อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 730 กลัวว่าจะยืนหยัดต่อไปไม่ไหวแล้ว
“รายงาน…..หัวหน้าเผ่า สุดยอดผู้อาวุโสผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่ของเผ่าเทียนเฟิ่นได้ทำลายม่านอาคมชั้นแรก และกำลังเร่งมาทางนี้แล้วขอรับ”
อะไร……
ทำลายทะลุผ่านม่านอาคมชั้นแรกได้ไวขนาดนี้เชียวเหรอ?
สระบัวกักขังพวกเขาได้เพียงเวลาแค่ครู่เดียวเท่านั้นหรือ?
พลังวิทยายุทธตาแก่หนังเหนียวทั้งสี่นี่ยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆแล้ว
“หัวหน้าเผ่า เรื่องนี้รอช้าไม่ได้ พวกเรารีบเข้าสู่อาคมชั้นที่สอง จำเป็นต้องปิดผนึกประตูม่านอาคมชั้นที่สองไว้”
กู้ชูหน่วนเหลือบตามองท้องฟ้า เหมือนจะไม่ได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสเก้า
ผู้อาวุโสไป๋เฉ่าและผู้อาวุโสเก้ากลุ้มใจจนหัวหมุน สุดท้ายผู้อาวุโสไป๋เฉ่าก็ตบหน้าขาทีหนึ่ง “ช่างเหอะ เช่นนั้นก็ให้เย่จิ่งหานเข้าไปที่เผ่าเถอะ แต่หลังจากที่เข้าไปในเผ่าแล้ว คนในเผ่าจะทำอะไรกับเขาข้าไม่สามารถรับประกันได้ ถึงเวลาหากว่าเขาเกิดเรื่อง เจ้าก็อย่ามาโทษข้าละกัน”
ผู้อาวุโสเก้ากล่าวอย่างรีบร้อน “ไป๋เฉ่า เจ้าให้เขาเข้าไปที่เผ่าหยกได้อย่างไรกันน่ะ ตอนนั้นแม่ของเขาทรยศเผ่าหยกอย่างไร เจ้าลืมไปแล้วงั้นหรือ?”
“เจ้าไม่เห็นท่าทีของหัวหน้าเผ่าหรือ? หากเขาไม่เข้าไป หัวหน้าเผ่าจะเข้าไปหรือ? คนทั้งเผ่าของพวกเราล้วนกำลังรอมุกมังกรและหัวหน้าเผ่าอยู่ อีกทั้งสุดยอดผู้อาวุโสผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่ของเผ่าเทียนเฟิ่นก็ต่อกรด้วยไม่ง่าย”
“แต่ว่า…..แต่ว่ายังไงซะ……เห้อ ช่างเถอะช่างเถอะ เรื่องนี้ข้าไม่สนใจแล้ว หลังจากเข้าไปในเผ่าแล้วค่อยว่ากันละกัน”
“ดังนั้น พวกท่านเกลียดเย่จิ่งหาน เพียงเพราะตอนนั้นแม่ของเย่จิ่งหานหนีไปกับฮ่องเต้่เย่ ทำให้การส่งมอบมุกมังกรกลับมาล่าช้า ทรยศต่อกฎของเผ่างั้นหรือ” กู้ชูหน่วนเอ่ยถาม
“หึ แม่ของเขาก็ไม่ใช่คนดีอะไร? ไอ้คนอกตัญญู เสียดายที่พวกเราเอ็นดูนางขนาดนั้น สุดท้ายก็ทำร้ายเผ่าหยกซะจนน่าอนาถ”
กู้ชูหน่วนยังคงมีความสงสัยอยู่เต็มอก
นางไม่ได้มีแม่คนเดียวกันกับเย่จิ่งหานหรอกหรือ?
ในเมื่อเกลียดพระชายายู่ขนาดนั้น ก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่เกลียดนางแม้แต่น้อยนี่นา?
