อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 739 ร่างกายหยางบริสุทธิ์และหยินบริสุทธิ์
ผู้อาวุโสใหญ่จับมืออันเรียวยาวของกู้ชูหน่วนอย่างฉับพลัน หางตาอันเหี่ยวย่นเว้าลงลึกไปนั้นมีประกายจากน้ำตา “อาหน่วน เพื่อเผ่าหยก เจ้าแบกรับภารกิจที่หนักหน่วงใหญ่หลวงเช่นนี้มาตั้งแต่เด็ก หนักเอาเบาสู้อดทนต่อความยากลำบากมาทุกๆครั้ง ผ่านความตายมาหลายครั้ง เป็นเพราะข้าไม่ได้เรื่อง ข้าทำผิดต่อเจ้า”
กู้ชูหน่วนใจอ่อนลง นางกุมมือของผู้อาวุโสใหญ่กลับ นั่งลงหน้าเตียงของเขา
“ผู้อาวุโสใหญ่ ทำไมจู่ๆท่านถึงได้พูดเรื่องเหล่านี้กับข้า”
“ไม่……ไม่มีอะไร หากเจ้าไม่อยากหลอมรวมมุกมังกร ทุกคนก็จะไม่โทษเจ้า”
“หลอมรวมมุกมังกร จำเป็นต้องมีเงื่อนไขอะไรหรือ?”
ร่างกายของกู้ชูหน่วนสั่นสะท้านอย่างฉับพลัน
ผู้อาวุโสใหญ่คงจะไม่พูดเรื่องนี้กับนางโดยไม่มีเหตุผลแน่
จู่ๆภาพที่เห็นในทะเลโลหิตในตอนนั้นก็พุ่งเข้ามาในสมองของนาง
หนึ่งในภาพนั้นก็คืออี้เฉินเฟยกระโดดลงไปในเตาหลอมยา ใช้เลือดเนื้อของตัวเองอุทิศเพื่อบูชา
ผู้อาวุโสใหญ่มีบาดแผลภายในและภายนอกสาหัสมาก แต่บาดแผลเหล่านี้ล้วนไม่เจ็บปวดเท่ากับบาดแผลในใจของเขา
เขาก้มศีรษะ กล่าวสะอึกสะอื้น “อยากจะหลอมรวมมุกมังกรให้สมบูรณ์ ถอนคำสาปโลหิต จำเป็นต้องมีเงื่อนไขสองประการ”
กู้ชูหน่วนหัวเราะเยาะ
เหมือนจะรู้ว่าผู้อาวุโสใหญ่ต้องการจะพูดอะไร
“ประการหนึ่งคือต้องการคนที่มีร่างกายเป็นหยางบริสุทธิ์กระโดดลงในเตาหลอมยา จุดเปลวเพลิงแห่งจื้อหยางขึ้นในเตาหลอมยา”
“ประการหนึ่งคือต้องการคนที่มีร่างกายเป็นหยินบริสุทธิ์กระโดดลงในเตาหลอมยา หลอมละลายกลิ่นอายความชั่วร้ายในเตาหลอมยา และคนที่กระโดดลงไปยังจำเป็นจะต้องเต็มใจยอมสละชีวิตอีกด้วย”
“ไม่มี…..วิธีอื่นแล้วหรือ?” กู้ชูหน่วนมองดูผู้อาวุโสให้ด้วยความอ้อนวอน และหวังเป็นอย่างมากว่าผู้อาวุโสใหญ่จะบอกว่ายังมีวิธีอื่นอีก แต่ผู้อาวุโสใหญ่กลับส่ายหน้าด้วยความหม่นหมอง
“ตั้งแต่แรกเริ่มท่านก็รู้ว่าพี่เฉินเฟยเป็นคนที่มีร่างกายเป็นหยางบริสุทธิ์ และรู้ว่าคิดต้องการจะจุดเปลวเพลิงแห่งจื้อหยางจะเป็นต้องสละชีวิตของพี่เฉินเฟยใช่หรือไม่?”
