ในเผ่าหยก
เรื่องแรกเมื่อกู้ชูหน่วนกลับไปถึงในเผ่า ก็คือไปเยี่ยมอี้เฉินเฟย
ในบ้านไม้ไผ่อันงดงามที่อยู่ในสถานที่เปล่าเปลี่ยวแห่งหนึ่ง ชายผู้หนึ่งที่อ่อนโยนและสง่างามในชุดสีขาวไร้ราคีกำลังนั่งอยู่บนรถเข็น เมื่อได้เห็นผู้หญิงชุดแดงวิ่งเข้ามา รอยยิ้มด้วยความสบายใจก็เบ่งบานบนใบหน้า
ชายผู้นั้นมีตาหูจมูกปากโครงหน้าที่ชัดเจน สง่างามเป็นเลิศ มุมปากอมยิ้มด้วยความเอ็นดู ดวงตาที่ใสสะอาดคู่นั้นราวกับกำลังมองดูผู้หญิงที่คะนึงหาอยู่ เวลาผ่านไปนานก็ไม่ยอมละสายตาไป
ในดวงตาของผู้ชายผู้นั้นราวกับว่าดินฟ้าที่อันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ ก็มีเพียงนางเท่านั้นที่สามารถเข้าไปในดวงตาของเขา และหัวใจของเขาได้
กู้ชูหน่วนที่วิ่งพุ่งเข้ามาด้วยความรวดเร็วเห็นอี้เฉินเฟย เบาตาแดงก่ำ
ไม่เจอกันนาน พี่เฉินเฟยของนางยังสะอาดสะอ้านเหมือนเมื่อก่อน สง่างามเป็นหนึ่ง งดงามจนไม่เหมือนคนธรรมดาทั่วไป โดยเฉพาะในตาของเขาที่แฝงไปด้วยความรักใคร่เอ็นดูแม้จะผ่านไปหลายพันศตวรรษ ก็ไม่เคยเปลี่ยน
หากว่ามีอะไรเปลี่ยนไป ก็คือเขาซูบผอมลง แก้มสองข้างและดวงตาตอบและเว้าลึกลงไปไม่น้อย ดูออกได้ ช่วงนี้เขาทนทุกข์ทรมานกับอาการป่วยมานาน
นางคิดว่าอี้เฉินเฟยน่าจะนอนอยู่บนเตียงโดยไม่สามารถขยับตัวได้ คิดไม่ถึงว่าเขายังจะสามารถบนนั่งรถเข็นได้ แม้ว่าใบหน้าจะซีดขาว แต่ก็ยังนับว่ามีชีวิตชีวา และไม่เหมือนคนป่วยที่ไร้ทางเยียวยา
ยิ่งเป็นเช่นนี้ กู้ชูหน่วนก็ยิ่งกังวลใจ
พี่เฉินเฟยของนางจะต้องไม่อยากให้นางเป็นห่วงแน่ จึงได้ทนฝืนร่างกายนั่งบนรถเข็นรอนางกลับมา
ดวงตาทั้งสี่ประสานกัน ทั้งสองล้วนยิ้มแล้ว
อี้เฉินเฟยกางแขนสองข้างออก น้ำตาหยดหนึ่งไหลออกมาจากหางตาของกู้ชูหน่วน แต่ร่างกายกลับเหมือนเด็ก ยิ้มแล้วโถมตัวเข้าใส่อ้อมแขนของอี้เฉินเฟย
กลิ่นบนร่างกายของเขายังหอมเหมือนเดิม
เมื่อซุกอยู่ในอ้อมกอดของอี้เฉินเฟย กู้ชูหน่วนก็ไม่กลัวอะไรแล้ว ความรู้สึกอบอุ่นเช่นนี้ทำให้นางรู้สึกอาลัยอาวรณ์มาก
“พี่เฉินเฟย……ขอโทษ ที่ข้าเสียเวลาไปนาน……นานขนาดนี้”
“ยัยเด็กโง่ พี่รู้ว่าเจ้าพยายามทำดีที่สุดแล้ว หามุกมังกรได้หรือไม่ไม่สำคัญ เพียงแค่เจ้ากลับมาอย่างปลอดภัยก็พอแล้ว”
อี้เฉินเฟยยกมือขึ้น ลูบเส้นผมอันลื่นสลวยของนางด้วยความรักและเอ็นดู ในดวงตาเปี่ยมล้นไปด้วยความรักทะนุถนอม
เป็นความปีติสุขที่แทรกซึมเข้าสู่ไขกระดูกประเภทนั้น แทรกซึมเข้าไปในจิตวิญญาณ ไม่มีทางจะปิดบังได้
กู้ชูหน่วนตอบรับอืมเบาๆคำหนึ่ง
นางรู้มาตลอดว่า ในใจของพี่เฉินเฟย นางมีความสำคัญยิ่งกว่ามุกมังกร
