เสียงคัดค้านของทุกคนดังอึกทึกเหลือเกิน กู้ชูหน่วนทำจิตใจให้สงบ
เผ่าหยกแค้นเวินเส้าหยีเข้ากระดูก หากให้พวกเขาทราบว่านางจะไปช่วยเวินเส้าหยี พวกเขานอกจากจะไม่เห็นด้วยแล้ว หนำซ้ำยังต้องกำจัดเวินเส้าหยีล่วงหน้าด้วย
“หัวหน้าเผ่า ท่านรีบร้อนจะไปเช่นนี้ หรือว่ามีเรื่องด่วนอะไรต้องทำหรือ? ไม่ว่าท่านมีเรื่องอะไร ข้าน้อยจะไปจัดการให้ท่านเอง ท่านแค่รักษาตัวให้ดีก็พอ” ผู้อาวุโสกล่าว
กู้ชูหน่วนส่ายหน้า “ไม่มีอะไร แค่กลัวว่ารากฐานร้อยพันปีของเผ่าหยกจะถูกพวกเขาทำลายเท่านั้น”
ทุกคนล้วนพากันโล่งอก พวกเขายังนึกว่าเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นแล้ว
“ขุนเขาคงอยู่ ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีฟืน ขอเพียงพวกเขาปลอดภัยดี สักวันต้องสร้างเผ่าหยกขึ้นมาได้อีกครั้งแน่”
ผู้อาวุโสท่านอื่นไม่ทราบความนัย แต่ผู้อาวุโสหกกลับคาดเดาได้ว่านางต้องการทำอะไร เพียงแต่เขาไม่ได้เปิดโปงต่อหน้าทุกคน
กู้ชูหน่วนอดกลั้นความร้อนรน ถาม “หากให้คนในเผ่าออกจากอุโมงค์ทั้งหมด ต้องใช้เวลาเท่าไรหรือ?”
“ประมาณห้าวัน”
ห้าวันหรือ?
นางรอห้าวันไม่ได้
“ถึงที่นี่จะปลอดภัยอย่างไรก็อยู่นานไม่ได้ ไป๋เฉ่าท่านรีบนำเหล่าผู้อาวุโสส่งคนในเผ่าออกไปเสียคืนนี้ ส่งสุดยอดผู้อาวุโสกับผู้อาวุโสใหญ่ออกไปด้วย”
“รีบขนาดนี้เชียว…”
นี่คือหนึ่งในที่ลับสุดยอดของเผ่าหยก
อย่าว่าแต่คนเงาเลย แม้แต่อดีตหัวหน้าเผ่าก็ไม่ทราบสถานที่แห่งนี้
พวกเขาจะตามมาเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร
“ป้องกันเหตุสุดวิสัย”
“เชื่อหัวหน้าเผ่าเถอะ ไม่ผิดแน่” ผู้อาวุโสหกกล่าวแทรก
ทุกคนต่างเข้าใจและรวมกลุ่มคนในเผ่าออกไปอย่างรวดเร็ว
กู้ชูหน่วนเอ่ย “พวกท่านไปก่อน ข้าจะรั้งท้าย ผู้อาวุโสหกอยู่เป็นเพื่อนข้าคนเดียวก็พอ”
“หัวหน้าเผ่า พวกเราส่งท่านออกไปก่อนเถอะ”
“ข้าบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้ขยับได้หรือ? ให้เวลาข้ารักษาตัวหน่อยเถอะ
“เออ…”
ผู้อาวุโสหกโบกมือ ไล่ผู้อาวุโสท่านอื่นออกไป “หัวหน้าเผ่าให้พวกเจ้าไปก่อน พวกเจ้าก็ไปก่อนสิ จะมาปากมากขนาดนั้นทำไมกัน หรือว่าข้าปกป้องหัวหน้าเผ่าไม่ได้หรือ? หรือว่าเจ้าห่วงว่าไอ้สวะเผ่าเทียนเฟิ่นพวกนั้นจะตามมาถึงแล้ว?”
“ก็ได้ เช่นนั้นเราจะพาคนในเผ่าออกไปก่อน เอาไว้พวกเขาออกไปกันหมดแล้วเราค่อยกลับมารับหัวหน้าเผ่า”
ผู้อาวุโสหกกล่าวอย่างอารมณ์เสีย “รับอะไร เราใช่ว่าจะไม่มีขาเดิน รีบไปเถอะ ช้าไปนิดอันตรายก็จะมากขึ้น”
ไป๋เฉ่ากสบตากับผู้อาวุโสท่านอื่นๆ ทีหนึ่ง ต่างไม่เข้าใจว่าทำไมผู้อาวุโสหกต้องพลอยร้อนใจไปกับหัวหน้าเผ่าด้วย?
