“ท่านแน่ใจหรือว่าท่านพ่อท่านแม่ของเย่จิ่งหานไม่ใช่คนเดียวกับท่านพ่อท่านแม่ของข้า?”
“มั่นใจ ไม่ใช่พ่อแม่คนเดียวกัน”
กู้ชูหน่วนดีใจมาก รีบลุกขึ้นคิดจะไปหาเย่จิ่งหาน แต่มือกลับถูกอี้เฉินเฟยดึงไว้แล้ว
“ดูเจ้าร้อนใจซะจน เรื่องราวของข้ายังเล่าไม่จบเลยนะ”
“เพียงแค่พวกเราไม่ใช่พี่น้องกันก็พอแล้ว”
“แล้วหากว่าพ่อแม่ของเจ้าถูกแม่ของเขาทำร้ายจนตายล่ะ”
ประโยคนี้ทำให้จิตใจอันเร่าร้อนของกู้ชูหน่วนเย็นยะเยือกไปมากกว่าครึ่ง
“ฟังเรื่องราวได้เพียงครึ่งเดียวก็จากไป ไม่เคารพคนเล่าเรื่องเป็นอย่างมาก นั่งลงเถอะ ฟังพี่เฉินเฟยเล่าให้เจ้าฟังอย่างละเอียด”
กู้ชูหน่วนไตร่ตรองครู่หนึ่ง แล้วนั่งลงข้างกายของอี้เฉินเฟยอีกครั้ง ฟังเขาบรรยายเรื่องราวบุญคุณความแค้นในอดีตต่อไป
“ทำไมแม่ของเขาถึงต้องการฆ่าพ่อแม่ของข้า?”
“คนเงาเป็นเพียงแค่สิ่งทดแทนเท่านั้น หน้าที่ของพวกเขาคือปกป้องธิดาเทพ คุ้มครองเจ้าสำนัก งานหนักงานเหนื่อยงานและงานที่ต้องเสียสละทุกอย่าง ทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่คนเงาเป็นคนทำ”
อี้เฉินเฟยเหลือบมองไปที่ดวงจันทร์อันลึกล้ำในท้องนภาอันสดใสด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่หนักหน่วงเล็กน้อย
“แม้ว่าเผ่าหยกจะฝึกฝนคนเงาอย่างเข้มงวดมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะเป็นร่างกายหรือความคิดจิตใจ ก็ล้วนให้พวกนางมีชีวิตตามภาระหน้าที่ที่เทพธิดาและหัวหน้าเผ่าต้องเสียสละ แต่……ก็เลี่ยงไม่ได้ที่คนเงาบางคนจะมีความคิดเป็นอื่น โดยเฉพาะหลังจากที่ได้ออกจากเผ่าหยกไปแล้ว สีสันของโลกภายนอกนั้นดึงดูดใจมากที่สุด ความคิดที่หยั่งรากลึกก็จะถูกสิ่งเร้าภายนอกทำให้ค่อยๆเปลี่ยนแปลงไป”
“ท่านแม่ของเจ้ามีฐานะเป็นธิดาเทพ เกิดความชอบพอต่อฮ่องเต้แห่งแคว้นเย่ คนเงาที่เป็นตัวแทนพระชายายู่ในบางครั้งคราว ก็ชอบพอฮ่องเต้แห่งแคว้นเย่โดยไม่รู้ตัว……”
“ด้วยเหตุนี้ นางจึงคิดจะกำจัดพระชายายู่ เพื่อแทนที่พระชายายู่โดยสมบูรณ์ และสร้างเรื่องทำร้ายพระชายายู่มากมาย”
กู้ชูหน่วนฟังจนรู้สึกกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก นี่เล่าไปเล่ามา ก็ไม่ได้เล่าตรงประเด็นนี่นา
นางอยากรู้ว่าพ่อแม่ของนางเสียชีวิตอย่างไรกันแน่ และสุดท้ายคนเงาได้ให้กำเนิดเย่จิ่งหานกับผู้ใดกันแน่
อี้เฉินเฟยรูดจมูกของนางด้วยความรักและเอ็นดู “ไม่มีความอดทนสักนิด อยู่กับพี่เฉินเฟย ทำให้เจ้ายากที่จะทนได้ขนาดนั้นเชียวหรือ?”