นางไม่รู้ว่าอี้เฉินเฟยนั่งรออยู่ที่นี่มานานแค่ไหนแล้ว แต่ใบไผ่ที่ตกอยู่ใต้เท้าของเขากลับกองเป็นชั้นๆ
กู้ชูหน่วนอยากจะจับชีพจรให้อี้เฉินเฟยด้วยสัญชาตญาณ แต่อี้เฉินเฟยกลับดึงกลับมาอย่างไร้พิรุธ ข้างหูเป็นเสียงอันอ่อนโยนของเขา
“เจ้าเดินทางไกลกลับมาอย่างยากลำบากหิวแล้วสินะ ข้าทำขนมข้าวเหนียวดอกไม้เอาไว้ให้เจ้า เจ้าลองชิมดู”
อี้เฉินเฟยพูดพลาง เบือนหน้าหนีไปพลาง เข็นรถของตัวเองเข้าไป
มือของกู้ชูหน่วนที่ต้องการตรวจชีพจรให้เขาในเดิมทีว่างเปล่า
ดวงตาอันเฉียบคมของนางพบว่า ด้านล่างทางขวามือของรถเข็นมีเลือดกองเล็กๆอยู่
พริบตานั้นจิตใจของนางก็เจ็บปวดขึ้นมาทันที
ไม่ว่านางจะโง่แค่ไหนก็รู้ว่าร่องรอยกองเลือดนั่นเป็นอี้เฉิยเฟยทิ้งไว้
หากเขามีสุขภาพดี จะไม่ยอมให้นางจับชีพจรได้อย่างไร
“ตอนเด็กๆเจ้าชอบกินขนมดอกไม้ที่ข้าทำที่สุด เวลาที่ข้าไม่ทำให้เจ้า เจ้าก็โกรธงอแง เด็ดดอกไม้ในเผ่าทั้งหมด แล้วเอามาทิ้งไว้ที่ห้องของข้า ทำให้ข้าโดนผู้อาวุโสตำหนิตั้งหลายครั้ง”
เมื่อนึกถึงอดีต บนใบหน้าของอี้เฉินเฟยก็คล้ายจะมีรอยยิ้ม
ตั้งแต่เด็กอาหน่วนก็แบกภารกิจอันหนักอึ้งไว้
นางมาขอขนมดอกไม้กับเขา ก็มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
หลังจากนั้นเขาจึงได้รู้ว่า ผู้อาวุโสได้ให้นางออกจากเผ่าหยกไป
นางทำใจจากเขาไปไม่ได้ ใช้วิธีการนี้เพื่อรบเร้าเขา
แต่ที่นางไม่รู้ก็คือ ก่อนที่นางจะเด็ดดอกไม้จนเกลี้ยง เขาได้แอบเก็บดอกไม้ที่ดีที่สุดของเผ่าหยกมาหมดแล้ว และทำขนมดอกไม้ไว้มากมายเพื่อเตรียมมอบให้นางในวันรุ่งขึ้น
ที่น่าเสียดายคือ คืนนั้นนางก็จากไปแล้ว จนถึงวันนี้ขนมดอกไม้เหล่านั้นก็ยังไม่ได้ถูกมอบออกไป
หางตาของกู้ชูหน่วนมีน้ำตา มองดูอี้เฉินเฟยหยิบขนมดอกไม้สองสามจานและข้าวเหนียวใบไผ่ออกมาจากหม้อ
กลิ่นหอมของดอกไม้และใบไผ่อบอวลไปทั่วบ้านไม้ไผ่ กลิ่นหอมนั้นช่างทำให้ผู้คนอดหลงใหลไม่ได้
“พี่เฉินเฟยขี้งกจริงๆ ทั้งที่ท่านก็รู้ว่าข้าลืมเรื่องราวหลายสิ่งหลายอย่างในอดีตไปแล้ว เวลาผ่านมานานขนาดนี้ ท่านก็ยังหลบซ่อนไม่ยอมทำขนมดอกไม้ให้ข้ากิน”
กู้ชูหน่วนหยิบขนมดอกกุ้ยฮวาชิ้นหนึ่งมาออกมาวางไว้ในปากแล้วกัดเบาๆ
ขนมดอกกุ้ยฮวาหอมหวานถูกปาก อ่อนนุ่มละลายไปทันที
นางกินอาหารอร่อยมาไม่น้อย เพียงอย่างเดียวที่ไม่เคยกินก็คือขนมดอกกุ้ยฮวาที่อร่อยได้ขนาดนี้
กู้ชูหน่วนหยิบขนมดอกกุ้ยฮวาชิ้นแล้วชิ้นเล่ายัดเข้าปาก ปากก็พูดชื่นชมงึมงำ
“อร่อยมาก พี่เฉินเฟย คิดไม่ถึงว่าฝีมือการทำอาหารของท่านจะดีขนาดนี้ ต่อไปนี้ท่านทำขนมดอกไม้ให้ข้ากินอีกได้หรือไม่?”
