“บอกจุดประสงค์หรือเงื่อนไขของท่านมาเถอะ” เวินเส้าหยีสวมชุดสีขาวทั้งตัว หลังตรงราวกับต้นสนและลำไม้ไผ่เช่นนั้น บนร่างเป็นความอบอุ่นอ่อนโยนเช่นเคย
เพียงแต่เสื้อผ้าสีขาวของเขาเปื้อนเลือดไปไม่น้อย และไม่รู้ว่าเป็นของเขาเอง หรือว่าของผู้อื่น
แววตาของเขาไม่ได้มีความอ่อนโยนความเมตตาเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่เป็นความอ่อนโยนที่แฝงไปด้วยความเย็นยะเยือก
เผชิญหน้ากับรองหัวหน้าเผ่าซือคง คำพูดที่เกินจำแม้สักคำเขาก็ไม่คิดจะพูด
รองหัวหน้าเผ่าซือคงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “สิ่งที่ข้าต้องการนั้นง่ายมาก บอกทางเข้าของเผ่าหยก มอบมุกมังกรทั้งเจ็ดเม็ดรวมทั้งหัวหน้าเผ่าออกมาซะ”
“เผ่าหยกมีทางเข้าหลายทาง ทางเข้าที่ข้าเข้าไปนั้นได้ถูกทำลายไปแล้ว ตรงสถานที่ออกมานั้นที่สุดยอดผู้อาวุโสอั้นเฮยเผาพลังแห่งจิตวิญญาณส่งข้าออกมา ก็เข้าไปที่เผ่าหยกไม่ได้”
“มุกมังกรทั้งเจ็ดเม็ดยังอยู่ที่เผ่าหยก สำหรับอยู่ตรงไหนในเผ่าหยก ก็ต้องให้รองหัวหน้าเผ่าไปถามหัวหน้าเผ่าหยกเองแล้ว”
“ส่วนเงื่อนไขที่สาม ขออภัยข้าไม่สามารถยอมรับได้”
สุดยอดผู้อาวุโสตงหลิงกล่าว “นี่เจ้าพูดก็เหมือนกับไม่ได้พูด”
รองหัวหน้าเผ่าซือคงหรี่ตาลงเล็กน้อย “เจ้ากับกู้ชูหน่วนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันขนาดนั้น ให้เจ้าไปขู่เข็ญเอามุกมังกรกับนาง หรือเอามุกมังกรทั้งเจ็ดมาจากตัวนาง ก็น่าจะไม่ยากสินะ”
เวินเส้าหยีหัวเราะเยาะทีหนึ่ง
มีความสัมพันธ์ที่ดีกับกู้ชูหน่วน?
หากว่าเป็นความสัมพันธ์ที่ดี นางก็คงไม่จะสังหารคนสนิทและคนในเผ่าของเขาด้วยมือของตัวเอง
ยิ่งจะไม่ทำลายวิทยายุทธของเขา และดึกกระดูกสะบักของเขาให้หักไปหรอก
แค่คิดถึงกู้ชูหน่วน เพียงเวินเส้าหยีหายใจก็รู้สึกลำบากแล้ว
เวินเส้าหยีกล่าวอย่างเย็นชา “ทำไม่ได้”
“รองหัวหน้าเผ่า กับคนประเภทนี้ยังมีอะไรให้พูดอีก ฆ่าไปโดยตรงก็ได้แล้ว”
“เงื่อนไขสามข้อเจ้าทำไม่ได้แม้สักข้อเดียว เส้าหยีเอ๊ยเส้าหยี ทีแรกข้าคิดจะให้โอกาสเจ้าทำคุณความดีลบล้างความผิด แต่เจ้าก็ไม่ร่วมมือ เจ้าก็อย่าหาว่าข้าใจดำอำมหิตล่ะ อย่างไรเสียเจ้าก็แอบอ้างเป็นหัวหน้าเผ่าน้อยก่อน แล้วหลังจากนั้นก็ทรยศหักหลังเผ่าเทียนเฟิ่น ให้คนมา คุมตัวเวินเส้าหยีไว้”
“ข้าตายแล้ว คนทั้งตำหนักเทียนตูก็จะต้องตายตามไปด้วย”
“เจ้าหมายความว่าอะไร?”