“จะเป็นไปได้ยังไง เพียงแต่ท่านทำให้คนอยากรู้มากเกินไปแล้ว ข้าไม่อยากฟังรายละเอียดเหล่านั้น ท่านเลือกพูดที่สำคัญกับข้าเถอะนะ หลังจากนั้นมาเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“ก็ได้ เช่นนั้นข้าจะพูดสั้นๆ คนเงาวางแผนมากมาย เพื่อจะสังหารพระชายายู่ให้ตาย ทั้งยังยุแยงความสัมพันธ์ระหว่างพระชายายู่กับเผ่าหยกอีกด้วย ทำให้พระชายายู่ถูกเผ่าหยกขับไล่ออกไป ต่อจากนั้นก็ได้ปล่อยเบาะแสของพระชายายู่ ทำให้พระชายายู่ถูกเผ่าเทียนเฟิ่นตามไล่ฆ่าจนจะขึ้นสวรรค์ก็ไม่มีทาง จะลงใต้ปฐพีก็ไม่มีช่อง”
“ไม่เพียงแค่นั้น นางยังขโมยมุกมังกรไม่กี่ลูกที่เผ่าหยกรวบรวมมาได้อย่างยากลำบากในเวลานับพันปีไปอีก และใส่ร้ายพระชายายู่ เพื่อที่จะแย่งชิงมุกมังกรกลับมา เผ่าหยกได้ทำการเสียสละไปมากมายใหญ่หลวง สุดยอดผู้อาวุโสหลายท่านเสียชีวิตไปด้วยเหตุนี้ ตอนนั้นหัวหน้าเผ่าคิดว่าพระชายายู่เป็นคนทำ ก็ถูกทำให้โมโหจนเสียชีวิต”
“สุดยอดผู้อาวุโสหลายท่านและหัวหน้าเผ่าหยกเสียชีวิตไปในเวลาเพียงสั้นๆ พลังของเผ่าได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง ประกอบกับหลังจากที่สุดยอดผู้อาวุโสไม่กี่ท่านช่วยเจ้าปิดผนึกคำสาปโลหิตในร่างกายแล้ว ต่างก็พากันเสียสละ นี่ก็เป็นเหตุทำให้เผ่าหยกมีสุดยอดผู้อาวุโสอยู่ไม่กี่ท่าน”
“จากนั้นล่ะ……กู้ชูหน่วนถามขึ้นอย่างอดไม่ได้”
“ต่อมาพระชายายู่ได้รู้ว่าคนเงาเป็นคนทำทุกอย่าง คิดจะกำจัดคนเงาซะ แต่พวกนางก็โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ความสัมพันธ์ลึกซึ้ง พระชายายู่ใจอ่อน ไว้ชีวิตคนเงา คิดไม่ถึงว่าคนเงาจะกำเริบเสิบสานยิ่งขึ้น ร่วมมือกับเผ่าเทียนเฟิ่นและแคว้นอื่นๆ ทำการโจมตีแคว้นเย่ครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งยังเข้าร่วมกับเผ่าเทียนเฟิ่น เอาความลับทั้งหมดของเผ่าหยกไปเปิดเผยให้กับเผ่าเทียนเฟิ่นอีก”
“ครั้งนั้น สงครามใหญ่ระหว่างพระชายายู่และเผ่าเทียนเฟิ่นปะทุขึ้น เผ่าหยกได้รับบาดเจ็บสาหัส มีหลายหน่วยเคลื่อนย้ายไม่ทัน ทั้งหมดแทบจะถูกปาด…….นี่เป็นความพ่ายแพ้ที่น่าอนาถที่สุดครั้งหนึ่งเท่าที่มีมาในประวัติศาสตร์ของเผ่าหยก”
“ก็เพราะสาเหตุนี้ ผู้อาวุโสใหญ่หลายท่านจึงได้เกลียดเย่จิ่งหานถึงขนาดนั้น เจ้าก็อย่าโทษพวกผู้อาวุโสเลย อย่างไรเสียเผ่าหยกก็มีคนตายไปมากมายเพราะคนเงาจริงๆ”
“เผชิญกับครั้งนั้น เผ่าหยกก็ยิ่งระวังเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคนเงามากยิ่งขึ้น ตั้งแต่ไม่ให้พวกนางเดินไปบนทางสว่าง จนกระทั่งครั้งหนึ่งที่คิดจะยกเลิกการมีคนเงาไปซะ”
กู้ชูหน่วนยิ่งฟังอารมณ์จิตใจก็ยิ่งหนักหน่วง
เหมือนนางจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว
“ด้วยเหตุนี้….ที่ข้ามีตัวตนมากมายขนาดนั้น อย่างเช่นหัวหน้าเผ่าน้ำแข็ง เจ้าสำนักอสุรา คุณหนูสามของจวนเฉิงเซี่ยง เจ้าของหอหนึ่งในหล้าและตัวตนอื่นๆเหล่านั้น โดยมากก็คือเป็นคนเงาที่เป็นตัวแทน?”
