อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 743 วิชาดอกไม้ผลิบานอีกครั้ง
เพราะเกรงว่าการวิเคราะห์ที่ผิดพลาดของเขา จะทำให้กู้ชูหน่วนและผู้อาวุโสเผ่าหยกเกิดความขัดแย้ง
กู้ชูหน่วนลูบคาง นึกย้อนถึงคำพูดของเวินเส้าหยีอย่างถี่ถ้วน ก็รู้สึกได้รางๆว่ามีบางอย่างผิดปกติ
แต่นางครุ่นคิดอยู่นานก็คิดไม่ออกว่าตรงไหนผิดปกติกันแน่ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“พี่หน่วน ข้ายืมเสื้อผ้าของเจ้าสำนักชิงมาได้แล้ว นี่ สีขาว เจ้าสำนักชิงบอกว่า สีขาวเหมาะกับเขา”
สีขาวเหมาะกับเขามากจริงๆ
แต่เขาบาดเจ็บสาหัสมาก สวมเสื้อผ้าสีขาวเกรงว่าไม่ช้าก็จะถูกย้อมเป็นสีแดงอีก
ช่างเถอะ มีให้ใส่ก็ดีแล้ว ดีกว่าต้องแก้ผ้าทั้งตัว
กู้ชูหน่วนโยนเสื้อผ้าให้เวินเส้าหยี จากนั้นก็ดื่มเหล้าในไหหมดในอึกเดียว พูดเบาๆว่า “ฝืนใส่ไปก่อนละกัน สองสามวันนี้เจ้าก็อยู่ที่นี่ให้ดีๆ จะไม่มีคนมาตีเจ้าอีก และจะไม่มีผู้ใดกล้าเอาอาหารบูดมาให้เจ้าอีก”
“พี่หน่วน พี่จะไปไหน?”
“หลังจากนี้เจ้ารับผิดชอบเรื่องอาหารการกินอยู่ของเวินเส้าหยี ควรทำอย่างไร เจ้าน่าจะรู้ดี”
“อินเอ๋อร์เข้าใจ พี่หน่วนวางใจได้ เห็นแก่ที่เขาเคยช่วยชีวิตของท่านไว้ ข้าจะดูแลเขาอย่างดีแน่นอน ถูกแล้ว พี่หน่วน ข้าจะแอบบอกท่านเรื่องหนึ่งนะ”
“เรื่องอะไร ลึกลับขนาดนี้”
อินเอ๋อร์กวักมือเรียกกู้ชูหน่วน กล่าวเบาๆ “เจ้าสำนักชิงหายป่วยแล้ว”
“อะไร? พี่เฉินเฟยหายแล้วหรือ?” กู้ชูหน่วนพูดเสียงหลง
เป็นไปได้อย่างไร…….
ก่อนหน้านี้ไม่นานนางเพิ่งออกมาจากบ้านของเขา เห็นได้ชัดว่าป่วยจนรักษาไม่ได้แล้ว
หรือว่าเป็นอาการกระปรี้กระเปร่าก่อนจะตาย?
