ผู้อาวุโสหกกล่าว “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็ดีมาก ทั้งยังเป็นราชางูเก้าหัวมรกตอีกด้วย การบำเพ็ญฌานของมันถึงขีดสุด มีความเป็นไปได้ที่ศักยภาพจะทะยานขึ้นสู่ระดับเจ็ดได้ คนมากมายบนโลกนี้ทุ่มเททุกสิ่งอย่างคิดจะครอบครองราชางูเก้าหัวมรกตก็หาไม่ได้ ทำไมเจ้าถึงได้ละทิ้งอีก”
“ท่านต้องการก็เก็บไว้”
“ข้าก็อยากได้อยู่หรอก แต่ดูแล้วเจ้านี่ก็จดจำเจ้านายมาก ข้าเห็นว่านอกจากเจ้าแล้ว ไม่ว่าใครก็ไม่เข้าตามัน”
กู้ชูหน่วนเหลือบมองผู้อาวุโสหกแวบหนึ่ง แบกเวินเส้าหยีแล้วเดินหน้าต่อไป
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กลัวว่าถ้าพันขึ้นไปบนข้อมือนางอีก จะทำให้กู้ชูหน่วนรำคาญมากขึ้นเรื่อยๆ ทำได้เพียงติดตามอยู่ด้านหลังของนางด้วยความระมัดระวัง สัญญาว่าหลังจากนี้จะไม่ตะกละอีก ไม่ขี้เซาอีก
ผู้อาวุโสหกปวดใจแทนเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์
และปวดใจแทนกู้ชูหน่วน
ตั้งแต่หลังจากที่อี้เฉินเฟยและบรรดาเผ่าน้ำแข็งเสียชีวิตไป เหมือนว่านิสัยจิตใจของอาหน่วนก็เปลี่ยนไปมาก
เปลี่ยนไปจนนิ่งเฉยพูดน้อยลง การปฏิบัติตัวต่อคนรอบข้างก็เย็นชาขึ้นเรื่อยๆ
ไม่…..
นางไม่ได้เย็นชาไร้ความรู้สึก
หากว่านางเย็นชาไร้ความรู้สึกแล้วจะไปช่วยเวินเส้าหยีโดยไม่สนใจทุกสิ่งอย่างได้อย่างไร
ผู้อาวุโสหกตักเตือน “อาหน่วน หากว่ากระดูกสะบักของเจ้าหมานั่นไม่หัก พวกเราสามารถช่วยเขาได้ แต่ตอนนี้…..ข้ากลัวว่าหลังจากนี้เขาจะแก้แค้นเจ้า ไม่งั้นพวกเราฆ่าเขาไปตรงๆเลยยังจะดีซะกว่า เขาบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ ก็ไม่แน่ว่าจะมีชีวิตรอดได้”
คำพูดนี้เหมือนกับเย่จิ่งหานทุกประการ
กู้ชูหน่วนเพียงแค่ฟัง แต่ไม่ได้ตอบกลับ
ผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็เอ่ยถามว่า “นอกจากเส้นทางเส้นนั้นที่เราใช้เป็นประจำแล้ว เผ่าหยกยังมีเส้นทางไหนที่สามารถทะลุไปภายนอกได้อีก”
“ยังมีทางที่พวกเจ้าเข้ามาเส้นทางนั้น แต่เส้นทางนั้นยังมีพวกตาแก่อมตะของเผ่าเทียนเฟิ่นที่กำลังระเบิดถล่มกันอย่างบ้าคลั่งอยู่ เกรงว่าจะผ่านไปได้ไม่สะดวก ส่วนทางเส้นที่สาม…..บางทีอาจจะมีเพียงสุดยอดผู้อาวุโสและผู้อาวุโสใหญ่เท่านั้นที่รู้”
แน่นอน อาหน่วนก็อาจจะรู้เช่นกัน
แต่นางสูญเสียความทรงจำ แม้แต่นางเองก็ไม่รู้ว่าทางเส้นที่สามอยู่ที่ไหน
“เดินทางเส้นที่สอง”
“เส้นที่สอง? เส้นที่สองออกไปไม่ได้นี่นา…..ด้านนอกล้วนเป็นตาแก่อมตะของเผ่าเทียนเฟิ่น……”
“ก็เพราะเป็นเช่นนี้ ดังนั้นจึงต้องเดินทางเส้นที่สอง แม้ว่าตาแก่ไม่กี่คนนั้นของเผ่าเทียนเฟิ่นจะโหดเหี้ยม แต่ก็นับว่ายังซื่อสัตย์ภักดีต่อเวินเส้าหยี และ……เอ็นดูเขามาจากก้นบึ้งของจิตใจ หลังจากที่พวกเขาหาเวินเส้าหยีพบ ก็น่าจะรักษาอาการบาดเจ็บให้เวินเส้าหยีในทันที บางทีอาจจะออกจากเผ่าหยกไปด้วย”
“แล้วพวกเราจะส่งไปอย่างไร? พวกเขาพบเห็นพวกเรา ไม่กำจัดพวกเราไปโดยตรงก็แปลกแล้ว ครั้งนี่เผ่าหยกของพวกเราได้รับความเสียหายหนักจนน่าอนาถ ไม่ใช่คู่ต่อกรของพวกเขาโดยสิ้นเชิง อีกทั้งหากว่าเปิดม่านอาคมแล้วพวกเขาฉวยโอกาสเข้ามาได้แล้วจะทำอย่างไร?”