เวินเส้าหยีเงยหน้าขึ้นในทันที มุมปากเป็นรอยยิ้มอันเฉยเมย
“รองหัวหน้าเผ่าน่าจะรู้ว่าตำหนักเทียนตูเป็นสถานที่อะไรสินะ? ตำหนักเทียนตูเป็นสถานที่เซ่นไหว้ป้ายชื่อของอดีตหัวหน้าเผ่าในแต่ละสมัย และเป็นสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของเผ่าเทียนเฟิ่น ท่านรู้หรือไม่ว่าทำไม?”
สีหน้าของรองหัวหน้าเผ่าซือคงเคร่งขรึมทันที
รู้สึกได้โดยปริยายว่าในคำพูดของเวินเส้าหยีมีความนัย
เวินเส้าหยีกวาดมองไปทางทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ “เพราะที่นี่ก็คือสถานที่ที่หัวหน้าเผ่าและหัวหน้าเผ่าน้อยแต่ละสมัยในอดีตสิ้นชีพไปพร้อมกัน”
ห๊ะ……
ฝูงชนแตกตื่นแล้ว ผู้คนไม่น้อยวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆนานา
เวินเส้าหยีไม่แยแสการวิพากษ์วิจารณ์ของพวกเขา กล่าวต่อทีละคำทีละประโยค “ในนี้มีค่ายกลสังหารชั้นยอดที่หัวหน้าเผ่าแต่ละสมัยในอดีตจัดวางและเสริมให้มั่นคงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากว่าเริ่มการทำงานของกลไก ทั้งตำหนักเทียนตูก็จะกลายเป็นผุยผงไปทั้งหมด คนสัตว์ก็ไม่เหลือ”
“เหลวไหล ข้ามีฐานะเป็นรองหัวหน้าเผ่า จะไม่รู้เรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร”
“รองหัวหน้าเผ่ายังไงซะก็เป็นเพียงแค่รองเท่านั้น ไม่ใช่ตัวจริงสักหน่อย ความลับที่ผ่านมาของแต่ละสมัยในอดีตของเผ่าเทียนเฟิ่น ยังมีอีกเยอะเชียวล่ะที่ท่านไม่รู้ วันนี้ข้ามีเพียงแค่เงื่อนไขเดียว ปล่อยทุกคนที่นี่ซะ แล้วข้าจะยอมให้ท่านลงโทษ ไม่เช่นนั้นพวกเราก็ตายไปพร้อมกันซะเถอะ”
ซือคงไม่เชื่อ
ตงหลิงก็ไม่เชื่อ
พวกเขาคนหนึ่งเป็นรองหัวหน้าเผ่า คนหนึ่งเป็นสุดยอดผู้อาวุโส เป็นไปไม่ได้ที่เวินเส้าหยีรู้แล้วพวกเขากลับไม่รู้
เวินเส้าหยียกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มอันโหดร้ายและจนปัญญา เห็นเพียงแค่เขาโบกมือ
เกิดการระเบิดดังขึ้นปังปังปังทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ พระราชวังหลายแห่งถูกทำลายในพริบตา
ผู้คนที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดในพระราชวังไม่มีกี่แห่งนั้น ไม่เหลือแม้แต่เศษกระดูกเพียงชิ้นเดียว
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปอย่างมาก
หรือว่าในนี้จะมีค่ายกลสังหารชั้นยอดอยู่จริงงั้นหรือ?
แต่ว่าทิศตะวันตกเฉียงเหนืออยู่ห่างจากที่นี่มากขนาดนั้น ทำไมถึงได้…..