“ประมาณนั้น แต่ไม่กี่ปีก่อนเจ้าได้กำจัดคนเงาไปอย่างสมบูรณ์แล้ว ตอนนี้ไม่มีเผ่าหยกไม่มีคนเงาสักคนแล้ว”
อี้เฉินเฟยชะงักเล็กน้อยแล้วพูดต่อ “มีเพียงธิดาเทพและหัวหน้าเผ่าเท่านั้นที่สามารถหลอมรวมมุกมังกรได้ แต่ธิดาเทพแต่ละรุ่นในอดีตล้วนได้รับการถ่ายทอดเพียงแค่คนเดียว ไม่ว่าพวกนางจะทำอะไรก็ไม่สามารถตายได้ ทันทีที่ตาย คำสาปโลหิตก็จะไร้ทางแก้ได้โดยสมบูรณ์”
“แต่คนเงานั้นชั่วร้ายต้องการกำจัดธิดาเทพอย่างถอนรากถอนโคน ทำให้เผ่าหยกไร้หนทางแก้คำสาปไปชั่วนิรันดร์”
“เย่จิ่งหานเป็นลูกที่เกิดจากคนเงากับผู้ใด?”
“ไม่รู้ ไม่มีใครรู้ว่าเย่จิ่งหานเป็นลูกที่เกิดจากคนเงากับผู้ใด รู้เพียงแค่พ่อของเย่จิ่งหานไม่มีทางเป็นฮ่องเต้่เย่เด็ดขาด ตอนนั้นเผ่าหยกสงสัยว่าเย่จิ่งหานเกิดจากคนเงาและฮ่องเต้่เย่ เผ่าหยกได้ส่งเหล่าสุดยอดผู้อาวุโสมากมายไปตรวจสอบด้วยตัวเอง บวกกับการหยดเลือดเพื่อพิสูจน์ความสัมพันธ์และอื่นๆ…..ผลสรุปไม่ใช่…..”
“หยดเลือดเพื่อพิสูจน์ความสัมพันธ์อาจจะไม่แม่นยำ”
“ใช่ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ……มีครั้งหนึ่งที่ฮ่องเต้่เย่ได้รับบาดเจ็บ เสียเลือดมากเกินไป จำเป็นต้องถ่ายเลือดเพื่อช่วยรักษา ตอนนั้นใช้เลือดของเย่จิ่งหานเพื่อจับคู่ แต่กลับเข้ากันไม่ได้ ถึงตอนนี้ เผ่าหยกก็มั่นใจแน่วแน่ว่าเย่จิ่งหานไม่ใช่ลูกชายแท้ๆของฮ่องเต้่เย่”
กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว
ถ่ายเลือด?
จับคู่?
สมัยโบราณมีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเช่นนี้ด้วยหรือ?
