อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 842 การพูดที่ไม่มีมูลความจริง
ทันทีหลังจากนั้น พลังสุดยอดผู้อาวุโสซ่งหยวนก็เหมือนหายเข้ากลีบเมฆไปเช่นนั้น สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เขาตกใจทันที มองไปทางรองหัวหน้าเผ่าซือคงโดยสัญชาตญาณ “เจ้าวางยาพิษงั้นหรือ?”
“ท่านเป็นขั้นสูงสุดระดับหก ยาพิษธรรมดาจะมีผลอะไรกับท่านได้ ข้าก็เพียงแค่วางผงพิษกระดูกอ่อนไปเล็กน้อย ทำให้ท่านสูญเสียพลังไปชั่วคราวก็เท่านั้น”
ผงพิษกระดูกอ่อน?
ผงพิษกระดูกอ่อนไร้สีไร้กลิ่น
คนที่โดนจะไร้เรี่ยวแรงทั้งร่าง ไม่เพียงแค่ไม่มีแรงสักนิดเท่านั้น พลังทั้งหมด……ก็จะสูญหายไปด้วย ไม่มีเวลาห้าวันหกวัน ก็ไม่มีทางจะฟื้นฟูได้โดยสิ้นเชิง
เว้นเส้าหยีกับซ่งอวี่และคนอื่นๆไปคุ้มกันอยู่เบื้องหน้าของสุดยอดผู้อาวุโสซ่งหยวนโดยปริยาย
จนถึงเวลานี้ ทั้งสองฝั่งได้แตกหักกันโดยสิ้นเชิงแล้ว สงครามใหญ่ฉากหนึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
“เจ้าวางยาพิษเมื่อไหร่กัน?”
“ก็เมื่อครู่นี้ จะว่าไป ข้าก็ต้องขอบใจนังหนูกู้ชูหน่วนนั่น นางเชี่ยวชาญการใช้ยาพิษ และนางก็เคยใช้บนตัวของข้าอยู่สองสามครั้ง ข้าเอายาพิษของนางมาใช้เล็กน้อย ศึกษาออกมาเป็นผงพิษกระดูกอ่อนแบบใหม่ วันนี้ผงพิษกระดูกอ่อนนี้ไม่มีผลต่อผู้อื่น แต่กลับเป็นศัตรูตัวฉกาจสำหรับท่านที่เป็นขั้นสูงสุดระดับหกและเป็นธาตุน้ำแข็งผู้นี้เลยล่ะ”
สุดยอดผู้อาวุโสซ่งหยวนลองรวบรวมกำลังภายใน ทว่าทุกครั้งก็ไม่สามารถรวบรวมได้ และทันทีที่ขยับ ทั้งร่างกายของเขาก็เจ็บปวดจนเหงื่อเย็นๆแตกพลั่กออกมา
“เอายาถอนพิษมา”
“ยาถอนพิษ? หึ ยาถอนพิษของผงพิษกระดูกอ่อนยังไม่ได้ปรุงออกมาเลยน่ะ”
ผู้คนหลั่งไหลเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ในนั้นมีคนของรองหัวหน้าเผ่าซือคง และมีคนของสุดยอดผู้อาวุโสซ่งหยวนทั้งสองฝ่ายอยู่ในสถานะประจันหน้ากัน
เวินเส้าหยีกวาดตามองกองกำลังทั้งสองฝ่าย
ไม่เอ่ยถึงพวกที่เป็นกลาง กำลังคนของรองหัวหน้าเผ่าซือคงก็มีมากกว่าพวกเขาหลายเท่า
และในนั้นยังมีผู้อาวุโสระดับสูงอีกจำนวนไม่น้อย สุดยอดผู้อาวุโสซ่งหยวนก็สูญเสียกำลังภายในไปอีก เขาก็ถูกทำลายวิทยาวุทธไปด้วยเช่นกัน คนที่มีศักยภาพที่แท้จริงก็มีเพียงแค่ซ่งอวี่และผู้อาวุโสเฉินเท่านั้น
หากทำสงครามต่อไป พวกเขาจะต้องแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย
สันหลังของเวินเส้าหยีตั้งตรง กล่าวด้วยความสุขุม เพิกเฉยต่อพลังอำนาจและความกดดันของรองหัวหน้าเผ่าซือคงและคนอื่นๆ
“คนที่ท่านต้องการคือข้า ข้าจะไปที่ห้องโถงพิจารณาคดีกับท่าน”
รองหัวหน้าเผ่าซือคงกำลังจะพูด แต่เวินเส้าหยีก็ตัดบทเขาอย่างเย็นชา และพูดต่อ “ในเผ่าหยกตำแหน่งของสุดยอดผู้อาวุโสซ่งหยวนสูงศักดิ์ และไม่ได้ด้อยไปกว่าหัวหน้าเผ่า เขาไม่มีแรงจูงใจใดที่คิดจะสังหารหัวหน้าเผ่าได้ ยังหวังว่ารองหัวหน้าเผ่าจะดำเนินการด้วยสติปัญญา อย่าได้ทำให้จิตใจลูกศิษย์ในเผ่าเทียนเฟิ่นเกิดความหวาดกลัว และเพื่อเป็นการเลี่ยงไม่ให้บรรดาลูกศิษย์เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อรองหัวหน้าเผ่าด้วย”
เขาพูดอย่างมีชั้นเชิง แต่ทุกคำล้วนมีคำเตือน
ด้วยฐานะตำแหน่งของสุดยอดผู้อาวุโสซ่งหยวน หากว่าเขามีความคิดเห็นต่อหัวหน้าเผ่า ร่วมมือกับผู้อาวุโสคนอื่นๆ ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถโค่นหัวหน้าเผ่าได้ จะเอ่ยถึงเรื่องแผนการลอบฆ่าอะไรอีก?
และความหมายในคำพูดด้านหลังของเขา เห็นได้ชัดว่าเป็นการเตือนเขา หากว่ากล้าทำอะไรกับสุดยอดผู้อาวุโสซ่งหยวน คนของเขาทางนี้ก็จะไม่มีทางละมุนละม่อมด้วยเด็ดขาด ถึงเวลาก็มีแต่จะพ่ายแพ้ย่อยยับกันไปทั้งคู่
หากเป็นเมื่อก่อน รองหัวหน้าเผ่าซือคงก็ยังอาจจะยังหวาดกลัวอยู่บ้าง
แต่ตอนนี้……
ธนูขึ้นคันศรแล้ว
เขาจำเป็นต้องยิง
หากพลาดโอกาสนี้ไป แล้วคิดจะกำจัดพวกเขาอย่างถอนรากถอนโคนหลังจากนี้ ก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นแล้ว
พ่ายแพ้ยับเยินไปทั้งคู่แล้วจะยังไง? เพียงแค่เขาชนะได้ แม้จะพ่วงด้วยชีวิตของคนทั้งเผ่าเทียนเฟิ่นก็ไม่เป็นไร อย่างมากที่สุดเขาก็แค่รับคนนอกเข้ามา ตั้งเผ่าเทียนเฟิ่นใหม่อีกครั้ง
“สุดยอดผู้อาวุโสซ่งหยวนต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางแผนลอบสังหารหัวหน้าเผ่า คุมตัวไปพร้อมกัน”
“ฉึบฉึบฉึบ…..”
บรรดาลูกศิษย์ต่างพากันชักอาวุธออกมา
ซ่งอวี่และผู้อาวุโสเฉินกล่าวด้วยเสียงเฉียบขาด “รองหัวหน้าเผ่า นี่ท่านคิดจะก่อกบฏหรือ?”
“ก่อกบฏ? ข้าก่อกบฏตั้งแต่เมื่อไหร่? ข้าแค่ช่วยจัดการสะสางเรื่องในเผ่าแทนหัวหน้าเผ่าเท่านั้น เจ้าเป็นหลานชายแท้ๆของสุดยอดผู้อาวุโสซ่งหยวน เรื่องที่สุดยอดผู้อาวุโสซ่งหยวนลอบทำร้ายหัวหน้าเผ่า เจ้าก็น่าจะมีส่วนร่วมอยู่ในนั้นด้วยสินะ ให้คนมา คุมตัวซ่งอวี่ไปด้วย”