อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 814 น่าเศร้า
เท่ากับว่ากู้ชูหน่วนถูกแยกตัวออกไปจากเผ่า
ความแค้นระหว่างทั้งสองเผ่าไม่อาจพังทลายกำแพงที่ขวางกั้นได้จริงๆ
นางปรารถนาจะช่วยเวินเส้าหยี แต่จนใจที่ตนเองบาดเจ็บสาหัส ได้แต่มองคนของเผ่าเทียนเฟิ่นปกป้องเวินเส้าหยีตายไปคราวละหลายๆ คน
แต่ก็มีผู้อาวุโสเผ่าเทียนเฟิ่นบางคนที่ต้องการฝ่าวงล้อมพาเวินเส้าหยีออกไป แต่ก็ถูกเผ่าหยกสกัดกั้นจนไม่สามารถฝ่าออกไปได้
“ฟิ่วๆๆ…”
คนของเผ่าหยกจำนวนหนึ่งยิงธนูกราดใส่คนของเผ่าเทียนเฟิ่นอย่างไม่ยั้งโดยพร้อมเพรียงจากที่ไกลๆ
ธนูแหลมดุจห่าฝน แน่นขนัด อีกทั้งบริเวณนี้ยังเป็นที่โล่งกว้างจึงไม่สามารถหลบได้
คนของเผ่าเทียนเฟิ่นถึงกับใช้ร่างกายตัวเองเข้าเป็นกำบังอยู่ตรงหน้าเวินเส้าหยี ต่อให้ตายก็ต้องปกป้องเวินเส้าหยีให้ได้
สลด
สลดใจยิ่ง
น่าสลดใจจนกู้ชูหน่วนไม่อาจทนดูได้
นางไม่กล้าคิดว่าเวลานี้เวินเส้าหยีจะเจ็บปวดรวดร้าวเพียงใด
ผู้คนมากมายต้องตายอย่างอนาถที่นี่เพื่อเขา แต่ตัวเองกลับไม่สามารถทำอะไรได้ กลัวว่านี่คงเป็นเรื่องสังเวชที่สุดในโลกานี้แล้วกระมัง
คนเผ่าเทียนเฟิ่นนับพับในเมื่อครู่เหลือเพียงสองสามร้อยคนในพริบตาเดียว แล้วยังจะลดลงเรื่อยๆ ต่ออีก
หาเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเขาต้องตายหมดอย่างไม่ต้องสงสัย
“ผู้อาวุโสน่าหลัน…”
เวินเส้าหยีตะโกนด้วยความตกใจกลัวเสียงหนึ่ง
เพื่อจัดการมือธนูเหล่านั้น ผู้อาวุโสน่าหลันถึงกับใช้กำลังภายในระเบิดร่างตัวเอง ดึงกำลังยุทธ์จนถึงขีดสุดแล้วให้มือธนูเหล่านั้นตกตายไปตามเขา
เขาเสียชีวิตแล้ว
มือธนูของเผ่าหยกก็บาดเจ็บล้มตายไปกว่าครึ่ง
ผู้อาวุโสอีกคนของเผ่าเทียนเฟิ่นแสดงศักดา นำหน่วยกล้าตายฝ่าออกไปเป็นทางเลือด ทุกจุดที่พวกเขาผ่านต้องมีศพของคนเผ่าหยกล้มระเนระนาด แต่ละคนล้วนราวกับเครื่องเฉือน เชือดเฉือนชีวิตคน
กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วเผ่าหยก
ราตรีนี้มิอาจสงบแน่แล้ว
ความอนาถในที่นี้กระตุ้นความเดือดดาลผู้อาวุโสเผ่าหยกมากขึ้น
สุดยอดผู้อาวุโสโบกมืออีกครั้ง มือธนูอีกกลุ่มหนึ่งก็เข้าแทนที่ พลม้านิลควบม้าห้อตะบึงกราดมา
โครม…
พื้นพสุธาสะเทือนเลือนลั่น ไม่ทราบว่ากระเด็นกระดอนไปกี่คนแล้ว
ครั้นพวกเขามาถึง ความเหนือชั้นก็ข่มคนทางฝั่งเผ่าเทียนเฟิ่นได้โดยสมบูรณ์
“พลั่กๆๆ…”
เผ่าเทียนเฟิ่นล้มลงอีกเป็นกอง
ผู้อาวุโสหลายคนตะโกนด้วยความเจ็บปวด “พี่น้องทั้งหลาย ต่อให้พวกเราต้องตายก็ต้องคุ้มครองหัวหน้าเผ่าน้อยออกไปให้ได้”
“ต่อให้ต้องตายก็ต้องคุ้มครองหัวหน้าเผ่าน้อยออกไปให้ได้”
“ต่อให้ต้องตายก็ต้องคุ้มครองหัวหน้าเผ่าน้อยออกไปให้ได้…”
เวินเส้าหยีกัดเขี้ยวยิงฟัน
“พอทีเถอะ อย่าสู้กันอีกเลย ข้ายอมแพ้แล้ว…”
เขาไม่กล้าลืมตา
หากเขาลืมตาก็ต้องเห็นภาพที่พี่น้องปกป้องเขาตายอนาถไปทีละคนๆ
เขาไม่เคยเจ็บแค้นตัวเองที่สูญเสียวรยุทธ์ขนาดนี้มาก่อน ไม่เพียงทำให้ตัวเองต้องตกเป็นหมูในอวยของคนอื่น แม้แต่คนในเผ่าทั้งหลายยังต้องพลีชีพเพื่อเขาด้วย
เขาหวังเหลือเกินว่าสตรีอาภรณ์แดงเพลิงผู้นั้นจะยับยั้งโศกนาฏกรรมทั้งหมดนี้ได้
แม้ในดวงตานางจะมีความเจ็บปวดเหมือนอย่างเขา ทว่ากลับนิ่งเฉย เพียงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น
เนื่องจากสถานการณ์การต่อสู้ชุลมุนวุ่นวาย ดังนั้นเวินเส้าหยีจึงไม่ได้ยินการสนทนาของนางกับบรรดาผู้อาวุโสเผ่าหยก
และทราบว่านางหยุดยั้งแล้วหรือไม่
นึกแต่เพียงนางต้องการสังหารคนของเผ่าเทียนเฟิ่นให้หมดสิ้น
เวินเส้าหยีเศร้าใจจนแทบสิ้นหวัง
ในเมื่อนางก็เจ็บปวด แล้วไยไม่ออกมายับยั้งไม่ให้โศกนาฏกรรมเกิดขึ้นเล่า?
หรือว่าบุญคุณความแค้นของบรรพชนสำคัญขนาดนั้นเชียวหรือ?
หรือว่า…นางเพียงแสร้งทำต่อหน้าเท่านั้น…
เฮอะ…
เขาในตอนนี้สูญสิ้นทุกอย่างแล้ว ยังมีค่าอะไรให้นางเล่นละครได้อีก?
นางในค่ำคืนนี้ อำมหิตคล้ายกับนางในวันนั้นที่สั่งให้คนเลาะหักกระดูกสะบักเขามาก