นึกถึงอาการกระปรี้กระเปร่าก่อนจะตาย กู้ชูหน่วนจิตใจเต้นเร็วขึ้นอย่างอดไม่ได้
อินเอ๋อร์พยักหน้าด้วยความจริงจังมาก “จริงๆ เจ้าสำนักชิงไม่เพียงสามารถลุกขึ้นมายืนบนพื้นได้ ยังเข้าครัวได้อีกด้วย ข้าเห็นกับตาว่าเจ้าสำนักชิงทำขนมดอกไม้มากมายอยู่ในครัว ข้ายังได้ยินเขาพูดอีกว่า อาหน่วนชอบกินขนมดอกไม้ที่สุด อยากทำให้ท่านกินมากๆหน่อย”
“ตอนแรกข้ายังคิดว่าตัวเองดูผิด แต่เพื่อนของท่าน ก็คือจอมมารผู้นั้นก็อยู่กับเจ้าสำนักชิงด้วย ยังจะเรียนทำขนมดอกไม้กับเจ้าสำนักชิงอีกด้วย บอกว่าหลังจากนี้ก็อยากทำให้พี่หน่วนกินเช่นกัน”
“พี่หน่วน ท่านว่าทั้งๆที่เจ้าสำนักชิงป่วยหนักมากขนาดนั้น ปู่ไป๋เฉ่าก็บอกว่าไม่มียาสามารถรักษาได้แล้ว ทำไมผ่านไปแค่ชั่วครู่เดียวก็หายหมดแล้วล่ะ? หรือว่าเผ่าหยกของพวกเรายังมีคนที่มีวิชาการรักษาสูงส่งคนไหนทำการรักษาให้เขาเช่นนั้นหรือ? แต่ผู้ที่มีวิชาการรักษาสูงส่งที่สุดก็ไม่ใช่ท่านและปู่ไป๋เฉ่าหรือไง? ยังมีผู้ใดที่สามารถช่วยรักษาให้เขาได้อีกหรือ?”
อินเอ๋อร์ยังพูดพร่ำอยู่
แต่กู้ชูหน่วนยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกผิดปกติ
ทีแรกนางอยากไปดูเย่จิ่งหาน ตอนนี้เมื่อได้ยินเช่นนี้ นางไม่มีกะจิตกะใจไปดูเย่จิ่งหานแล้ว พุ่งตรงไปที่บ้านไม้ไผ่ของอี้เฉินเฟยทันที กลัวว่าผู้อาวุโสใหญ่และคนอื่นๆจะทำอะไรกับเขา
แม้ว่าอินเอ๋อร์จะกดเสียงต่ำ เวินเส้าหยีก็ยังได้ยินหมดทุกคำแล้ว
คิ้วสีหมึกที่งดงามเหมือนดั่งขุนเขาของเขาขมวดแน่น ในสมองมีคำหนึ่งแวบเข้ามาอย่างอดไม่ได้ วิชาดอกไม้ผลิบานอีกครั้ง……
กระบวนท่าไม้ตายที่จอมมารเป็นผู้สร้างขึ้นเอง…..
และเป็นหนึ่งในกระบวนท่าไม้ตายสิ่งที่ทำให้เขาภาคภูมิใจ…..
อินเอ๋อร์งงงัน
พี่หน่วนวิ่งไปเร็วขนาดนั้นทำไม?
เพราะว่าเจ้าสำนักชิงหายป่วยแล้ว จึงดีใจหรือ?
เมื่อคิดได้ว่าเจ้าสำนักชิงที่หายป่วยแล้ว นางก็ดีใจแทนนางเช่นกัน
ขณะที่หันหน้าไปนั้นกลับเห็นสีหน้าของเวินเส้าหยีไม่น่าดู ร่างกายอดสั่นเทาไม่ได้
อินเอ๋อร์นั่งยองลง เอ่ยถาม “เจ้าเป็นอะไรเหรอ? ไม่สบายหรือ? แม้ว่าเจ้าจะดูไม่เหมือนคนเลว แต่พวกผู้อาวุโสเคยบอกว่า เผ่าเทียนเฟิ่นไม่มีสักคนที่เป็นคนดี เมื่อครู่เจ้ายังดีๆอยู่เลย ตอนนี้กลับเกิดอาการสั่นเทา เจ้าคงไม่ได้อยากให้ข้าเห็นใจแล้วปล่อยเจ้าไปหรอกนะ?”
“ข้าจะบอกเจ้า ข้าจะไม่หลงกลเจ้า ยิ่งจะไม่ปล่อยเจ้าไปด้วย เจ้าตัดใจซะเถอะ”
เสียงของเวินเส้าหยีมีความแหบพร่าเล็กน้อย ดวงตาที่อ่อนโยนคู่นั้นฉาบไปด้วยความกังวล
“เย่จิ่งหานล่ะ?”
“ยังสลบอยู่น่ะ นู้น อยู่ในกระท่อมข้างๆที่อยู่ไม่ไกลนักหลังนั้น”
“สลบ?”