“ลืมบอกรองหัวหน้าเผ่าไป นอกจากตำหนักเทียนตูแล้ว ทุกหนแห่งของเผ่าเทียนเฟิ่นที่ยิ่งใหญ่นี้ล้วนมีกลไกที่สามารถควบคุมได้ เพียงแค่เริ่มการทำงานของกลไก ก็ทำลายได้ในชั่วพริบตา หากว่าเริ่มการทำงานของกลไกทั้งหมด ทั้งเผ่าเทียนเฟิ่นนี้ก็จะหายสาบสูญไปจากโลกนี้โดยสมบูรณ์”
“เจ้าคุยโวไร้ยางอาย”
“ท่านสามารถลองได้เต็มที่”
เวินเส้าหยีปรบมือ ก็มีสถานที่อีกหลายแห่งพังถล่มดังสะเทือนเลื่อนลั่นอีกครั้ง จมลงสู่พื้นดินเป็นร้อยจั้ง กลายเป็นซากปรักหักพัง
ครั้งสองครั้งเป็นอุบัติเหตุ
แต่อุบัติเหตุจะเกิดขึ้นหลายครั้งขนาดนั้นได้อย่างไร
จิตใจของผู้คนเริ่มตื่นตระหนกขึ้นมาแล้ว มีบางคนถึงกับคิดที่จะรีบออกจากตำหนักเทียนตูไป อย่างไรเสียวิธีการตายไปพร้อมกันเช่นนั้นก็น่ากลัวเกินไปแล้ว
แต่ทว่าคำพูดอันเย็นชาของเวินเส้าหยีก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
“แม้ว่าพวกเจ้าจะออกจากตำหนักเทียนตูไปก็ไร้ประโยชน์ เพราะพวกเจ้าทุกคนล้วนถูกนาบประทับตราไว้หมดแล้ว เวทมนตร์ของเผ่าเทียนเฟิ่น พวกเจ้าคงจะรู้กระจ่างมากกว่าข้าสินะ”
ผู้อาวุโสหลินกล่าว “รองหัวหน้าเผ่า หากสิ่งที่เขาพูดเป็นเรื่องจริงจะทำอย่างไรล่ะ?”
“ค่ายกลสังหารชั้นยอดของขั้นสูงสุดระดับเจ็ดทำลายได้ไม่ง่าย ไม่รู้ว่าสุดยอดผู้อาวุโสและรองหัวหน้าเผ่าร่วมมือกันจะสามารถทำลายได้หรือไม่?”
สีหน้าของซือคงเปลี่ยนไปจนไม่น่าดู
ทำลาย?
ทำลายยังไง?
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าค่ายกลอยู่ที่ไหน ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงตาของค่ายกลเหล่านั้นแล้ว และจะไปทำลายได้อย่างไร?
“กรวยกรองน้ำหมดเวลาแล้ว”
“ฉึบ…..”
น่าหลันหลิงลั่วไม่ได้สนใจว่าพวกเขาพูดอะไร รู้เพียงแค่ถึงเวลากรวยกรองน้ำหนึ่ง เขาก็ฆ่าคนหนึ่ง
ท่าทางที่เย็นชาไร้ความปรานีนั่น กลับเหมือนดั่งว่าต้องการจะฆ่าทุกคนในเผ่าเทียนเฟิ่นให้หมดไปเช่นนั้น
เวินเส้าหยีมองดูศีรษะที่ยังคงกลิ้งอยู่บนพื้นแวบหนึ่ง สองหมัดกำไว้แน่น น้ำเสียงก็เย็นชาขึ้นอีกหลายระดับ
“ความอดทนของข้ามีจำกัด ก่อนที่จะถึงเวลาของกรวยกรองน้ำครั้งต่อไป หากพวกท่านไม่ตัดสินใจ พวกเราก็ตายไปพร้อมกัน ตายไปด้วยกันตรงนี้ซะเถอะ”
“รองหัวหน้าเผ่า…..”
