หญิงวัยกลางคนแวบประกายจิตสังหาร ครั้นจวกหมัดออกไปก็ควักหัวใจของคนเผ่าหยกออกมาทันที
หัวใจที่ถูกควักออกมายังหลงเหลืออุณหภูมิอยู่ โลหิตคาวแดงฉานไหลหยดลงมาติ๋งๆ
ท่ามกลางเปลวเพลิง หญิงวัยกลางคนเกี่ยวรอยยิ้มโหดเหี้ยมดังปีศาจชั่วร้าย
“อาโก่ว…”
คนเผ่าหยกที่เหลือแยกเขี้ยวยิงฟัน
“เจ้ามันผู้หญิงวิปลาสอำมหิต ช้าเร็วต้องมีจุดจบไม่ดีเข้าสักวันแน่”
“ข้าจะถามพวกเจ้าอีกครั้ง อุโมงค์ลับอยู่ที่ไหน ตาแก่หนังเหนียวพวกนั้นอยู่ที่ไหน?”
“ถุย นางมารเฒ่า ถึงพวกเราต้องตายก็จะไม่บอกเจ้า”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเจ้าก็ไม่มีความจำเป็นอะไรอีกแล้ว”
ครั้นคนเงาโบกมือฟืนแห้งก็เผาไหม้ขึ้นเองโดยที่ไม่ได้จุด เปลวเพลิงร้อนแรงแผดเผาคนในเผ่าหยกทั้งหมด
เสียงครวญคราง เสียงก่นด่า เสียงอเนจอนาถดังเบาเป็นคลื่น เสริมสีเลือดให้กับราตรีนี้สามส่วน
กู้ชูหน่วนอยากไปช่วยพวกเขา
แต่นางทราบว่าสายไปเสียแล้ว
เปลวเพลิงนั้นพัดโหมเกินไป ไม่คิดให้พวกเขารอดชีวิตเลย
อีกทั้งนางยังบาดเจ็บสาหัส ไม่ใช้คู่ต่อสู้ของพวกเขา
คนเป็นๆ ถูกไฟคลอกตายต่อหน้าต่อตาอย่างนี้ และคนเหล่านั้นนางยังรู้จักบ้างมากบ้างน้อย หากบอกว่าไม่เจ็บปวดก็เป็นเรื่องโกหก
แต่นอกจากต้องอดทนแล้ว นางก็ไม่มีทางอื่น
“เผา เผาเผ่าหยกให้หมด อย่าให้เหลืออะไรทั้งนั้น ข้าต้องการให้เผ่าหยกสิ้นซาก ฮ่าๆๆ…”
คนเงาหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง คนในเผ่าแทบถูกเผาตายจนสิ้น แต่นางก็ยังไม่คลายอารมณ์ หยิบแส้ฟาดลงไปกับกระดูกพวกเขาอย่างแรงต่อเนื่อง แทบจะระบายโทสะที่อัดอั้นอยู่เต็มทรวงออกมาจนหมด
คนก็ตายไปแล้ว
แม้แต่ศพกระดูกก็ยังไม่ละเว้น
กู้ชูหน่วนทนดูต่อไปไม่ไหวจริงๆ
นางกลั้นอารมณ์อยู่ในอก อยากพุ่งออกไป
แต่ทันใดนันก็มีเสียงตวาดกร้าวดังมา กู้ชูหน่วนจึงหยุดฝีเท้า
“ฮัวอิ่ง เจ้าเผาเผ่าหยกจนหมด แล้วหัวหน้าเผ่าน้อยจะทำอย่างร? เรายังหาหัวหน้าเผ่าน้อยไม่เจอเลยนะ”
“ตาแก่หนังเหนียวเผ่าหยกพวกนั้นโหดเหี้ยมอำมหิตด้วยกันทั้งนั้น หัวหน้าเผ่าน้อยตกอยู่ในมือพวกมันหรือจะมีชีวิตรอด มิสู้กวาดล้างคนเผ่าหยกให้สิ้นซากได้ก็จะเป็นการแก้แค้นให้หัวหน้าเผ่าน้อยด้วย”
“บัดซบ ฐานะของหัวหน้าเผ่าน้อยสูงส่งเพียงใด ขอเพียงไม่เห็นศพของเขาก็ปักใจเชื่อไม่ได้ว่าเขาตายแล้ว แม้ต้องขุดหาให้ทั่วเผ่าหยก ก็ต้องหาหัวหน้าเผ่าน้อยให้พบ พวกเจ้าหยุดเดี๋ยวนี้ ดับไฟเสีย ห้ามเผาอีก เกิดเผาถูกหัวหน้าเผ่าน้อยจะทำอย่างไรเล่า”
กู้ชูหน่วนจำได้ ผู้เฒ่าที่กล่าวอยู่ข้างหลังนั้นก็คือสุดยอดผู้อาวุโสหยู่เย่ หรือก็คือสุดยอดผู้อาวุโสที่เชี่ยวชาญวิชาควบคุมเถาวัลย์
หากเทียบกับคนเงาแล้ว สุดยอดผู้อาวุโสหยู่เย่ยังมีมโนธรรมกว่ามาก ยังทราบว่าควรค้นหาเวินเส้าหยีให้ได้ก่อน
จากการสนทนาของพวกเขา เวินเส้าหยีกับผู้อาวุโสหกน่าจะยังไม่ถูกพวกเขาหาพบ
ในเมื่อพวกเขายังหาเวินเส้าหยีและผู้อาวุโสหกไม่พบ เช่นนั้นผู้อาวุโสหกไปไหนเสียล่ะ? เหตุใดเขาจึงไม่พาตัวเวินเส้าหยีกลับมาเสียที?