ผู้อาวุโสใหญ่นิ่งเงียบ ถือว่าเป็นการยอมรับทุกอย่างแล้ว
เพียงแต่เขาคิดไม่ถึงว่า เจ้าเด็กอี้เฉินเฟยนั้นเพื่อช่วยกู้ชูหน่วนแล้วจะทำซะจนตัวเองเป็นเช่นนี้…..ตกอยู่ในที่นั่งลำบากเช่นนี้…..
เขามีชีวิตเหลืออยู่ได้ไม่กี่วันแล้ว หากว่าต้องการจะหลอมรวม ก็จำเป็นต้องให้เขารีบกระโดดลงไปในเตาหลอมยาโดยเร็วที่สุด
“จำเป็นต้องเป็นพี่เฉินเฟยหรือ?” กู้ชูหน่วนถามพึมพำ
“เผ่าหยกมีทูตลับที่คอยเสาะหาคนที่มีร่างกายเป็นหยินบริสุทธิ์และหยางบริสุทธิ์มาตลอด จนปัญญาคนที่มีร่างกายเป็นหยางบริสุทธิ์มีน้อยเกินไป การอุทิศตัวบูชาก็จำเป็นต้องมีศักยภาพถึงขั้นสูงสุดระดับห้าขึ้นไป คนทั่วไปจะมีพรสวรรค์นี้ที่ไหนกันล่ะ ก่อนหน้านี้เผ่าหยกก็เคยมีคนที่มีร่างกายเป็นหยางบริสุทธิ์ แต่……ถูกเผ่าเทียนเฟิ่นฆ่าตายแล้ว ตอนนี้ก็มีเพียงแค่…..อี้เฉินเฟย….”
“เช่นนั้นคนที่มีร่างกายเป็นหยินบริสุทธิ์ล่ะ เป็นใครกัน?”
ผู้อาวุโสเงียบอยู่นาน
กู้ชูหน่วนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้ารู้ว่าพวกท่านวางแผนไว้ล่วงหน้าดีแล้ว พูดเถอะ เป็นใครกันแน่?”
“เผ่าน้ำแข็ง…..ไป๋จิ่น….”
“เผ่า….เผ่าน้ำแข็ง….”
กู้ชูหน่วนหลุดหัวเราะออกมาเสียงหนึ่ง น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมาจากหางตาของนาง
“ด้วยเหตุนี้ ก็เป็นท่านที่ให้ไป๋จิ่นเข้ามาที่เผ่าหยก? และก็เป็นท่านที่ให้ไป๋จิ่นพาเวินเส้าหยีกลับมาที่เผ่าหยก?”
“ไม่….ควรจะพูดว่า ที่ข้าได้เป็นหัวหน้าเผ่าน้ำแข็งโดยไร้ต้นสายปลายเหตุ ความจริงเป็นเพราะพวกท่านได้วางแผนไว้ล่วงหน้าดีแล้ว พวกท่านคิดต้องการให้ไป๋จิ่นอุทิศตัวบูชาด้วยความเต็มใจ หลายปีก่อนหน้านี้ กองกำลังของพวกท่านก็แทรกแซงเข้าไปที่เผ่าน้ำแข็งจนทะลุปรุโปร่งแล้วใช่หรือไม่?”
“ข้าเคยบอกแล้ว หากว่าเจ้าไม่อยากหลอมรวมมุกมังกร พวกเราก็จะไม่โทษเจ้า”
“นี่เป็นคำพูดจากใจจริงของท่านหรือ? หากว่านี่เป็นคำพูดจากใจจริงของท่าน เช่นนั้นท่านพาไป๋จิ่นมาที่เผ่าหยกทำไม? นางเป็นคนเผ่าหยกหรือ? นางมีสิทธิ์มาที่เผ่าหยกได้หรือ?”