หลายคนล้วนวิตกกังวลแล้ว มีบางคนเกลี้ยกล่อมรองหัวหน้าเผ่าซือคง เพราะกลัวว่าเวินเส้าหยีจะทำทุกเรื่องออกมาได้
บางคนเกลี้ยกล่อมน่าหลันหลิงลั่ว อ้อนวอนให้น่าหลันหลิงลั่วหยุดฆ่าคนชั่วคราว
รองหัวหน้าเผ่าซือคงไม่ยอม
ไม่ง่ายที่จะได้สถานการณ์ดีๆเช่นนี้มาแล้วจะต้องพลาดไปโดยเปล่าประโยชน์เหรอ
สิ่งสำคัญที่เขาต้องการคือต้องการเอามุกมังกรทั้งเจ็ดและพลังอิทธิฤทธิ์ของหัวหน้าเผ่ามาโดยผ่านเวินเส้าหยี
แต่บังเอิญตอนนี้ยังไม่ได้สักอย่าง
ชั่งน้ำหนักสิ่งที่เวินเส้าหยีพูดแล้ว ซือคงก็ยังเลือกที่จะเชื่อ
อย่างไรเสียเวินเส้าหยีก็เป็นคนที่พูดความจริงมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยพูดเกินจริง และไม่เคยหลอกลวงผู้ใดมาก่อน
เขากัดฟัน “ได้ ข้ารับปากเจ้า ให้คนมา ปล่อยพวกเขาทั้งหมดไปซะ ปล่อยให้พวกเขาออกไป”
“รองหัวหน้าเผ่า นี่คงไม่ได้……”
“ให้เจ้าทำเจ้าก็ทำ”
คุมตัวเวินเส้าหยีไว้ก่อน คนที่เหลือก็แค่ทหารพิการเท่านั้น คิดจะฆ่าพวกเขายังไม่ง่ายอีกหรือ
“หัวหน้าเผ่าน้อย……” ซ่งอวี่พูดด้วยความกังวล
อยู่ต่อและรอไม่ได้ต่างอะไรกับการรนหาที่ตาย
“พวกเจ้าออกไปก่อน นี่เป็นคำสั่ง ไม่ว่าใครก็ห้ามพูดอะไรมาก”
เวินเส้าหยีส่งสายตาให้เขา ดูเหมือนซ่งอวี่จะเข้าใจอะไรบางอย่าง
เมื่อเขาโบกมือ ให้เหล่าพี่น้องในตำหนักและเหล่าลูกศิษย์ที่ถูกจับเป็นเชลยแยกย้ายออกไปด้วยความรวดเร็ว
ลูกน้องของรองหัวหน้าเผ่าซือคงก็ติดตามไปทันทีแล้ว
เวินเส้าหยีกล่าวเตือน “รองหัวหน้าเผ่า ข้าขอเตือนท่านว่ายังไงก็รอให้พวกเขาออกไปจากเผ่าเทียนเฟิ่นอย่างปลอดภัยซะก่อนแล้วค่อยว่ากัน ในเมื่อข้าอยู่ที่นี่ ก็เป็นธรรมดาที่จะเหลือคนควบคุมกลไกไว้”
“ปล่อยให้พวกเขาออกไป ไม่ว่าใครก็ห้ามขัดขวาง”
“ขอรับ”
ซ่งอวี่และคนอื่นๆเพิ่งจะออกไปจากตำหนักเทียนตู ด้านนอกก็มีเสียงร้องอย่างน่าอนาถดังมาเป็นระยะ
ทุกคนต่างพากันมองไปทางด้านนอก
กลับเห็นคนของน่าหลันหลิงลั่วควงมีดขึ้น คนมากมายนับพันหมื่นพรั่งพรูเข้าไป เห็นคนก็ฆ่า บีบคั้นให้ซ่งอวี่และคนอื่นๆต้องถอยกลับมาที่ตำหนักเทียนตู
แต่เมื่อถอยกลับมาที่ตำหนักเทียนตูแล้ว ลูกน้องของน่าหลันหลิงลั่วก็ต่างพากันเข้าไป ขนาบโจมตีพวกเขาทั้งทางด้านหน้าและหลัง
เวินเส้าหยีเดือดดาล
รองหัวหน้าเผ่าซือคงก็เดือดดาลเช่นกัน
“เจ้าหุบเขาน้อยน่าหลัน นี่ท่านกำลังทำอะไร?”
“พวกเรามาครั้งนี้ ก็เพื่อช่วยหัวหน้าเผ่าออกมา หัวหน้าเผ่ายังโดนพวกเขาจับเป็นตัวประกันอยู่ จะปล่อยพวกเขาไปได้อย่างไร?”
ซือคงเตือน “ที่นี่มีค่ายกลสังหาร หากว่าทำไม่ดี ทุกคนก็จะต้องตายกันหมด”
“ตายก็ตายเถอะ ยังไงซะเวินเส้าหยีเองก็ต้องตายไปด้วยไม่ใช่เหรอ”
คนเสียสติ
น่าหลันหลิงลั่วก็คือคนเสียสติ
ตัวเองคิดจะตายไม่ว่า ยังจะลากคนไปอีกเป็นกลุ่ม
แม้ว่าซือคงจะไม่พอใจ เวลานี้ก็ไม่กล้าฉีกหน้าเขาตรงๆ ไม่ว่าอย่างไรคนที่น่าหลันหลิงลั่วนำมา ก็มากพอประมาณจริงๆ
หากต้องต่อกรกับเขาอีก เขาก็เสียหายหนักเกินไปแล้ว