และก็คือไม่มีทางได้อยู่เป็นเพื่อนปลอบใจกู้ชูหน่วนแล้ว
“นี่ เจ้าคิดจะทำอะไร? คงไม่ได้คิดแผนการร้ายอะไรอยู่หรอกนะ? หากว่าเจ้ากล้าคิดไม่ดี ข้าก็จะบอกพี่หน่วนกับผู้อาวุโส”
“นาง……คืนนี้นางจะเสียใจมาก เจ้ามีเวลาว่างก็ไปอยู่เป็นเพื่อนนางให้มากๆเถอะ”
“นาง? นางคือใคร? พี่หน่วนหรือ? พี่หน่วนจะเสียใจได้ยังไง นางแทบจะดีใจไม่ทันน่ะสิ เจ้าไม่รู้หรอกว่านางกับเจ้าสำนักชิงมีความสัมพันธ์กันแน่นแฟ้นขนาดไหน”
อินเอ๋อร์โบกมืออย่างไม่แยแส ฮัมเพลงออกจากบ้านไป รู้สึกเพียงแค่คำพูดของเวินเส้าหยีน่าขันมากเท่านั้น
เมื่อเทียบกับความสุขใจของอินเอ๋อร์ จิตใจของเวินเส้าหยีกลับหนักหน่วงมาก ชำเลืองมองทางที่กู้ชูหน่วนจากไปโดยไม่ได้เก็บสายตากลับมาอยู่นาน
ที่เรียกว่าวิชาดอกไม้ผลิบานอีกครั้งก็คือการใช้วิชาลับทำให้คนป่วยไร้หนทางเยียวยา คนที่ใกล้จะตายแปรเปลี่ยนไปใหม่อีกครั้ง
หลังจากแปรเปลี่ยนไป คนผู้นั้นก็จะเป็นเหมือนคนธรรมดา มองไม่เห็นความผิดปกติใดๆ
แต่แขนขาและกระดูกทั้งหมด เส้นเอ็นเส้นเลือดทั้งร่างกายของเขาจะถูกทำลายทั้งหมด อย่างมากที่สุดก็สามารถอยู่ได้เพียงหนึ่งวัน
พูดแบบไม่น่าฟังหน่อย วิชาดอกไม้ผลิบานอีกครั้งก็คือการฝืนบังคับดูดสารหล่อเลี้ยงร่างกายของคนไปทั้งหมด แล้วให้รางวัลเป็นเวลาเพียงเล็กน้อยที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อถ่ายทอดคำสั่งเสีย
ในการต่อสู้วันนั้น อี้เฉินเฟยได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังสละชีวิตช่วยกู้ชูหน่วนอีก จากร่างกายของเขาแล้วเป็นไปไม่ได้ที่จะดีขึ้นได้
ทนมาได้ถึงตอนนี้ก็ถึงขีดจำกัดแล้ว
คงเป็นเพราะเขารู้ว่าจะมีชีวิตได้อีกไม่นาน จึงขอร้องให้จอมมารช่วยเขาสินะ……
เขานึกภาพไม่ออก หลังจากที่อี้เฉินเฟยตายแล้ว กู้ชูหน่วนจะโศกเศร้ามากเพียงใด ทำได้เพียงชำเลืองมองดูเงาหลังที่ไกลออกไปของนางนิ่งๆอยู่เป็นเพื่อนนางเงียบๆ
ในบ้านไม้ไผ่ ทันทีที่กู้ชูหน่วนก้าวเข้ามาก็ได้กลิ่นหอมของดอกไม้ที่ทำให้คนสดชื่นอย่างฉับพลัน
อี้เฉินเฟยในชุดสีขาวทั้งตัว สง่างามสะอาดสะอ้าน เข้าคู่กับโฉมหน้าอันหล่อเหลาของเขา งดงามจนไม่เหมือนผู้ชายในโลกมนุษย์