ฮัวอิ่งเอ่ย “เผ่าหยกมีอุบายเป็นพันเป็นหมื่น พวกเขายังจะเหลือศพของหัวหน้าเผ่าน้อยเอาไว้อีกหรือ? กลัวแต่บดเป็นผุยผงไปแล้ว”
คิ้วเข้มสุดยอดผู้อาวุโสหยู่เย่ขมวดมุ่น
ที่ให้นางเข้ามาเผ่าหยกด้วยกัน ก็เพื่อค้นหามุกมังกรเม็ดที่เจ็ดและเส้าหยีเป็นหลัก
แต่พอนางมาถึงแล้วก็เอาแต่ฆ่าฟันคนเผ่าหยก ไม่เพียงไม่ตั้งใจค้นหามุกมังกร ทั้งยังไม่สนในความเป็นความตายของเส้าหยีอีกด้วย
กว่าจะจับคนเผ่าหยกพวกนี้ได้ ขอเพียงสอบสวนให้ดี เขาไม่เชื่อว่าจะสืบทราบความอะไรไม่ได้
แต่นางกลับโหดเหี้ยมอำมหิต เผาจนวอดวายทันที
สุดยอดผู้อาวุโสหยู่เย่ไม่พอใจกับการกระทำของนางมาก
“อย่าลืมฐานะของเจ้า ถึงเจ้าจะมีฝีมือระดับหกขั้นสูง แต่เจ้าก็เป็นแค่ทำงานทั่วไปของเผ่าเทียนเฟิ่นเท่านั้น ทางที่ดีจากนี้เจ้าก็อย่าได้ทำตามอำเภอใจอีก หากหัวหน้าเผ่าน้อยเกิดเรื่อง เจ้าก็อย่าหวังจะรอด ฮึ…เด็กๆ ค้นหาหัวหน้าเผ่าน้อยกับมุกมังกรเม็ดที่เจ็ดต่อ ผู้อาวุโสเผ่าหยกพวกนั้นด้วย”
สุดยอดผู้อาวุโสหยู่เย่เป็นห่วงเวินเส้าหยี นำคนของเผ่าเทียนเฟิ่นออกตามหาต่อ
เขาไม่เห็นความเคียดแค้นที่แวบอยู่ในสายตาของคนเงา แต่กู้ชูหน่วนกับจับได้อย่างแม่นยำ
นอกจากความเคียดแค้น ยังมีจิตสังหารอีกด้วย
นางผู้นี้ก็คิดสังหารสุดยอดผู้อาวุโสหยู่เย่เช่นกัน…
ก็จริง…
เผ่าเทียนเฟิ่นมียอดฝีมือระดับหกขั้นสูงห้าคน ตอนนี้ตายไปแล้วสามคน เหลือแค่พวกเขาสองคนเท่านั้น
หากคนเงาลอบลงมือ บางทีก็อาจกำจัดสุดยอดผู้อาวุโสหยู่เย่ก็อาจได้จริง
นางไม่อยากเข้าร่วมการต่อสู้ของสุนัขให้มาก
นางแค่อยากหาเวินเส้าหยีให้พบโดยไวเท่านั้น
เมื่อคิดเช่นนี้ กู้ชูหน่วนจึงจากไปแบบมือเบาเท้าเบา อาศัยความคุ้นเคยต่อลักษณะพื้นที่หลบการตรวจตราของเผ่าเทียนเฟิ่น กระทั่งคลำทางถึงทางเข้าตำหนักนอนของนาง
ที่นั่นมีคนของเผ่าเทียนเฟิ่นเฝ้ายามอยู่มาก
กู้ชูหน่วนคิดว่าจะล่อพวกเขาออกไปแล้วปะปนเข้าไปได้อย่างไร
อย่างไม่ได้ตั้งใจ นางมองลอดช่องหน้าต่างเห็นหญิงที่นางไม่ประสงค์พบเจอผู้นั้น คือคนเงา
คนเงาอยู่ในตำหนักนอนนาง เอ่ยพึมพำกับภาพเหมือนในตำหนักนอนนาง ประเดี๋ยวหัวเราะ ประเดี๋ยวร้องไห้ ประเดี๋ยวโบกไม้โบกมือ
หากไม่ใช่เคยพบนางมาก่อน เกรงว่ากู้ชูหน่วนต้องคิดว่านางเป็นคนสติฟั่นเฟือนแน่
เสียงเพ้อของนางดังมาถึงข้างหู
“พี่ นี่คือภาพเหมือนลูกสาวท่านหรือ? อัปลักษณ์จริง อัปลักษณ์เยี่ยงท่าน”
“ท่านตายแล้ว แต่ทำไมลูกสาวท่านยังอยู่อีก หรือเพื่อมาให้ข้าขยะแขยง?”