“อาหน่วน….”
“เพียงแค่สามารถหลอมรวมมุกมังกรได้ เพียงแค่สามารถถอนคำสาปโลหิตได้ ข้าก็สามารถสละชีวิตตัวเองได้ แต่ข้าจะไม่สละชีวิตของไป๋จิ่นและอี้เฉินเฟยเพื่อถอนคำสาปโลหิตเด็ดขาด”
กู้ชูหน่วนปาดน้ำตา เพ่งมองดูผู้อาวุโสใหญ่ติดๆ กล่าวเตือนทีละคำทีละประโยค
“หากว่าท่านกล้าเอาเรื่องนี้ไปบอกพี่เฉินเฟยและไป๋จิ่น ข้าไม่เพียงแต่จะไม่ช่วยท่านหลอมรวมมุกมังกร ทั้งชีวิตนี้ข้าก็จะไม่ปล่อยท่านไป”
“ปัง……”
กู้ชูหน่วนเหวี่ยงประตูให้เปิดและจากไป ส่งเสียงดังมาก
ปล่อยให้ผู้อาวุโสใหญ่อยู่เงียบๆ ตำหนิตัวเองอย่างสุดซึ้งอยู่ในใจคนเดียวในโถงยาเป็นเวลานาน
คนข้างนอกล้วนตกตะลึง
นี่หัวหน้าเผ่าทะเลาะกับผู้อาวุโสใหญ่แล้วงั้นหรือ?
อยู่ดีๆทำไมพวกเขาถึงทะเลาะกันได้?
หรือจะเป็นเพราะเรื่องของเวินเส้าหยี?
หัวหน้าเผ่าต้องการปล่อยเวินเส้าหยีไป ผู้อาวุโสใหญ่ไม่ยอม ดังนั้นจึงได้ทะเลาะกันเหรอ?
ผู้อาวุโสหลายคนพูดคุยกับกู้ชูหน่วน กู้ชูหน่วนก็เดินออกไปทางด้านนอกโดยไม่บอกไม่กล่าว และไม่ตอบพวกเขาแม้สักคำ
จนได้พบกับไป๋จิ่นและฮัวฉีหลัว กู้ชูหน่วนจึงได้หยุดลง
“พี่หน่วนพี่หน่วน ข้าอยู่นี่ วู้วู้…ทำไมท่านถึงทิ้งข้าไป ปล่อยให้ข้าตามหาท่านจนจะแย่ ยังดีที่ผู้อาวุโสใหญ่ของเผ่าหยกเป็นคนดี พาข้าและพี่ไป๋จิ่น รวมทั้งพี่สาวทูตศักดิ์สิทธิ์อีกสองคนมาที่เผ่าหยกด้วย ประชาชนของเผ่าหยกก็ดีมาก ทำของอร่อยให้ข้ากินมากมาย ทั้งยังพาข้าไปเที่ยวเล่นรอบๆอีก ที่ดีที่สุดก็ต้องเป็นอินเอ๋อร์แล้วล่ะ อินเอ๋อร์อยู่เป็นเพื่อนข้าทุกวัน อินเอ๋อร์บอกว่า ข้าเป็นเพื่อนของพี่หน่วน ก็คือเพื่อนของนางด้วย”
ฮัวฉีหลัวไร้เดียงสา ดึงกู้ชูหน่วนแล้วพูดจาจ้อกแจ้กจอแจมากมายก่ายกอง
ไป๋จิ่นยิ้มและพูดว่า “พอแล้ว เจ้าคนช่างพูด นายหญิงยังมีเรื่องต้องทำอีกมากมาย เจ้าอย่าเกาะติดนายหญิงทั้งวันเลย”
“ไม่เอาไม่เอา ข้าชอบตามพี่หน่วนนี่นา พี่หน่วนไปที่ไหน ข้าก็จะตามไปที่นั่น”
ฮัวฉีหลัวพูดพลาง ก็เอาตัวไปอิงแอบที่ในอ้อมอกของกู้ชูหน่วน
กู้ชูหน่วนเอ่ยถาม “ทูตศักดิ์สิทธิ์อีกสองคนของเผ่าน้ำแข็งก็มาด้วยหรือ?”
