อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 729 ทำไมเผ่าหยกถึงได้เกลียดเย่จิ่งหาน
“หัวหน้าเผ่า เป็นท่านจริงๆ?”
ผู้อาวุโสไป๋เฉ่าและผู้อาวุโสเก้ากับคนอื่นๆดีใจจนแทบคลั่ง แทบจะไม่กล้าเชื่อสายตาของตัวเอง
เผ่าหยกพยายามจนถึงที่สุดเพื่อปกป้องหัวหน้าเผ่าและมุกมังกร แต่ปกป้องได้ครึ่งทาง หัวหน้าเผ่าก็หายตัวไปแล้ว พวกเขาสืบหาทั่วทุกแห่งก็ไม่พบ
เมื่อได้เห็นพลุสัญญาณ พวกเขายังนึกสงสัยว่าเป็นผู้ใดที่กล้าหาญชาญชัยเดินเส้นทางนี้ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นหัวหน้าเผ่าของตัวเอง
ในที่สุดจิตใจอันตึงเครียดของเสี่ยวลู่ก็ผ่อนคลายลงแล้ว
ผู้อาวุโสของเผ่าหยกมาแล้ว พวกเขาน่าจะปลอดภัยแล้ว
ผู้อาวุโสไป๋เฉ่าตรวจดูกู้ชูหน่วนทั้งซ้ายและขวารอบหนึ่ง หลังจากที่มั่นใจแล้วว่านางไม่ได้บาดเจ็บ จึงได้รู้สึกโล่งอก
“หัวหน้าเผ่า ท่านไม่ได้เป็นอะไรช่างดีจริงๆ ท่านไม่รู้ว่าพวกเราเป็นห่วงแทบตายอยู่แล้ว”
“วางใจเถอะ ข้าไม่เป็นไร ท่านรีบเรียกลูกศิษย์ที่ออกไปเป็นกองหนุนให้กลับมา”
“ขอรับ ถูกแล้ว หัวหน้าเผ่า มุกมังกรล่ะ นำมุกมังกรกลับมาได้อย่างปลอดภัยหรือไม่?”
“นำกลับมาแล้ว”
ไป๋เฉ่าและคนอื่นๆตื่นเต้นจนพูดไม่ออก
พวกเขารอมานานกว่าหนึ่งพันปี หามาแล้วหนึ่งพันกว่าปี ในที่สุดก็รวบรวมมุกมังกรได้ครบแล้ว
ในที่สุดคำสาปโลหิตของเผ่าหยกก็ได้รับการช่วยเหลือแล้ว
เทียบกับความตื่นเต้นของผู้อาวุโสไป๋เฉ่าและคนอื่นๆ จิตใจของกู้ชูหน่วนนั้นกลับหนักอึ้งมาก
เพื่อมุกมังกรเม็ดนี้ ไม่รู้ว่ามีคนสละชีวิตไปมากน้อยเพียงใด
จอมมารเลิกคิ้ว พูดด้วยความเหลือเชื่อว่า “ท่านคือหัวหน้าเผ่าของเผ่าหยก ข้าควรจะเดาได้ตั้งแต่แรกแล้ว”
เจี่ยงเสวียก็มีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน
หัวหน้าเผ่าของเผ่าหยก นั่นเป็นถึงตำแหน่งอันสูงสุดที่ถูกกำหนดไว้โดยสมบูรณ์ แทบจะสามารถก้มหน้ามองดูใต้หล้าจากเบื้องบนได้อย่างทั่วถึงเชียว
หัวหน้าเผ่าหยกผู้สูงศักดิ์ จะอายุน้อยขนาดนี้ได้อย่างไร?