“ไม่ใช่ว่าพวกเขายังทำลายม่านอาคมชั้นที่สองให้เปิดไม่ได้หรือ? พวกเราวางเวินเส้าหยีไว้ในม่านอาคมชั้นที่สองละกัน”
“เช่นนั้นหากพวกเขาทำลายม่านอาคมชั้นที่สองไม่ได้ล่ะ?”
“พวกเขาสามารถทำลายจนเปิดได้แน่ เพียงแต่จะช้าหรือเร็วเท่านั้น”
ผู้อาวุโสหกครุ่นคิดไปมา ก็ยังรู้สึกว่าเสี่ยงอันตรายเกินไป
นางไม่เพียงแค่เอาชีวิตของเวินเส้าหยีไปเดิมพัน ยังเอาชีวิตของคนทั้งเผ่าหยกไปเดิมพันอีกด้วย
หากว่าพวกเขาเปิดม่านอาคมชั้นที่สอง ปล่อยเวินเส้าหยีไว้ในม่านอาคมชั้นที่สอง แล้วดันประจวบเหมาะกับที่ตาแก่เหล่านั้นของเผ่าเทียนเฟิ่นทำลายม่านอาคมชั้นที่สองให้เปิดพอดี ทั้งสองฝ่ายประจันหน้ากัน เช่นนั้นจะจัดการอย่างไร?
เพื่อสุนัขของเผ่าเทียนเฟิ่นตัวหนึ่ง ทำเช่นนี้คุ้มค่าแล้วหรือ?
เจ้าหมานั่นก็จะไม่ได้จดจำความดีของนาง จะจำเพียงแค่นางส่งคนไปหักกระดูกสะบักของเขา
กู้ชูหน่วนมีท่าทีแน่วแน่ ไม่ได้คล้อยตามสิ่งที่ผู้อาวุโสหกไม่เห็นด้วย
ผู้อาวุโสหกไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความคิดของกู้ชูหน่วนได้ ทำได้เพียงจำใจเห็นด้วยเท่านั้น
หลังจากออกไปจากเหวลึกอนันต์ พวกเขาเห็นลูกศิษย์มากมายวิ่งไปมาที่ประตู บนใบหน้าของแต่ละคนล้วนมีสีหน้าแห่งความกังวล
กู้ชูหน่วนแบกเวินเส้าหยีหลบอยู่ด้านหลังหินก้อนโต
ผู้อาวุโสหกลากลูกศิษย์มาคนหนึ่งแล้วถาม
“ในเผ่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น? ทำไมแต่ละคนถึงได้ตื่นตระหนกกันไปหมด?”
“ผู้อาวุโสหกแย่แล้วเกิดเรื่องใหญ่แล้ว ตาแก่หนังเหนียวเหล่านั้นของเผ่าเทียนเฟิ่นทำลายม่านอาคม บุกเข้ามาแล้ว สุดยอดผู้อาวุโสกับผู้อาวุโสใหญ่และคนอื่นๆเข้าไปแล้ว ผู้อาวุโสรองให้พวกเรารวมตัวกัน ถูกแล้ว ผู้อาวุโสหกเห็นหัวหน้าเผ่าหรือไม่ขอรับ? ผู้อาวุโสคนอื่นๆล้วนกำลังตามหาหัวหน้าเผ่ากันอยู่ขอรับ”