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ เผ่าเทียนเฟิ่นออกมากันแทบจะทั้งเผ่า เพื่อปกป้องนายหญิงแล้ว เผ่าน้ำแข็งก็สามารถออกมาทั้งเผ่าได้เช่นกันเจ้าค่ะ”
“พวกเจ้ามาหมดแล้ว งั้นจวนแม่ทัพล่ะ?”
“ผู้อาวุโสใหญ่บอกว่าให้พวกเรามาที่เผ่าหยกด้วยกัน เรื่องการคุ้มกันจวนแม่ทัพเขาจะส่งคนไปรับผิดชอบ ทีแรกข้าน้อยก็ไม่เห็นด้วย แต่ผู้อาวุโสใหญ่ยืนกราน บวกกับผู้อาวุโสใหญ่มีฐานะเป็นผู้อาวุโสที่มีตำแหน่งสูงสุดของเผ่าหยก และเป็นคนที่หัวหน้าเผ่าไว้วางใจที่สุด ข้าน้อยจึง…..แต่ข้าน้อยก็ได้จัดกลุ่มคนที่ไว้ใจอีกหน่วยหนึ่งไปแอบคุ้มกันจวนแม่ทัพแล้ว ซึ่งจะไม่ปล่อยให้จวนแม่ทัพเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นได้แน่นอนเจ้าค่ะ”
“ฉะนั้น….เป็นผู้อาวุโสใหญ่ที่เชิญพวกเจ้ามา?”
“ใช่เจ้าค่ะ…..ทำไมเจ้าคะ….” ไป๋จิ่นเอ่ยด้วยความสงสัย
กู้ชูหน่วนหัวเราะเยาะทีหนึ่ง
จนถึงนาทีนี้ นางก็มีความรู้สึกรังเกียจผู้อาวุโสใหญ่ขึ้นมาเล็กน้อยอย่างฉับพลันแล้ว
ปากพูดอย่าง ลับหลังอย่างหนึ่ง
เพื่อให้ไป๋จิ่นทำการอุทิศตัวบูชา จึงพาทูตศักดิ์สิทธิ์อีกสามคนของเผ่าน้ำแข็งมากักบริเวณไว้ที่เผ่าหยกพร้อมกันแล้ว
“เจ้าเอาป้ายประกาศิตของข้า พาน้องฉีหลัวและพี่น้องอีกสองคนออกไปจากเผ่าหยกให้เร็วไว”
ไป๋จิ่นและฮัวฉีหลัวตะลึง?
ทำไมต้องให้พวกนางจากไปเดี๋ยวนี้?
เพราะเผ่าหยกจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?
หรือว่านายหญิงมีเรื่องสำคัญอะไรจะมอบหมายพวกนาง?
“นายหญิง….ท่านไม่รู้หรอกหรือ เพื่อหยุดยั้งการไล่ตามฆ่าของคนเผ่าเทียนเฟิ่น ผู้อาวุโสใหญ่และคนอื่นๆได้ปิดผนึกทางเข้าออกทั้งหมดไว้แล้ว ผู้อาวุโสใหญ่เคยบอกว่า อย่างเร็วที่สุดก็หนึ่งเดือนจึงจะสามารถเปิดออกได้ ไม่เช่นนั้นด้วยกำลังแรงคนก็ไม่มีทางจะเปิดประตูทางเข้าออกของเผ่าหยกได้”
สีหน้าของกู้ชูหน่วนเปลี่ยนไปทันที
ทางเข้าออกทั้งหมดถูกปิดผนึกแล้ว?
เท่ากับว่าทางถอยทั้งหมดถูกสกัดกั้นแล้ว?