กู้ชูหน่วนเหลือบมองผู้อาวุโสหกแวบหนึ่ง แล้วรีบเดินไปที่เหวลึกอนันต์
“เวินเส้าหยีเป็นอย่างไรบ้าง?”
“วางใจเถอะ ข้าออมมือแล้ว กระดูกสะบักของเวินเส้าหยีไม่ได้ถูกดึงทั้งหมด เพียงแค่เจ้ารักษาได้ทันเวลา กระดูกสะบักของเวินเส้าหยีจะต้องต่อกันได้แน่”
ฝีเท้าของกู้ชูหน่วนเร่งรีบ
นางไม่กล้าจินตนาการจริงๆ หากว่าช่วยกลับมาไม่ได้ เช่นนั้นทั้งชีวิตนี้ของเวินเส้าหยีก็ไม่เท่ากับว่าพังทลายไปแล้วหรือ
“อาหน่วน เวินเส้าหยีเจ้าหมานั่นเป็นหัวหน้าเผ่าน้อยของเผ่าเทียนเฟิ่น ทำไมพวกเราต้องเสี่ยงต่อการล่วงเกินคนทั้งเผ่าเพื่อไปช่วยเขาด้วย?”
“เขาเป็นหัวหน้าเผ่าน้อยของเผ่าเทียนเฟิ่นไม่ผิด แต่เขาไม่เคยทำเรื่องผิดใดๆที่ทำร้ายเผ่าหยก ข้าเชื่อ อนาคตเขาก็จะไม่ทำเรื่องที่ผิดต่อเผ่าหยกอย่างง่ายดายเช่นกัน นิสัยเดิมของเขาไม่ได้เลวร้าย”
“รู้คนรู้หน้าไม่รู้ใจ เรื่องแบบนี้ใครๆก็รู้นะ”
ผู้อาวุโสหกเปล่งเสียงออกมาอย่างเย็นชา เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
ทีแรกเขาไม่ได้อยากช่วยกู้ชูหน่วน แต่สุดยอดผู้อาวุโสกับผู้อาวุโสใหญ่และคนอื่นๆคิดจะให้เวินเส้าหยีอุทิศตัวทั้งเป็น และต้องการมอบความตายด้วยเหล้าพิษให้เย่จิ่งหานไปพร้อมกัน เขากลัวว่ากู้ชูหน่วนจะเสียใจ จึงแอบเอาแผนการของสุดยอดผู้อาวุโสและคนอื่นบอกกับกู้ชูหน่วน
คิดไม่ถึงว่ากู้ชูหน่วนจะคิดวิธีการเช่นนี้ออกมาได้จริงๆ
นางสั่งให้คนทำลายวิทยายุทธของเวินเส้าหยี ดึงกระดูกสะบัก ขังไว้ที่เหวลึกอนันต์ชั่วนิรันดร์ ยืมสิ่งนี้มาแสดงให้เห็นว่า นางเป็นหนึ่งเดียวกับเผ่าหยก มีความเกลียดแค้นฝังลึกเข้ากระดูกต่อเวินเส้าหยี แต่เพราะบุญคุณก่อนหน้านี้ นางจึงไม่ได้ฆ่าเขา
แม้จะไม่ฆ่า แต่กลับใช้วิธีการอันโหดเหี้ยมยิ่งกว่ามาต่อกรกับเวินเส้าหยี
พวกชั้นสูงเหล่านั้นของเผ่าหยกก็สามารถยอมรับได้
ประการที่สอง เพื่อปกป้องเย่จิ่งหาน นางจงใจลงมือกับเวินเส้าหยีก่อน เป็นฉากบังหน้า สร้างความสับสนให้กับชนชั้นสูงของเผ่าหยก
ด้านหนึ่งก็ใช้ชีวิตของตัวเองเพื่อข่มขู่ บีบบังคับให้สุดยอดผู้อาวุโสกับผู้อาวุโสใหญ่และคนอื่นๆปล่อยเย่จิ่งหานไป
ทีแรกสำหรับเวินเส้าหยีและเย่จิ่งหาน พวกสุดยอดผู้อาวุโสก็คิดจะฆ่าไปโดยตรง
แต่กู้ชูหน่วนสังหารไปหนึ่งปกป้องไว้หนึ่ง ก็นับว่าให้ทางลงกับพวกเขาแล้ว
สุดยอดผู้อาวุโสใหญ่และคนอื่นๆจำเป็นต้องเป็นห่วงความรู้สึกและตำแหน่งของหัวหน้าเผ่า จึงทำได้เพียงฝืนใจเห็นด้วยที่จะให้เย่จิ่งหานจากไป
เพียงแต่….