กู้ชูหน่วนพยักหน้า “เรื่องนี้เอาไว้ค่อยพูดกันหลังจากนี้ กลับไปก่อน”
หลังจากความปีติยินดี ไป๋เฉ่าและคนอื่นก็เพิ่งจะสังเกตเห็นว่า นอกจากกู้ชูหน่วนและเสี่ยวลู่แล้ว ตรงนี้ยังมีคนนอกอีกสามคน อีกทั้งหนึ่งในนั้นยังเป็นเย่จิ่งหานเทพสงครามอีกด้วย
เห็นเย่จิ่งหาน ผู้อาวุโสเก้าระเบิดเป็นคนแรก กระโดดขึ้นมาโดยตรง
“เย่จิ่งหานอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร ใครพาเขาเข้ามา? เสี่ยวลู่ เจ้าไม่รู้หรือว่าเย่จิ่งหานมีความเกี่ยวข้องอย่างไรกับเผ่าหยกของเรา? นึกไม่ถึงว่าจะกล้าพาเขาเข้ามาได้”
“เป็นข้าที่พาเข้ามา” กู้ชูหน่วนมองดูดวงตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดแค้นของผู้อาวุโสเก้า รวมทั้งลูกศิษย์ในเผ่าหยกที่ไม่พอใจด้วยความไม่เข้าใจ
ผู้อาวุโสเก้าทั้งโกรธทั้งเดือดดาลทั้งแค้น “หัวหน้าเผ่า ท่านพาเขามาถึงเผ่าหยกได้อย่างไร? หรือท่านลืมไปแล้วหรือว่า เผ่าหยกไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้ามา โดยเฉพาะเย่จิ่งหาน?”
“สถานการณ์คับขัน สุดยอดผู้อาวุโสผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่ของเผ่าเทียนเฟิ่นไล่ฆ่าพวกเรา หากว่าไม่พาพวกเขาเข้ามา เขาก็มีแค่ทางตายทางเดียว”
“เขาตายได้เป็นดีที่สุด พวกเราจะได้ไม่ต้องลงมือ”
“เหมือนว่าผู้อาวุโสเก้าจะไม่พอใจเขาเป็นอย่างมาก?”
“เหอะ เพียงแค่ข้าที่ไหนกัน ทั้งเผ่าหยกมีผู้ใดบ้างที่พอใจเขา? ไม่ต้องพูดว่าข้าไม่ยอม เผ่าหยกไม่ว่าผู้ใดก็ไม่เห็นด้วยทั้งสิ้น”
“ทำไม?” เป็นลูกชายลูกสาวของพระชายายู่เหมือนกัน ทำไมพวกเขาถึงได้กล้าลำเอียงอย่างเปิดเผยได้เช่นนี้
นางไม่เชื่อหรอกว่าจะเป็นเพียงเพราะพระชายายู่เคยถูกตัดสินให้ออกจากเผ่าหยกเท่านั้น
“อาหน่วน เจ้าบอกว่าสุดยอดผู้อาวุโสผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่ของเผ่าเทียนเฟิ่นไล่ฆ่าพวกเจ้าหรือ?” ไป๋เฉ่าแทรกประโยคหนึ่ง
“ใช่”
“เช่นนั้นพวกเรารีบกลับไปให้เร็ว แม้ว่าตรงนี้จะมีม่านอาคมคุ้มกันอยู่ แต่พลังของสุดยอดผู้อาวุโสเผ่าเทียนเฟิ่นก็ไม่สามารถประเมินค่าต่ำได้ รับประกันยากว่าพวกเขาจะไม่ทำลายม่านอาคมชั้นแรกเพื่อเข้ามาที่นี่”
“หากต้องกลับไป ข้าจำเป็นต้องพาพวกเขาไปด้วย”
“ไม่ได้” ผู้อาวุโสเก้าปฏิเสธตรงๆโดยไม่ได้คิด
“ไม่ว่าท่านจะพูดอะไรพวกเราก็จะทำตาม มีเพียงเรื่องนี้อย่างเดียวที่ไม่ได้”
ลูกศิษย์คนอื่นๆล้วนคุกเข่าลงทั้งหมด กล่าวเป็นเสียงเดียวกัน “หัวหน้าเผ่าได้โปรดถอนรับสั่ง”
แม้แต่ผู้อาวุโสไป๋เฉ่าที่เอ็นดูนางมาตลอด ก็ไม่ได้ยืนอยู่ข้างนางในคราวนี้ ทั้งยังกล่าวเกลี้ยกล่อมอีกว่า “อาหน่วน พาเย่จิ่งหานเข้าเผ่าหยกเป็นการกระทำที่ไม่ฉลาดจริงๆ หากว่าเขาเข้าสู่เผ่าหยก คนในเผ่าจะไม่ปล่อยเขาไป ถึงเวลาเขามีแต่จะถูกทำร้ายเท่านั้น”
“แต่ละคนล้วนบอกข้าว่าไม่ยอม งั้นก็ต้องให้ข้ารู้เหตุผลด้วยรึเปล่าล่ะ?”