“ปีนั้นท่านทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องลูกสาวของท่าน แม่ลูกรักลึกซึ้งจริงแท้ ในฐานะที่เป็นน้องสาวท่าน ข้าก็ควรปกป้องนางอย่างดีเช่นกัน แต่ข้าเกลียดท่าน”
“ขอเพียงเป็นสิ่งที่ท่านห่วงใย ท่านชอบ ข้าก็จะทำลายมันทิ้งให้หมด อย่างเช่นเผ่าหยก อย่างเช่นลูกสาวท่าน ฮ่าๆๆๆ…”
“ท่านวางใจเถอะ ข้าจะไม่ให้นางตายง่ายๆ หรอก ข้าจะค่อยๆ ทรมานนาง ให้นางชดใช้ในสิ่งที่เผ่าหยกติดค้างข้าเป็นร้อยเท่าทวีคูณ ฮ่าๆๆ…”
กู้ชูหน่วนได้ฟังแล้วก็คลื่นเหียน
นางคนนี้ปกติดีจริงหรือ?
เกรงว่าจะเป็นคนบ้ากระมัง
มีมารดาเช่นนี้ เป็นความอัปยศของเย่จิ่งหานโดยแท้
ใครผิดต่อนางก็ไปหาเอาคืนกับผู้นั้นสิ เหตุใดต้องดึงเผ่าหยกทั้งหมดมาร่วมด้วย
“ข้ารู้ว่าเวลานี้ลูกสาวท่านอยู่ในเผ่าหยก นางยังไม่ได้ไปไหน และข้าก็รู้ว่ากระดูกท่านต้องฝังอยู่ในเผ่าหยกแน่ ท่านวางใจเถอะ ข้าต้องตามหาให้พบ เกมแมวจับหนูมันน่าตื่นเต้นมากมิใช่หรือ?”
“ปีนั้นท่านถามข้าว่าทำไมถึงทำอย่างนั้น แล้วท่านว่าเพราะอะไรเล่า?”
“เป็นผู้หญิงเผ่าหยกเหมือนกัน ถือดีอย่างไรท่านเกิดมาก็ได้รับเกียรติยศและความรักจากเหล่าผู้อาวุโส ส่วนข้ากลับได้แต่เป็นเงาของท่าน ทำเรื่องสกปรก ต้องรับกับการฝึกหฤโหด แล้วยังต้องเป็นตัวตายตัวแทนของท่าน ตายแทนท่านได้ทุกเมื่อ”
“ท่านเป็นธิดาเทพ ข้ายอม แต่ทำไม…ทำไมคนที่เขาชอบต้องเป็นท่าน ไม่ใช่ข้า ท่านให้เขากินยาลวงวิญญาณอะไรกันแน่ ถึงทำให้เขาเอาแต่เฝ้าคิดถึงท่าน”
กู้ชูหน่วนฉงนสนเท่ห์
‘เขา’ ที่นางกล่าวถึงเป็นใครกัน?
ฮ่องเต้่เย่หรือ?
เพื่อผู้ชายคนเดียวถึงกับสะบั้นสายใยกับแม่ของนาง เป็นปรปักษ์จนวันตาย?
“เพื่อทำภารกิจให้ท่านได้ดียิ่งขึ้น ใบหน้าข้าจึงถูกแช่น้ำยาแต่เล็ก ทำให้เหมือนกับท่าน ดวงหน้านี้งดงามมาก แต่ข้ารังเกียจหน้านี้ยิ่ง ดังนั้นข้าก็เลยทำลายมันเสีย ข้าจะทำลายทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับท่านทั้งหมด ท่านอยากเห็นไหมว่าหน้าตาข้าเป็นอย่างไร?”
“ท่านต้องไม่อยากเห็นแน่ แต่ข้าก็จะให้ท่านดู”