เขาคิดไม่ตกจริงๆ ทำไมอาหน่วนถึงต้องพูดคำที่ตัดเยื่อใยอย่างใจดำเช่นนั้นกับเย่จิ่งหานด้วย
หรือว่านางคิดว่าตัวเองเป็นพี่น้องแท้ๆกับเย่จิ่งหานมาตลอดเช่นนั้นหรือ?
ก็ถูก ก็ไม่ได้มีใครบอกนางเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา อาหน่วนจะต้องคิดว่าพวกเขาเป็นพี่น้องกันแน่นอนอยู่แล้ว
ผู้อาวุโสหกมีใจอยากจะบอกความจริงแก่กู้ชูหน่วน
แต่เมื่อนึกถึงเรื่องราวทุกสิ่งทุกอย่างที่คนเงาทำกับอดีตหัวหน้าเผ่ารวมทั้งเผ่าหยกแล้ว เขาก็ไม่มีทางให้อภัยได้จริงๆ
“อาหน่วน เรื่องที่พวกเราไปที่เหวลึกอนันต์ หากว่าสุดยอดผู้อาวุโสและคนอื่นๆรู้เข้าจะทำเช่นไร? เจ้าว่าพวกเขาจะขับไล่ข้าออกจากเผ่าหยกหรือไม่? หากว่าข้าโดนขับไล่ออกไปแล้ว เจ้าจะต้องช่วยพูดให้ข้านะ”
“วางใจเถอะ แม้ว่าสุดยอดผู้อาวุโสจะรู้เข้า ก็ไม่กล้าพูดอะไร”
อย่างมากก็แค่ฆ่าเวินเส้าหยีไปซะภายใต้ความโกรธ
คิดถึงเรื่องที่คนรับใช้รายงานเมื่อครู่
พวกตาแก่อมตะเหล่านั้นของเผ่าเทียนเฟิ่นที่ยังอยู่ด้านนอกก็ไม่ยอมแพ้ คิดทุกวิถีทางต้องการจะเข้ามาที่เผ่าหยก กระทั่งยังมีความเสี่ยงที่จะทำลายม่านอาคมชั้นสองของเผ่าหยกได้รางๆแล้วด้วย
กู้ชูหน่วนก็ไม่รู้ว่าการช่วยเวินเส้าหยีนั้นถูกหรือผิดกันแน่
แต่ถ้าไม่ช่วย กลัวว่านางก็คงจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต
วนอ้อมการรักษาเวรยามและค่ายกลมากมายด้วยความรีบเร่งอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดกู้ชูหน่วนและผู้อาวุโสหกก็มาถึงเหวลึกอนันต์แล้ว
จากชื่อก็ความสามารถรู้ความหมายโดยนัยได้ เหวลึกอนันต์ตั้งอยู่ในหุบเขาแห่งหนึ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ในเผ่าหยก ในนี้มองไม่เห็นเดือนไม่เห็นตะวันตลอดทั้งปี มีกลิ่นเน่าเหม็นและอับชื้น
“อยู่ที่ไหน?”
เบื้องหน้ามีห้องขังมากมาย หาไปทีละห้องๆ ต้องสิ้นเปลืองเวลานานเพียงใด
อาการบาดเจ็บของเวินเส้าหยีล่าช้าอีกไม่ได้ ล่าช้าต่อไป นางไม่กล้าคิดถึงผลลัพธ์สุดท้ายจริงๆ
“เอ่อนี่……ก่อนหน้านี้หลายปีข้าเคยมาครั้งหนึ่ง ตอนนั้นดื่มเหล้าจนเมามาย โดยละเอียดก็จำไม่ได้ว่ามีกี่ห้อง ข้า…..ลืมไปหมดแล้ว อีกทั้งข้าก็ไม่รู้ด้วยว่าเวินเส้าหยีถูกขังไว้ที่ไหน”
“ท่านกับผู้อาวุโสรองเป็นคนเอาเขาเข้ามาขังไว้ไม่ใช่หรือ?”