หรือจะบอกว่า……
เดิมทีพวกเขาก็ไม่ได้มีแม่คนเดียวกัน
กู้ชูหน่วนยังคิดจะถามอีก แต่แรงสังหารยิ่งหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ กู้ชูหน่วนทำได้เพียงระงับความสงสัยไว้ในหัวใจ นำพาทุกคนเข้าไปในม่านอาคมชั้นที่สองทันที
เนื่องจากเผ่าหยกไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้ามา แม้ว่าครั้งนี้จะให้จอมมารและคนอื่นๆเข้ามา แต่กลับต้องขอให้ปิดตาไว้
จอมมารไม่พอใจ แต่เพื่อกู้ชูหน่วน เขาก็ปิดตาเหมือนเจี่ยงเสวีย เย่จิ่งหานและคนอื่นๆแล้ว
เพิ่งจะเข้าสู่ม่านอาคมชั้นที่สอง สุดยอดผู้อาวุโสผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่ก็ไล่ตามมาแล้ว
เพียงแค่อีกนิดเดียว อีกนิดเดียวเท่านั้นพวกเขาก็จะถูกไล่ตามทันแล้ว
“ม่านอาคมชั้นที่สอง จะขวางกั้นพวกเขาได้เหรอ?” กู้ชูหน่วนไม่วางใจเล็กน้อย ม่านอาคมชั้นที่หนึ่งร้ายกาจขนาดนั้น พวกเขายังสามารถทำลายได้ในเวลาอันสั้น แล้วม่านอาคมชั้นที่สองจะขวางกั้นได้นานเพียงใดกัน
“ไม่ต้องเป็นห่วงวางใจเถอะ ม่านอาคมชั้นที่สองนอกจากจะมีผู้ที่มีศักยภาพถึงระดับเจ็ดมาทำลาย ไม่เช่นนั้นไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถทำลายได้ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นขั้นสุดยอดระดับหกก็ไม่สามารถทำลายได้”
“แต่ความแข็งแกร่งของทั้งสี่คนรวมกัน ก็สามารถพอที่จะต่อกรกับยอดฝีมือระดับเจ็ดได้แล้ว”
“วางใจเถอะ พวกเขาทำลายชั้นที่สองไม่ได้ แม้ว่าจะทำลายได้ ก็ยังมีชั้นที่สามอีกน่ะ ชั้นที่สามแม้ว่าจะเป็นขั้นสุดยอดระดับเจ็ดก็ไม่สามารถทำลายได้”
กู้ชูหน่วนไม่เข้าใจว่า ทำไมผู้อาวุโสไป๋เฉ่าและคนอื่นๆถึงมั่นใจเพียงนี้
หรือว่าเผ่าหยกยังมียอดฝีมือที่เหนือชั้นกว่าขั้นสุดยอดระดับเจ็ดอีกงั้นหรือ?
ผู้อาวุโสไป๋เฉ่ายิ้มเจื่อน “หัวหน้าเผ่า เจ้าประเมินเผ่าหยกสูงไปแล้ว หลายปีมานี้คนในเผ่าหยกได้รับความทุกข์ทรมานจากคำสาปโลหิต ไร้กะจิตกะจิตจะฝึกซ้อมวิทยายุทธ อีกทั้งแม้จะมีคนที่มีพรสวรรค์ในศิลปวิทยายุทธ ก็มีชีวิตอยู่ได้ไม่นานขนาดนั้น จะถึงขั้นสุดยอดระดับเจ็ดได้อย่างไร”
“เช่นนั้นคือ……”
“นั้นเป็นสิ่งที่บรรพบุรุษจัดวางไว้ในอดีต หลายปีมาแล้ว ตอนนี้ผ่านไปหลายร้อยปีแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเผ่าหยก ทุกสำนักในโลกหล้านี้ก็ไม่มีผู้ใดที่จะมีศักยภาพพอจะไปถึงขั้นสุดยอดระดับเจ็ดได้”
“จริงหรือ เช่นนั้นบรรพบุรุษของเผ่าหยกก็มีความสามารถที่ยิ่งใหญ่เลยทีเดียว”
กู้ชูหน่วนเดินตามไป๋เฉ่าและคนอื่นๆไปด้านหน้าตลอดทาง
จอมมารฉวยโอกาสจากสถานการณ์นี้เพื่อพิงอยู่ในอ้อมแขนของกู้ชูหน่วน พยายามออดอ้อนออเซาะอย่างถึงที่สุด
กู้ชูหน่วนผลักเขาออกไปสองสามครั้ง ไม่นานเขาก็เอนพิงขึ้นมาเหมือนงูที่ไม่มีกระดูกเช่นนั้น ทำให้นางเหนื่อยจนเหงื่อไหลอยู่ตลอด
“เจ้าเดินดีๆไม่ได้หรือไง?” กู้ชูหน่วนกล่าวด้วยความรำคาญ
จอมมารน้อยใจเป็นที่สุด กล่าวด้วยความขุ่นเคือง “คนอื่นเขาปิดตาอยู่มองไม่เห็นทางนี่นา หากว่าหกล้มไปจะทำอย่างไร? แล้วคนอื่นเขาก็เพิ่งจะเสียเลือดไปเป็นอย่างมากอีกด้วย ทั้งร่างไร้กำลัง พี่สาว ท่านไม่ได้บอกว่าจะปกป้องข้าหรือ? หรือว่าก่อนหน้านี้ล้วนเป็นการโกหกข้า”
โธ่เว้ย นี่มันสีหน้าท่าทางความขุ่นเคืองอะไร?
ศิษย์ในเผ่าต้องการจะประคองเขา เป็นใครกันที่ไม่ยอมให้ประคอง?
นางจะไม่รู้ได้ยังไงว่าในใจของเขาคิดอะไรอยู่บ้าง
“ข้าจูงเจ้า เจ้าไม่ต้องพิงเข้ามา หนักจะตายอยู่แล้ว”
“ได้เลย”
ไม่รอให้กู้ชูหน่วนเอื้อมมือไปจูงเขา จอมมารก็สามารถคว้ามือเรียวๆของกู้ชูหน่วนไว้ได้ในความมืดที่ถูกปิดตาอยู่ได้ทันที การเคลื่อนไหวอย่างชำนาญนั่น เหมือนคนตาบอดที่มองไม่เห็นที่ไหนกัน
กู้ชูหน่วนปล่อยให้เขาจับไป แล้วเอ่ยถามไปทางไป๋เฉ่าและคนอื่นๆ
“ด้านนอกเป็นอย่างไรบ้างแล้ว? มีข่าวคราวจากผู้อาวุโสใหญ่แล้วหรือไม่? คนของพวกเราเสียหายไปเช่นไรบ้าง?”
