อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 856 จะต้องบังคับเขาให้ได้ใช่หรือไม่?
เวินเฉิงเทียนรีบคลำไปที่กระดูกสะบักของเวินเส้าหยีทันที ตรงนั้นถูกดึงไปแล้วจริงๆ และถูกดึงไปโดยสมบูรณ์อีกด้วย ทั้งชีวิตนี้ของเขา นับว่าไม่สามารถฝึกฝนวิทยายุทธได้อีกแล้ว
“ใครเป็นคนทำ เผ่าหยก? หรือน่าหลันหลิงลั่ว?”
เวินเส้าหยีเบือนหน้าหนี
ใครดึงก็ไม่สำคัญแล้ว
ตอนนี้เขาแค่ต้องการให้คนในเผ่าอยู่กันดีๆ เพียงแค่ต้องการให้พ่ออยู่ดีๆเท่านั้น
ความโกรธของเวินเฉิงเทียนเพิ่มขึ้น พิษก็หนักขึ้น กระอักเลือดออกมา
แล้วมองไปที่เปลวไฟของเผ่าเทียนเฟิ่น ชำเลืองมองไปที่ซากศพทั่วทุกที่แวบหนึ่ง น่าหลันหลิงลั่วยังคงสังหารคนในเผ่าของพวกเขาอยู่
เวินเฉิงเทียนหยิบกระบอกพลุออกมาจากหน้าอกด้วยความสั่นเทา ยิงขึ้นสู่ท้องฟ้า
ในคืนที่มืดมิด ดอกไม้ไฟผลิบานแวววาว ก่อตัวในท้องฟ้าเป็นคำว่าเผ่าเทียนเฟิ่นสามตัวอักษรใหญ่สุกสกาว เมื่อดอกไม้ไฟระเบิด จากการปล่อยกระบอกพลุ คนชุดดำทะมัดทะแมงพรั่งพรูออกมาทางตะวันออกเฉียงใต้ เป็นยอดฝีมือที่สวมหน้ากากหงส์
ยอดฝีมือเหล่านี้มากันอย่างแน่นหนา และไม่รู้ว่ามีมากเพียงใด แต่ละคนฝีมือยอดเยี่ยม ชำนาญการทำศึก ทันทีที่เข้าร่วมในสนามรบ ก็สังหารคนของน่าหลันหลิงลั่วทันที
มีพวกเขาเข้าร่วม คนของน่าหลันหลิงลั่วก็ไม่มีทางที่จะกระทำการใดๆโดยไม่ยำเกรงได้อีก สู้กับพวกเขาอย่างดุเดือดเป็นฟืนเป็นไฟ
ม่านตาของเวินเส้าหยีหดลงทันที
“ทัพหงส์……”
นี่คือไพ่ใบสุดท้ายของเผ่าเทียนเฟิ่นเชียวนะ มีเพียงหัวหน้าแต่ละรุ่นถึงจะสามารถเคลื่อนพลออกมาได้
โดยปกติแล้วหากได้เปิดไพ่นี้แล้วแต่กลับไม่มีทางชนะได้ งั้นเผ่าเทียนเฟิ่นก็จบสิ้นโดยสมบูรณ์แล้ว
พร้อมกันกับที่กองทัพหงส์ออกมา ก็ยังมีสุดยอดผู้อาวุโสไม่กี่คนที่ไม่ออกเคยมาบนโลกอีกด้วย
พวกเขามีศักยภาพอย่างแท้จริง ในชั่วขณะนี้ก็ไม่ได้มีผลดีอะไรต่อคนของน่าหลันหลิงลั่วแม้สักนิด
ในมุมหนึ่ง
เสี่ยวลู่กล่าว “คิดไม่ถึงว่าเผ่าเทียนเฟิ่นยังจะมีศักยภาพที่แข็งแกร่งเพียงนี้ นายหญิงปราดเปรื่อง ที่ไม่ได้เคลื่อนไหวซะก่อน”
“ถ่ายทอดคำสั่งข้า ให้ทุกคนเตรียมปฏิบัติการ”
เสี่ยวลู่ตะลึง
ศักยภาพของหุบเขาตันหุยยังคงแข็งแกร่งมาก
รอให้พวกเขาสู้กันเสร็จ พวกนางค่อยลงมือก็ยังไม่สาย
ตอนนี้โดยพื้นฐานแล้วก็ไม่จำเป็นต้องลงมือใดๆ
สุดยอดผู้อาวุโสของเผ่าเทียนเฟิ่นเสียชีวิตไปมากมายขนาดนั้น ตอนนี้ยังโผล่ขึ้นมาอีกมากมายเช่นนี้ ใครจะรู้ว่ายังจะมีที่ซ่อนอยู่หรือไม่
“ไม่ได้ยินคำพูดของข้าหรือ? ลงมือเดี๋ยวนี้”
“เจ้าค่ะ”
เสี่ยวลู่ปล่อยพลุสัญญาณไปอย่างรวดเร็ว สั่งให้ทุกคนที่รออยู่ลงมือทันที กำจัดถอนรากถอนโคนเผ่าเทียนเฟิ่นให้สิ้นซาก
ดวงตาของกู้ชูหน่วนลึกล้ำ ติดตามเคลื่อนไหวไปตามเงาร่างของน่าหลันหลิงลั่ว หยุดแล้วหยุดอีก
คดีอันน่าสลดของจวนแม่ทัพที่ถูกสังหารทั้งตระกูล นางไม่มีความสามารถจะช่วยเหลืออะไรได้
ในเวลาที่เซียวหยู่เซวียนยากลำบากที่สุด นางไม่เพียงไม่ได้อยู่ข้างเขา กลับยังทำร้ายเขาอย่างสุดซึ้งอีก
คราวนี้ ไม่ต้องเอ่ยถึงที่นางต้องการทำลายล้างเผ่าเทียนเฟิ่นด้วยเช่นกัน เพียงแค่เป็นการช่วยเขาเติมเต็มความปรารถนา นางก็จำเป็นต้องช่วยเขา
ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไร วันนี้เผ่าเทียนเฟิ่นจำเป็นต้องตาย
นางจำต้องทวงคืนความยุติธรรมให้กับผู้คนนับพันหมื่นคนที่เสียชีวิตไป
เมื่อเห็นว่าน่าหลันหลิงลั่วสู้สุดยอดผู้อาวุโสเผ่าเทียนเฟิ่นไม่ได้ กู้ชูหน่วนคิดก็ไม่ได้คิด ลงมือทันที ชักกระบี่ขึ้นมาเป็นดาบบุปผาสองสามดอก ถล่มสุดยอดผู้อาวุโสของเผ่าเทียนเฟิ่น
ช่วยเหลือโจมตีไปพร้อมกับน่าหลันหลิงลั่ว ซ้ายหนึ่งหนึ่งขวา บนหนึ่งล่างหนึ่ง หน้าหนึ่งหลังหนึ่ง
และในขณะเดียวกัน ยอดฝีมือทั้งหมดของเผ่าหยกก็ออกมา พรั่งพรูเข้ามาทั่วทุกสารทิศและไม่รู้ว่ามากันกี่หมื่นคน ล้อมรอบสนามรบไว้ ก่อตัวเป็นรูปแบบการห่อเกี๊ยวเช่นนั้นดำเนินการล้อมรอบไว้
ยอดฝีมือหลายคนของเผ่าหยกมุ่งตรงไปที่หัวหน้าเผ่าเทียนเฟิ่น
หากไม่ใช่เพราะหัวหน้าเผ่าเทียนเฟิ่นมียอดฝีมือคุ้มกันอยู่ เกรงว่าก็คงตายไปด้วยน้ำมือของเผ่าหยกนานแล้ว
สงครามที่ยุ่งเหยิงสนามนี้
สำหรับเผ่าเทียนเฟิ่นแล้ว อาจจะเป็นสงครามการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์สงครามหนึ่ง
เวินเส้าหยีเจ็บปวดใจอย่างฉับพลัน
เงาร่างสีแดงที่คุ้นเคยนั้นเคลื่อนกำลังเผ่าหยกออกมาแทบจะทั้งหมด ปะปนเข้ามาในเผ่าเทียนเฟิ่น สังหารประชาชนของเขาอย่างโหดเหี้ยม
สงครามที่เผ่าหยก กองกำลังเผ่าเทียนเฟิ่นของพวกเขาเสียหายไปหลายพันคนแล้ว
ตอนนี้……
ตอนนี้นางก็มาเปลี่ยนเผ่าเทียนเฟิ่นให้เป็นขุมนรกอีก
นางจำเป็นจะต้องบังคับให้เขาตายให้ได้ สังหารพวกเขาให้สิ้นซากงั้นหรือ?