หรือว่าคนเงาจะตามมาถึงที่นี่ได้จริง?
แม้ยังสับสน แต่ไป๋เฉ่าและคนอื่นๆ ก็ยังออกไปกันก่อน ทิ้งไว้เพียงยอดพลม้านิลหนึ่งกองคุ้มกันกู้ชูหน่วนและผู้อาวุโสหก
หลังจากพวกเขาไปแล้ว ห้องลับจึงเหลือแต่กู้ชูหน่วนและผู้อาวุโสหก
ผู้อาวุโสหกขยับเข้าใกล้กู้ชูหน่วน กล่าวอย่างเจ้าเล่ห์ “อาหน่วน เจ้าต้องการไปหาเวินเส้าหยีใช่หรือไม่?”
“ใช่”
“พวกเราก็มีคุณธรรมถึงที่สุดแล้ว เจ้าสุนัขนั่นจะเป็นหรือตายก็สุดแล้วแต่ดวงชะตาของเขาสิ จะสนใจไปไย”
กู้ชูหน่วนพยายามลุกขึ้น
นางบาดเจ็บหนักเหลือเกิน ยามนี้แม้แต่จะเคลื่อนไหวก็ยังลำบาก ด้วยความจนใจจึงหยิบยาระงับปวดมาระงับความเจ็บปวดให้ตัวเองก่อน
ผู้อาวุโสหกเห็นแล้วก็เวทนานัก สะบัดมือทีหนึ่ง “ช่างเถอะๆ เจ้าสุนัขนั่นอยู่ที่ไหน ข้าจะไปรับเขากลับมา”
“ท่านจะไป?”
“ข้าคุ้นเคยกับเผ่าหยกมากกว่าเจ้า อาการบาดเจ็บข้าก็เบากว่าเจ้ามาก หากเจอกับอันตรายอะไร ข้ายังพอหลบหลีกได้ทันท่วงที”
“ไม่ได้ ผู้อาวุโสไป๋เฉ่า เป็นไปได้มากว่าพวกเขาจะย้อนกลับมารับข้า ถ้าพวกเขากลับมาไม่เจอข้าต้องกลับไปที่เผ่าหยกอีกแน่ ท่านต้องอยู่ที่นี่รั้งพวกเขาไว้ ข้าไปเดี๋ยวเดียวก็กลับ”
“เช่นนั้นเจ้าก็อยู่ที่นี่รั้งพวกเขาก็ได้เหมือนกันมิใช่หรือ? เรื่องนี้ไม่ต้องหารือกันอีก ต้องให้ข้าไป ไม่เช่นนั้นข้าจะไปบอกพวกไป๋เฉ่าเดี๋ยวนี้แหละ”
“ได้ เวินเส้าหยีอยู่ในห้องลับในตำหนักนอนข้า กลไกห้องลับอยู่ในภาพนี้ ท่านรีบไปรีบกลับ หากเจออันตรายอะไรต้องเอาตัวรอดก่อน”
“ข้ารู้แล้ว รอฟังข่าวดีจากข้าเถอะ ข้าต้องพาเจ้าสุนัขนั่นกลับมาได้แน่”
ผู้อาวุโสหกเดินอาดๆ ออกไป หากก็บ่นว่าเวินเส้าหยีตายไปยังไม่สาสม
แต่กู้ชูหน่วนกลับเข้าใจดี
ผู้อาวุโสหกเป็นผู้สำนึกในบุญคุณ เขาทราบว่าเวินเส้าหยีเคยช่วยนาง มิเช่นนั้นก็คงไม่บอกนางว่าเวินเส้นหยีอยู่ที่เหวลึกอนันต์
กู้ชูหน่วนอยู่รอในห้องลับ รอหนึ่งวันเต็ม ผู้อาวุโสหกก็ยังไม่พาเวินเส้าหยีกลับมา
ความกระวนกระวายในใจนางมากขึ้นเรื่อยๆ
จากที่นี่ไปตำหนักนอนนาง ระยะไม่ถือว่าไกล ถึงจะวิ่งไปมายี่สิบรอบก็ยังพอเหลือเฟือ แต่กลับไม่มีข่าวคราวของผู้อาวุโสหกสักที
กู้ชูหน่วนรอไม่ไหวอีกต่อไป นางฝืนความเจ็บปวดเดินกะเผลกออกจากห้องลับ เตรียมตัวไปดูด้วยตัวเอง
หลังจากพักฟื้นหนึ่งวันกอปรกับยาระงับปวดเฉพาะของนาง อาการของกู้ชูหน่วนจึงดีกว่าเดิมมาก
ครั้นออกจากอุโมงค์ลับ กู้ชูหน่วนก็ตกตะลึงพบว่าตนเองอยู่กลางภูเขารกร้าง
ทางเข้าอุโมงค์ลับมีม่านอาคมอยู่ ไม่สามารถเห็นอะไรได้จากภายนอก