เขายกขนมดอกไม้มาแล้ววางบนโต๊ะทีละจานๆ เห็นกู้ชูหน่วนบุกเข้ามา มุมปากก็ปริเป็นรอยยิ้มอันอ่อนโยน “ข้ายังคิดว่าจะรอจนทำเสร็จทั้งหมดแล้วค่อยไปเรียกเจ้า สร้างความประหลาดใจให้เจ้า คิดไม่ถึงว่าจมูกเจ้าจะไวขนาดนี้ วิ่งมากินขนมไวขนาดนี้เชียว”
ทั้งบ้านเต็มไปด้วยขนมดอกไม้ มีทุกรสชาติ ทั้งยังมีอาหารและเหล้าที่นางโปรดปรานอีกมากมาย
ในครัว จอมมารม้วนแขนเสื้อขึ้น กำลังยุ่งอยู่กับการนวดแป้ง เมื่อเห็นนางมา ก็อดไม่ได้ที่จะวางก้อนแป้งในมือลงแล้ววิ่งเข้ามา
“พี่สาว ได้ยินว่าท่านชอบกินขนมดอกไม้ที่อี้เฉินเฟยทำ ข้าจึงเรียนเคล็ดลับจากเขาสองสามอย่าง ไว้ทำให้ท่านกินหลังจากนี้”
กู้ชูหน่วนมองดูใบหน้าที่แดงก่ำของเขา เอ่ยขึ้นด้วยความตะลึง “พี่เฉินเฟย ท่าน…..”
“ประหลาดใจใช่หรือไม่? ข้าก็ประหลาดใจเช่นกัน คิดไม่ถึงว่าอาการป่วยของข้าจะยังสามารถหายได้ สุดยอดผู้อาวุโสเข้าฌานหลายวัน คิดหาวิธีรักษาอาการป่วยของข้ามาโดยตลอด เมื่อครู่ เขาก็คิดวิธีได้ในที่สุด และปรุงยาให้ข้าเสร็จสรรพ ข้ากินเพียงชุดเดียว สุขภาพร่างกายก็ดีขึ้นมากแล้ว”
กู้ชูหน่วนไม่ได้เชื่อแม้สักคำ
นางก็เป็นหมอ
แต่นางก็ไม่รู้ว่าคนที่ใกล้จะตายผู้หนึ่งนั้น มียาวิเศษอะไรที่สามารถฟื้นฟูได้ในทันที
ยิ่งไปกว่านั้นบนตัวเขายังมีคำสาปโลหิตอยู่ด้วยเชียวนะ
จับชีพจรของอี้เฉินเฟย คราวนี้เขาไม่ได้ปฏิเสธอีก แต่ปล่อยให้นางจับชีพจรอย่างเปิดเผย
ชีพจรของอี้เฉินเฟยแข็งแกร่งมีพลัง ไม่เหมือนผู้ป่วยโดยสิ้นเชิง กลับเป็นเหมือนคนธรรมดาทั่วไปเช่นนั้น
แผลเก่าบนร่างกายของเขาก็ฟื้นฟูทั้งหมดอย่างอธิบายไม่ได้
นี่……
“ผู้อาวุโสไป๋เฉ่าก็ตรวจชีพจรให้ข้าแล้ว บอกว่าอาการบาดเจ็บบนตัวของข้าฟื้นฟูหมดแล้ว เขาก็ไม่อยากจะเชื่อเช่นกันน่ะ”
“ท่านแน่ใจหรือว่าเป็นสุดยอดผู้อาวุโสที่รักษาท่านจริงๆ?”
“พี่เฉินเฟยเคยโกหกเจ้าซะเมื่อไหร่กัน?”
“เช่นนั้นสุดยอดผู้อาวุโสท่านนั้นอยู่ที่ไหน ข้าจะไปพบเขา”
“สุดยอดผู้อาวุโสไม่ได้ออกจากการเข้าฌาน เพียงแต่ให้คนเอายามามอบให้ข้า เขายังเข้าฌานอยู่น่ะ”
เข้าฌานอะไร เผ่าหยกย่ำแย่แค่ไหนแล้ว ยังจะเข้าฌานอยู่อีกน่ะรึ