“เป็นข้าที่เอาเข้ามาขังกับผู้อาวุโสรองไม่ผิด แต่ว่า….แต่ว่าพวกเขารังเกียจที่ข้ามักจะดื่มเหล้าจนทำให้เสียเรื่อง จึงไม่ให้ข้าเข้ามา ดังนั้น…..”
กู้ชูหน่วนถูกเขาทำให้โมโหจนมีความคิดอยากตายแล้ว
นางมอบหมายซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า จะต้องยืนยันให้ได้ว่าเวินเส้าหยีถูกขังอยู่ที่ห้องไหน เพราะเวลาที่เหลือให้เขามีไม่มาก”
ล่าช้าไปเพียงนิดเดียว เวินเส้าหยีก็จะถูกทำลายแล้ว
แต่ตอนนี้ ผู้อาวุโสหกบอกนางว่า เขาไม่รู้ว่าเวินเส้าหยีถูกขังอยู่ที่ไหน
ห้องขังเกือบร้อยห้อง นางจะต้องหาไปถึงปีไหน
“ไม่เช่นนั้น ข้าจะไปถามคนดู”
“ถามอะไร? ท่านไม่เห็นหรือว่าในนี้ทหารสักคนก็ไม่มี?” แม้ว่าจะมี ก็ถามตรงๆไม่ได้นี่นา
“เห็นแล้ว”
“ในนี้คือสถานที่คุมขังนักโทษตัวการสำคัญของเผ่าหยก ตามหลักควรมีการเฝ้ารักษาอย่างเข้มงวด แต่ที่นี่ไม่มีผู้ใดเฝ้าอยู่ พิสูจน์ได้ว่าที่นี่ผิดปกติ บางที….ในนี้อาจจะมีสิ่งอันตรายอะไรอยู่ หรืออาจจะมีค่ายกลกับดักที่ยอดเยี่ยมอยู่ก็ได้”
“กลไกและค่ายกลก็มีอยู่บ้าง แต่พวกเราก็ทำลายหมดแล้วไม่ใช่หรือ?”
“……”
กู้ชูหน่วนขี้เกียจจะพูดไร้สาระกับเขา
เวลาที่ดื่มเหล้าไม่มีสติ
เวลาที่ไม่ได้ดื่มเหล้าก็ไม่มีสติเช่นกัน
นางจะรู้ได้อย่างไรว่าทำลายกลไกค่ายกลไปหมดแล้วหรือยัง
แล้วนางจะรู้ได้อย่างไรอีกว่าถ่วงเวลาต่อไปเช่นนี้ แม้ว่าจะหาเวินเส้าหยีเจอและจะมีความจำเป็นอย่างไรอีก
เดินไปด้านหน้าตลอดทาง จิตใจของกู้ชูหน่วนก็เป็นกังวลถึงขีดสุด แต่กลับไม่กล้าแสดงออกมา กลับต้องฝืนบังคับให้ตัวเองสงบนิ่งยิ่งขึ้น
หากว่านางเดาไม่ผิด ในนี้น่าจะมีห้องขังอยู่เก้าสิบเก้าห้อง
แต่ละห้องอยู่ห่างกันค่อนข้างไกลมาก และมีการวางกลไกไว้ตรงกลาง
นางทำได้เพียงหาไปทีละห้อง ทำลายกลไกไปทีละห้อง
กู้ชูหน่วนหลับตาลง สมองหมุนอย่างรวดเร็ว
ผ่านไปสักพักหนึ่ง นางก็ลืมตาขึ้นกะทันหัน ความกังวลและความกระวนกระวายใจดวงตาสลายไป แทนที่ด้วยความแน่วแน่
“เวินเส้าหยีอยู่ในห้องขังด้านล่างสุดของเหวลึกอนันต์”
“เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
“เหอะ…..เพราะความแค้นที่เผ่าหยกมีต่อเผ่าเทียนเฟิ่น และเขาก็เป็นหัวหน้าเผ่าน้อยของเผ่าเทียนเฟิ่น นอกจากหัวหน้าเผ่าและสุดยอดผู้อาวุโสแล้วก็เป็นคนที่มีตำแหน่งสูงส่งที่สุดแล้ว”
กู้ชูหน่วนจรดปลายเท้า อาศัยเชือก แล้วกระโดดลงเหวลึกไปอีกครั้ง
ผู้อาวุโสหกกระทืบเท้าด้วยความโกรธอยู่ตลอด
ไม่ได้บอกว่ามีกลไกที่ร้ายกาจและอันตรายที่ไม่ชัดเจนอยู่หรือ? ทำไมถึงได้กระโดดลงไปเช่นนี้ได้?
