปมอง นางก็ดูออกทันทีว่าคนที่ช่วยนางเอาไว้คือผู้อาวุโสใหญ่ของเผ่าหยก
พลังของผู้อาวุโสใหญ่กับสุดยอดผู้อาวุโสหยู่เย่นั้นห่างกันไม่มาก ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือด การต่อสู้ของผู้ที่มีพลังยุทธขั้นสูงสุดเช่นนี้ นางดูจนรู้สึกปวดตา แทบจะลืมตาขึ้นมาไม่ได้
ผืนดินถูกแรงสั่นสะเทือนทำให้เกิดหลุมลึกขึ้นมาจำนวนนับไม่ถ้วน ทุกกระบวนท่าที่ต่อสู้ล้วนสามารถทำให้ป่าที่เน่าเหม็นนี้สูญสลายไปได้ครึ่งหนึ่ง
“เจ้านั่นเอง เจ้ายังมีชีวิตอยู่ การต่อสู้หลายสิบปีก่อน เจ้าตายไปแล้วมิใช่หรือ”
“ข้าอายุน้อยกว่าเจ้าหลายสิบปี เจ้ายังไม่ตาย ข้าจะกล้าตายได้อย่างไร การต่อสู้เมื่อหลายสิบปีก่อน เจ้าทำร้ายข้าจนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดก็แล้วไปเถอะ ครั้งนี้เจ้ายังกล้าทำร้ายอาหน่วน ก็เตรียมตัวรับความตายได้เลย”
“หึ หลายสิบปีก่อนเจ้ายังไม่ใช่ครู่ต่อสู้ของข้า ผ่านมาหลายสิบปีข้ายังต้องกลัวเจ้าอีกหรือ”
“ถ้าหากไม่ใช่เพราะเจ้าใช้วิธีการสกปรก หาคนร่วมมือเพื่อลอบทำร้ายข้า ข้าจะแพ้เจ้าได้อย่างไร แต่เจ้า สองคนร่วมมือกันยังถูกข้าทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส หลายสิบปีมานี้ แผลที่เจ้าฝากไว้ก็ทำให้ข้าลำบากไม่น้อยเลย”
ทั้งสองเคลื่อนไหวเร็วมาก กู้ชูหน่วนมองเห็นแทบไม่ชัด แต่การสนทนาของพวกเขา นางกลับได้ยินทุกถ้อยคำไม่ผิดเพี้ยน
ผู้อาวุโสหลบซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบๆที่เผ่าหยกมาหลายสิบปี ไม่เคยออกไปไหน เป็นเพราะว่าเมื่อหลายสิบปีก่อนถูกตาแก่หนังเหนียวทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บหนัก
สุดยอดผู้อาวุโสอั้นเฮยหลังจากส่งเวินเส้าหยีไปยังสถานที่ปลอดภัยแล้ว ก็ยิ้มเยาะอย่างเย็นชา เข้าร่วมการต่อสู้ด้วย
เดิมทีผู้อาวุโสใหญ่กับสุดยอดผู้อาวุโสหยู่เย่กำลังต่อสู้กันอย่างพอฟัดพอเหวี่ยง ใครก็ทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้ แต่เมื่อสุดยอดผู้อาวุโสอั้นเฮยเข้าร่วมการต่อสู้ด้วย สถานการณ์ก็เปลี่ยนไป ผู้อาวุโสใหญ่ถูกรุมโจมตีทั้งซ้ายขวา อาจพ่ายแพ้ได้ตลอดเวลา
กู้ชูหน่วนเอ่ยอย่างโมโหว่า “สองรุมหนึ่ง พวกท่านยังมีศักดิ์ศรีอยู่หรือไม่”
“หึ คนของเผ่าหยกสมควรตายทุกคน โดยเฉพาะเขา”
พลังของขั้นสูงสุดระดับหก บนโลกใบนี้มีกี่คนที่สามารถต่อกรได้ พวกเขาอายุมากขึ้นเรื่อยๆ สามารถตายได้ทุกเมื่อ
ถ้าหากสามารถกำจัดยอดฝีมือของเผ่าหยกได้ก่อนตาย ก็ย่อมส่งผลดีต่อเผ่าเทียนเฟิ่น
และไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ต้องได้มุกมังกรมาครอบครองอย่างแน่นอน
“โครมคราม……”
กระบวนท่าของสุดยอดผู้อาวุโสทั้งสองแต่ละท่าล้วนทรงพลังมากขึ้น เป็นท่าไม้ตายทุกครั้งที่ลงมือ แทบจะไม่มีการปรานีเลยสักนิด
ผู้อาวุโสใหญ่รับศึกที่หนักหน่วง เอ่ยอย่างขึงขังว่า”อาหน่วน ข้าจะถ่วงพวกเขาเอาไว้ เจ้ารีบกลับไปที่เผ่าหยก”
“ผู้อาวุโสใหญ่……”
กู้ชูหน่วนร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง พยายามคิดหาวิธีที่จะช่วยผู้อาวุโสใหญ่ออกมาจากอันตราย
ทันใดนั้น สายตาของนางก็หยุดอยู่ที่เรือนร่างสูงโปร่ง ท่าทีสง่างามราวกับเทพบุตรของเวินเส้าหยี
เวินเส้าหยีเตือนขึ้นอย่างอบอุ่นว่า
“อย่าเอาข้าเข้าไปร่วมกับแผนการของเจ้า ผู้อาวุโสใหญ่มีตำแหน่งสูงสุดอยู่ในเผ่าหยก พลังของเขาในใต้หล้านี้ก็ถือว่าอยู่ในอันดับต้นๆ ยากนักที่จะมีโอกาสดีๆเช่นนี้ สุดยอดผู้อาวุโสทั้งสองไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่ แม้ว่าเจ้าจะจับข้าเป็นตัวประกันก็ไร้ประโยชน์ อีกอย่างหากเจ้าจับข้าเป็นตัวประกัน มีแต่จะทำให้สุดยอดผู้อาวุโสยิ่งโกรธมากขึ้น การต่อสู้ครั้งนี้มีแต่จะยิ่งจบลงอย่างรวดเร็วเท่านั้น”
ในขณะที่ตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤต เงาร่างสีแดงราวกับภูตผีได้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจากที่ไกลๆ ปากก็ตะโกนเสียงดังลั่น “พี่สาว ในที่สุดข้าก็หาท่านจนพบ ”
“อาโม่”
“โอ้โห ยอดฝีมือขั้นสูงสุดระดับหก วันนี้มันวันอะไร ทำไมจึงมียอดฝีมือเยอะขนาดนี้ พี่สาว สองคนของเผ่าเทียนเฟิ่นคงไม่ได้มาเพราะเจ้ากระมัง”