เนื่องจากเป็นยามราตรี อีกทั้งยังอยู่กลางสารทฤดู ครั้นกู้ชูหน่วนออกมาก็อดหนาวสะท้านเป็นไม่ได้
ณ จุดไกลๆ มีเปลวเพลิงพุ่งทะยานสู่ท้องฟ้า เมฆดำตลบอบอวล กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว
นั่นเป็นทางห้องประชุมรวมไปถึงเรือนพักของคนในเผ่า
ดวงเพลิงเป็นแถบๆ แดงฉานจนทำให้ค่ำคืนส่องสว่างราวกับตะวันฉาย ภายใต้เพลิงโหม กู้ชูหน่วนยังถึงกับสงสัยว่าเผาหยกจะถูกเผาจนวอดวายสิ้นแล้ว
ตลอดทางที่นางเดินไป คิ้วก็ขมวดมุ่นเรื่อยๆ กำปั้นชมพูกำแน่นมากขึ้น
บนพื้นมีร่างศพของชาวเผ่าหยกจำนวนมาก กระจัดกระจายระเนระนาด แต่ละคนล้วนถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม
ที่ทำให้นางเดือดดาลมากยิ่งขึ้นคือ หลายจุดไม่ไกลด้านหน้ามีประชาชนเผ่าหยกถูกมัดติดกับเสาอยู่ ตรงฐานเสามีฟืนแห้งอยู่กองหนึ่ง ฟืนถูกจุดแล้ว เพลิงโหมกำลังแผดเผาดังเปรียะๆ
คนในเผ่าเหล่านั้นทรมานแผดเสียงร้องหัวใจแหลกลาญ
คนเผ่าเทียนเฟิ่นที่ล้อมพวกเขากลับไม่รู้สึกรู้สา ทั้งยังจุดไฟไม่หยุด เผาพวกเขาให้ตายทั้งเป็น
“พูด ทางเข้าอุโมงค์ลับอยู่ที่ไหน? ตาแก่หนังเหนียวเผ่าหยกพวกนั้นอยู่ที่ไหน?”
มีสตรีวัยกลางคนผู้หนึ่งไต่ถามอยู่คนเผ่าเทียนเฟิ่น
เนื่องจากนางสวมหน้ากากจึงไม่สามารถเห็นหน้าตาได้ เส้นผมดำหมึกสยาย น้ำเสียงพกพาความแหบแห้งเล็กน้อย
แม้จะอยู่ห่างไกลมาก แต่นางรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายความเย็นชาที่ส่งมาจากตัวนาง
กลิ่นอายเย็นยะเยียบนี้ไม่อาจเกิดความรู้สึกดีขึ้นได้
กู้ชูหน่วนหมอบกับยอดเขาเตี้ยสังเกตนางอยู่ไกลๆ
ในใจบังเกิดความฉงนหนึ่ง
นาง…หรือว่าจะเป็นคนเงา?
ครั้นเห็นความเย็นเยือกที่เผยออกมาจากดวงตาคู่นั้นที่ปราศจากความรู้สึกใดๆ โดยรวมกู้ชูหน่วนก็มั่นใจแล้วว่านั่นก็คือคนเงาระดับหกขั้นสูงนั่นเอง
มีเพียงยอดฝีมือระดับหกขึ้นไปเท่านั้นถึงทำให้คนอื่นรู้สึกสะพรึงกลัวจากก้นบึ้งหัวใจได้
กู้ชูหน่วนไม่กลัวนาง แต่กลับต้องยอมรับว่าบุคลิกนางน่ายำเกรงมาก
กู้ชูหน่วนจินตนาการไม่ออกจริงๆ ว่าบุรุษดีๆ เยี่ยงเย่จิ่งหานไฉนจึงมีมารดาใจดำอำมหิตขนาดนี้ได้
“ถุย อย่าว่าแต่ข้าไม่รู้เลย ถึงจะรู้ ข้าก็ไม่บอกเจ้าแน่ เจ้าตายใจเสียเถอะ จะเผาก็เผา อ้า…”
เมื่อคนในเผ่ากล่าวจบ ก็ถูกผ่ามือของนางปาดสองขา เลือดทะลักออกมาราวกับแม่น้ำล้นตลิ่ง
“ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง ทางเข้าอุโมงค์ลับอยู่ที่ไหน ตาแก่หนังเหนียวพวกนั้นอยู่ที่ไหน?”
“ถ้าเจ้าจะบีบคั้นอย่างไร ข้าก็ไม่บอกเจ้า”