ผู้อาวุโสหกรีบกระโดดตามลงไป
เมื่อกระโดดไปได้ครึ่งทาง งูยักษ์ก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างฉับพลัน อ้าปากใหญ่ๆอันกระหายเลือดเข้ามากัดพวกเขาอย่างดุดัน
กู้ชูหน่วนรู้ว่าคิดจะเรียกเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ออกมา ไม่ผ่านการล่อลวงจนน่ารำคาญ มันก็จะไม่ตื่นขึ้นมา
กู้ชูหน่วนจึงได้ดึงมันออกมาจากข้อมือ แล้วโยนมันเข้าไปในปากงูยักษ์โดยตรง
เป็นดังคาด แม้ว่าเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์จะขี้เซา แต่เมื่ออันตรายมาถึงตัวก็ยังตอบสนองขึ้นมาแล้ว เปลี่ยนร่างในพริบตา งูยาวๆตัวหนึ่งแกว่งหาง เคลื่อนไปทิศทางหนึ่ง หลบหลีกการกลืนกินไปอย่างหวุดหวิด
“โอ้พระเจ้า นายหญิง นี่ท่านต้องการจะผลักให้เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เข้าสู่เส้นทางแห่งความตายหรือ?”
กู้ชูหน่วนเหลือบมองไปที่เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง ความเร็วคงที่ ไปทางด้านล่างต่อไป
งูยักษ์ไล่ไปโจมตีกู้ชูหน่วน
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์แยกเขี้ยวฉีกปาก แลบลิ้นร้องฟ่อๆ
“แม้ว่านายหญิงจะใจจืดใจดำกับข้า แต่ข้าไม่สามารถทำผิดต่อนางได้ เจ้าเป็นงูตัวเล็กๆตัวหนึ่ง ก็กล้ามารังแกนายหญิงของข้า ดูซิว่าข้าจะจัดการกับเจ้าอย่างไร”
ผู้อาวุโสหกที่ตามอยู่ด้านหลังกลืนน้ำลายแล้วกลืนน้ำลายอีก
อันนี้…….
ยังเป็นงูน้อยอีกเหรอ?
เขารีบเพิ่มความเร็วติดตามไป
งูยักษ์ทั้งสองตัวต่อสู้กันปึงปังๆ พื้นสะเทือนภูเขาสั่นไหว
กู้ชูหน่วนยังคงไม่สนใจ
เมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงเบื้องล่างสุดของเหวลึกแล้ว กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวของค่ายกลสังหารก็ห่อหุ้มโจมตีมาอย่างฉับพลัน
กู้ชูหน่วนล่อค่ายกลสังหารไปทางผู้อาวุโสหก ให้ผู้อาวุโสหกทำลายค่ายกล ตัวเองหาโอกาส ฉึบเสียงหนึ่งนางตกลงไปที่ก้นเหวแล้ว
“อาหน่วน เจ้าช่างไร้คุณธรรมเกินไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะให้ข้าเป็นโล่รับลูกศรแทน ข้าอายุปูนนี้แล้ว เจ้าก็ไม่กลัวว่าข้าจะตายอยู่ที่นี่”
“วางใจเถอะ ท่านไม่ตายหรอก ค่ายกลสังหารอันหนึ่งไม่ได้ยากสำหรับท่าน”