“เรื่องนี้พูดแล้วยาว รอให้กลับไปถึงด้านในเผ่าแล้วพวกเราค่อยๆว่ากัน”
“เช่นนั้นก็พูดสั้นๆ หากพวกเขาไม่ได้เข้าเผ่าหยก ข้าก็จะไม่กลับไป”
“นี่……”
ทุกคนอยากจะพูดแต่ก็หยุดแล้ว คิดจะพูดอะไรหน่อย ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหน
สุดท้ายหลังจากที่ผู้อาวุโสไป๋เฉ่าได้หารือกับผู้อาวุโสเก้าแล้ว ก็ต่างพากันถอยไปก้าวหนึ่ง
“เช่นนี้ละกัน นอกจากเย่จิ่งหานและเจี่ยงเสวีย ยกเว้นให้จอมมารเข้าไปที่เผ่าหยกได้”
พริบตานั้นที่จอมมารได้ยินก็อารมณ์ดีขึ้นทันใด ยิ้มเชิดหน้าอย่างภาคภูมิใจไปทางกู้ชูหน่วน
ยังคงเป็นเขาที่มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ก่อนหน้านี้ตีจนพี่สาวได้รับบาดเจ็บสาหัสแทบเสียชีวิต ตาเฒ่าเหล่านั้นของเผ่าหยกก็ไม่ได้ติดใจเอาความกับเขา
ดูเหมือนต่อจากนี้เขาจะต้องให้ความเกรงใจกับตาเฒ่าเหล่านี้ของเผ่าหยกให้มากขึ้นหน่อยแล้ว
“ปู่ไป๋เฉ่า ปู่เก้า พวกท่านรู้จักนิสัยของข้า หากว่าไม่ให้เหตุผลที่สมเหตุผล ข้าก็จะไม่ละทิ้งพวกเขา”
ไป๋เฉ่ากัดฟัน “เช่นนั้นก็ให้เจี่ยงเสวียเข้าไป เย่จิ่งหานจะพูดอย่างไรก็ไม่สามารถให้เข้าไปได้”
ศิษย์คนหนึ่งมารายงานด้วยความรีบร้อน “หัวหน้าเผ่า ผู้อาวุโส มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญสี่คนเข้ามาตรงสระบัว ดูการแต่งตัวแล้วเป็นคนของเผ่าเทียนเฟิ่น อีกทั้งวิทยายุทธก็ไม่เลวอีกด้วยขอรับ”
ได้ยินดังนั้น ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็เดาออกกันหมดแล้ว
เป็นสุดยอดผู้อาวุโสผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่ของเผ่าเทียนเฟิ่น
พวกเขาทำลายม่านอาคมชั้นที่หนึ่งไล่ตามมาด้านในแล้วจริงๆ
“ตาเฒ่าหนังเหนียวทั้งสี่นี่ ทำร้ายสังหารคนเผ่าหยกของพวกเราไปมากมายเท่าไหร่ ครั้งนี้ข้าจะทำให้พวกเขามาแล้วไม่ได้กลับไปอีก”