“ได้……”
ริมฝีปากของอี้เฉินเฟยยกขึ้นยิ้มทันที และช่วยนางเช็ดมุมปากเบาๆอยู่บ่อยๆ ในดวงตาอันอบอุ่นทั้งคู่สะท้อนภาพรอยยิ้มที่พึงพอใจและการกินขนมของกู้ชูหน่วน
ในรอยยิ้ม ในดวงตาของอี้เฉินเฟยย้อมไปด้วยความเศร้าโศก
หากเป็นไปได้ เขาก็อยากจะทำขนมดอกไม้ให้นางทั้งชีวิต…….
น่าเสียดาย……
เขาฝืนต่อไปไม่ไหวแล้ว
ร่างกายของเขาเป็นเหมือนไฟไร้น้ำมันที่ดับมอดไปนานแล้ว
เขาแค่เป็นห่วงว่านางกลับมาแล้ว เห็นเขาตายแล้ว จะรู้สึกผิดโทษตัวเอง ดังนั้นเขาจึงฝืนทนหายใจรอนางกลับมาโดยตลอด
“แฮ่มแฮ่ม……”
อี้เฉินเฟยทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ไอเบาๆสองสามครั้ง เขารีบใช้มือปิดปากไว้ พยายามไอให้เบาที่สุด
ในปากไอออกมาเป็นของเหนียวๆกองหนึ่ง ไม่ต้องดู อี้เฉินเฟยก็รู้ว่าเขากระอักเลือดออกมาแล้ว
เมื่อเห็นว่ากู้ชูหน่วนไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของเขา เขารีบกำเลือดในฝ่ามือไว้ เอ่ยขึ้นอย่างไร้พิรุธว่า “อย่ามัวแต่กินขนมดอกไม้อย่างเดียว กินข้าวเหนียวใบไผ่สักหน่อยสิ ตอนเด็กๆเจ้าก็ชอบกินอันนี้ไม่ใช่หรือ”
“ได้”
กู้ชูหน่วนแสร้งทำเป็นไม่เห็นการกระทำของเขา เลือดกำลังหยดในหัวใจของนาง แต่บนใบหน้ากลับเป็นรอยยิ้มที่สดใส กินข้าวเหนียวใบไผ่ขึ้นมา
“อร่อยมากจริงๆ พี่เฉินเฟย ท่านไม่กินจริงๆหรือ?”
“พี่เฉินเฟยเห็นเจ้ากินก็อิ่มแล้ว”
“มีพี่ชายรู้สึกดีจริงๆ”
“ยัยเด็กโง่ พี่เฉินเฟยจะอยู่กับเจ้าตลอดไป แม้ว่า…..แม้ว่าวันใดที่พี่เฉินเฟยไม่อยู่แล้ว จิตวิญญาณของข้าก็จะคอยปกป้องเจ้าในทุกๆวัน”
“เชอะ ใครต้องการให้วิญญาณของท่านมาปกป้องกัน ข้าต้องการให้ท่านมีชีวิตดีๆเพื่อปกป้องข้าเท่านั้น”
กู้ชูหน่วนไม่สนใจว่ามือสองข้างของตัวเองจะสกปรกหรือไม่ กอดเอวอันซูบผอมของเขาไว้โดยตรง เอาใบหน้าของตัวเองซุกเข้าไปที่อ้อมอกของเขา ฟังเสียงหัวใจอันอ่อนแรงของเขา กล่าวพึมพำ
“ข้าหามุกมังกรทั้งหมดมาได้แล้ว เจ็ดวัน….เพียงแค่เจ็ดวันก็จะสามารถหลอมรวมมุกมังกรได้แล้ว ถึงเวลาข้าก็จะสามารถถอนคำสาปโลหิตให้ท่านได้ และรักษาอาการป่วยให้ท่านได้แล้ว พี่เฉินเฟย ท่านรับปากข้า จะต้องรอข้าให้ได้ ได้หรือไม่?”
“ข้าก็ยังพูดคำนั้น เพียงแค่เจ้าสุขสบาย เพียงแค่เจ้ามีความสุข พี่เฉินเฟยจะเป็นอย่างไรก็ไม่สำคัญ”
“หากว่าท่านไม่อยู่แล้ว ข้าก็จะไม่มีความสุขตลอดไป ท่านรับปากข้าได้หรือไม่?”
กู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้น ในดวงตาสีขาวดำชัดเจนคู่นั้นมีน้ำตา มีการอ้อนวอน ราวกับว่ากำลังขอร้องอี้เฉินเฟยด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ
ในใจของอี้เฉินเฟยเจ็บปวดขึ้นมาอย่างฉับพลัน เขาอยากช่วยนางเช็ดน้ำตาที่หางตามากๆ และเขาก็ไม่ชอบเห็นแววตาอันเศร้าโศกน้อยเนื้อต่ำใจเช่นนี้ของกู้ชูหน่วน
เรื่องอะไรเขาก็รับปากนางได้หมด มีเพียงเรื่องนี้เรื่องเดียว…..
เขา…กลัวว่าจะรับปากไม่ได้แล้ว…..
“ได้หรือไม่…..พี่เฉินเฟย…….”
“ได้……”