อี้เฉินเฟยยิ้มอย่างอบอุ่น “แน่นอนว่าภายนอกไม่ได้มีวิชาการรักษาประเภทนี้ วิชาการรักษานี้สืบทอดมาจากบรรพบุรุษเผ่าหยก จะไม่เอามาใช้ง่ายๆ”
“งั้นหรือ……”
เช่นนั้นก่อนหน้านี้เผ่าหยกก็เคยมีคนที่ข้ามมิติอยู่ผู้หนึ่งงั้นหรือ
“พระชายายู่ถูกทำร้ายและถูกสังหารจนเสียชีวิตในการไล่ล่าอย่างต่อเนื่องและแผนการที่คนเงาได้ร่วมมือกับเผ่าเทียนเฟิ่น ส่วนฮ่องเต้่เย่…..เพราะคนเงาทั้งรักและเกลียด ขณะที่เป็นตัวแทนพระชายายู่จึงได้วางยาพิษชนิดเรื้อรังให้เขา สุดท้ายร่างกายถูกถ่วงรั้งจนล้มเหลว โดนวางยาพิษจนสิ้นพระชนม์”
“แล้วเย่จิ่งหานล่ะ? คำสาปโลหิตของเขาถูกคนเงาระงับไว้หรือ?”
“ไม่ใช่ หลังจากที่คนเงาให้กำเนิดเย่จิ่งหานก็ทิ้งเขาไป พระชายายู่ทนไม่ได้ จึงเก็บเขามาเลี้ยงเหมือนลูกชายของตัวเอง นางกลัวว่าเย่จิ่งหานจะได้รับความทุกข์ทรมานอย่างล้ำลึกจากคำสาปโลหิต และกลัวว่าจะตายตั้งแต่ยังเด็ก จึงวางยาพิษเขา เพื่อระงับคำสาปโลหิต”
“แม้แต่คนเงาก็ไม่รู้เรื่องนี้ เพราะเจ้าเกิดวันเดียวกันกับเย่จิ่งหาน ทุกคนล้วนคิดว่าพวกเจ้าเป็นพี่น้องกันแท้ๆ เพื่อที่จะปกป้องเจ้าดังนั้นพระชายายู่และฮ่องเต้่เย่คิดวิธีการวนซ้ำไปมา ในที่สุดก็แยกเจ้าและเย่จิ่งหานออกจากกัน สุดท้ายก็ส่งเจ้าไปไว้ที่จวนเฉิงเซี่ยง เพื่อเลี่ยงการตามไล่ล่าของเผ่าเทียนเฟิ่น”
“แล้วคนเงาล่ะ?”
“ไม่รู้ น่าจะถูกพระชายายู่สังหารไปแล้ว ก่อนที่พระชายายู่จะตายเคยต่อสู้ชี้ขาดกับคนเงาครั้งหนึ่ง ไม่มีใครรู้ว่าผลของการต่อสู้ชี้ขาดนั้นเป็นอย่างไร รู้เพียงสุดท้ายคนเงาได้หายโดยสิ้นเชิง ตอนนี้ผ่านไปหลายปีก็ไม่ข่าวคราวใดของนาง”
อี้เฉินเฟยเล่าอย่างกว้างๆ แต่กู้ชูหน่วนก็ฟังได้โดยประมาณแล้ว
แม้ว่านางและเย่จิ่งหานจะไม่ใช่พี่น้องกัน แต่พวกเขาเป็นศัตรูที่มีความแค้นในการฆ่าพ่อฆ่าแม่ต่อกัน
อี้เฉินเฟยลูบศีรษะของนางด้วยความอ่อนโยน นางเงยหน้าขึ้น เห็นรอยยิ้มอันอบอุ่นของอี้เฉินเฟย
“อาหน่วน พี่เฉินเฟยอยากจะบอกเจ้าสักคำ แม่ของเย่จิ่งหานไม่ใช่คนเดียวกับเย่จิ่งหาน ที่ฆ่าพ่อแม่ของเจ้าก็ไม่ใช่เย่จิ่งหาน นั่นเป็นความแค้นของคนรุ่นก่อน เจ้าไม่จำเป็นต้องตำหนิเย่จิ่งหาน หรือจงใจตีตัวออกห่างจากเขาเพราะความแค้นของคนรุ่นก่อน พี่เฉินเฟยดูออก เย่จิ่งหานชอบเจ้าจริงๆ เขาเป็นผู้ชายที่คู่ควรให้ฝากฝังชีวิตได้ผู้หนึ่ง พี่เฉินเฟยหวังว่าพวกเจ้าจะมีความสุขได้”