ไป๋เฉ่าดึงผู้อาวุโสเก้าไว้ กล่าวตำหนิเบาๆว่า “ถอนคำสาปโลหิตเป็นสิ่งสำคัญ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย สระบัวแห่งนี้อาจจะทำอะไรพวกเขาไม่ได้ รีบกลับไปยังจะดีซะกว่า สกัดกั้นทางเข้าม่านอาคมชั้นที่สองให้สมบูรณ์ เลี่ยงไม่ให้พวกเขาหาเผ่าหยกพบ”
ผู้อาวุโสเก้าทั้งโกรธและเกลียดชัง
ไม่ง่ายที่จะมีโอกาสดีๆเช่นนี้ แต่กลับไม่มีทางสังหารพวกเขาได้ ช่างน่าหงุดหงิดใจจริงๆ
แต่ไป๋เฉ่าพูดถูก หากพวกเขามีเพียงแค่คนเดียว ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว สระบัวพอจะสามารถรับมือได้
บังเอิญพวกเขามากันสี่คน
ศักยภาพเช่นนี้ ไม่ใช่คนธรรมดาจะสามารถต่อกรได้
คนมากมายในเผ่าล้วนออกไปหมดแล้ว ยอดฝีมือที่เหลืออยู่ในเผ่าก็มีไม่มาก
ทุกคนต้องการที่จะกลับไปอย่างรวดเร็ว แต่กู้ชูหน่วนและเจี่ยงเสวียก็ดันไม่ขยับสักนิด
ไป๋เฉ่ากระทืบเท้าด้วยความร้อนใจสุดขีด “อาหน่วน เจ้าเป็นหัวหน้าเผ่าของเผ่าหยก เจ้าไม่สามารถทำเรื่องเลอะเทอะในเวลานี้ได้”
“ท่านเห็นข้าโตมาตั้งแต่ยังเด็ก ข้านิสัยอย่างไร ท่านจะไม่รู้เช่นนั้นหรือ? ทำไมพวกท่านถึงได้เกลียดเย่จิ่งหานกันแน่?”
“ยังจะเพราะอะไรได้อีก ใครใช้ให้เขามีแม่จอมหลอกลวงที่น่ารังเกียจเช่นนั้นล่ะ”
“ท่านพูดถึงพระชายายู่? แต่ข้าก็เป็นลูกสาวของพระชายายู่เช่นกันไม่ใช่หรือ?”
“อาหน่วน เรื่องนี้พูดแล้วยาว……”
“ท่านอย่ามาพูดพร่ำกับข้าอยู่ตลอดว่าพูดแล้วเรื่องยาว ถ้าไม่พูดสั้นๆ ก็ให้เย่จิ่งหานเข้าไปในเผ่า ไม่เช่นนั้น พวกท่านของเอามุกมังกรกลับไปเองละกัน”
“เจ้า……เจ้าอยากให้พวกข้าโมโหตายใช่หรือไม่?”
“พวกท่านก็เรียกข้าว่าหัวหน้าเผ่าแล้ว หรือว่าข้าที่เป็นถึงหัวหน้าเผ่าผู้สูงส่ง แม้แต่จะพาคนผู้หนึ่งกลับเผ่าก็ไม่มีอำนาจงั้นหรือ? หรือว่าที่พวกท่านทำดีกับข้าตั้งแต่ต้นจนจบ ก็เพื่อให้ข้าหลอมรวมมุกมังกร ถอนคำสาปโลหิตเท่านั้น?”
“อาหน่วน เจ้าพูดเช่นนี้ช่างทำร้ายความรู้สึกคนเกินไปแล้ว คนในเผ่าปฏิบัติต่อเจ้าอย่างไร ตัวเจ้าเองสัมผัสไม่ได้งั้นหรือ?”
“ก็เพราะว่าสัมผัสได้ ดังนั้นข้าจึงยิ่งไม่เข้าใจว่า ทำไมพวกท่านยอมรับข้าได้ แต่กลับยอมรับเย่จิ่งหานไม่ได้”