“ตามประสงค์ของหัวหน้าเผ่า ได้ถอนคนกลับมาหมดแล้ว พวกเราได้รับความเสียหายหนักเล็กน้อย แต่เอามุกมังกรมาได้ ทุกอย่างก็คุ้มค่าแล้ว สำหรับผู้อาวุโสใหญ่……ชั่วขณะนี้ยังไม่มีเบาะแส มีผู้อาวุโสในเผ่าของเราไปสืบหาผู้อาวุโสใหญ่แล้วขอรับ”
“พี่เฉินเฟยล่ะ เขา……ยังอยู่ดีหรือไม่?”
ขณะที่กู้ชูหน่วนถามถึงสถานการณ์ของอี้เฉินเฟย แม้แต่ตัวนางเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าหัวใจของนางเต้นเร็วขึ้น หวาดหวั่นจนแทบไม่กล้าฟังคำตอบของพวกเขา
ผู้อาวุโสไป๋เฉ่าผู้อาวุโสเก้าและคนอื่นต่างพากันนิ่งเงียบแล้ว ไม่ได้ตอบเป็นเวลานาน
“เขา……ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?”
“มีชีวิตอยู่……”
“หลอมรวมมุกมังกรจำเป็นต้องใช้เวลานานเท่าไหร่?”
“ประมาณ……ประมาณเจ็ดวัน”
“ปู่ไป๋เฉ่า ท่านก็เป็นหมอผู้หนึ่ง ท่านบอกข้ามาตามจริง พี่เฉินเฟยยังสามารถทนอยู่ได้ถึงเจ็ดวันหรือไม่?”
“นี่……เขาป่วยหนักมาก โดยละเอียดแล้วข้าก็ไม่กล้ารับรอง”
สามารถฝืนทนได้ถึงตอนนี้ ก็สุดถึงขีดสุดแล้ว
ฐานะที่เป็นหมอ เขาก็แทบไม่อยากจะเชื่อว่า อี้เฉินเฟยจะอาศัยจิตใจที่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่ของตัวเองฝืนมีชีวิตอยู่มาได้จนถึงตอนนี้จริงๆ
ไป๋เฉ่าเข้าใจอยู่ไม่มากก็น้อยว่า หากไม่ได้เห็นอาหน่วน อี้เฉินเฟยก็คงตัดใจหลับตาลงไปไม่ได้ ดังนั้นจึงฝืนทนด้วยลมหายใจเฮือกสุดท้ายรออาหน่วนกลับมาโดยตลอด
เขาไม่กล้าจินตนาการจริงๆว่า หลังจากที่อี้เฉินเฟยได้พบอาหน่วนแล้ว จะสิ้นลมจากไปโดยตรงด้วยความโล่งอกหรือไม่
“มีวิธีใดที่จะย่นระยะเวลาในการหลอมรวมมุกมังกรบ้างหรือไม่?” กู้ชูหน่วนกำหมัดแน่น จิตใจตึงเครียดขึ้นมา
ความรู้สึกของนางจอมมารสัมผัสได้ทั้งหมดแล้วจริงๆ
เย่จิ่งหานคนเดียวก็พอแล้ว ทำไมถึงได้มีอี้เฉินเฟยมาอีกคน?
ในใจของพี่สาว คงจะไม่ได้มีแค่อี้เฉินเฟยสินะ?
“เอ่อ…….เจ็ดวันก็เร่งรีบมากแล้วล่ะนะ ในส่วนที่ว่าจะมีวิธีที่เร็วกว่านี้หรือไม่ ก็ทำได้เพียงถามผู้อาวุโสใหญ่แล้ว ผู้อาวุโสใหญ่อาจจะรู้มากกว่านี้ก็ได้”
กู้ชูหน่วนรีบเร่งความเร็ว ปรารถนาที่จะกลับไปให้ถึงเผ่าหยกให้โดยเร็วที่สุด
วิ่งพุ่งไปด้วยรวดเร็วตลอดทาง ผู้อาวุโสเก้าเปิดประตูม่านอาคมสุดท้าย ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงเผ่าหยกแล้ว
พวกเขาเดินวนไปมาตลอดทาง กู้ชูหน่วนเองก็วนอ้อมจนเวียนหัวแล้ว และไม่รู้ว่าเดินผ่านม่านอาคมไปมากน้อยเพียงใด
ประชาชนในเผ่าหยกไม่น้อยที่ได้รับข่าวก่อน ต่างพากันวิ่งมาต้อนรับกู้ชูหน่วนที่ทางออกของม่านอาคม
พวกเขาตื่นเต้นมีชีวิตชีวา ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง แต่ละคนคุกเข่าลงไป ตะโกนกล่าวเสียงดัง “หัวหน้าเผ่า ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว”