อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 904 เกิดใหม่พร้อมความจำเสื่อม
หมู่บ้านหลิน。
หมู่บ้านหลินตั้งอยู่ในหุบเขาแสนลี้ พื้นที่นี้เปลี่ยวไกลโพ้น เป็นพื้นที่ปกครองของเผ่าไป๋หลี่ ในทุกๆเดือนชาวบ้านจะนำหญ้าน้ำค้างม่วงมาให้เผ่าไป๋หลี่ เพื่อใช้หลอมยา
หมู่บ้านไม่ใหญ่ มีเพียงสิบกว่าครอบครัว ใบหน้าชาวบ้านแต่ละคนผมแห้ง เสื้อผ้าปะแล้วปะอีก มีชาวบ้านไม่น้อยที่แม้แต่รองเท้าก็ไม่มีสวม เห็นได้ชัดว่ามีชีวิตอยู่อย่างยากจน
หนึ่งในกระท่อมมุงจาก กู้ชูหน่วนนอนอยู่บนเตียง นางรูปงามสดสวย ดวงตาหลับสนิท หน้าบึ้งคิ้วขมวด ถึงแม้จะหลับอยู่ แต่ก็ดูเหมือนหลับไม่สนิท ยื่นมือควานหาอะไรบางอย่างอยู่บ่อยครั้ง แล้วก็คว้าจับอะไรไม่ได้เลย
ความทรงจำยังคงหลั่งไหลเข้ามาในหัวสมองอย่างต่อเนื่อง จนนางแทบขาดใจ
ความทรงจำพวกนั้นไม่สมบูรณ์ เลือนรางอย่างที่สุด นางพยายามจะดูให้ชัดเจน กลับเห็นไม่ชัดสักอย่าง
เห็นเพียงภาพเลือนรางหลายภาพ
มีภาพชายหญิงกว่าร้อยคนกระโดดเข้าไปในเบ้าหลอมยา มีภาพศพถูกฆ่าไปทั่วทุกหนทุกแห่ง เลือดไหลเป็นธาร ชายวัยรุ่นถือปืนสีเงินยืนท่ามกลางพายุฝน เผชิญหน้ากับนาง
ยังมีอีกภาพ ชายผมขาวคนหนึ่งหอบศพของนาง ร้องคร่ำครวญเสียใจ
อาจเป็นเพราะภาพพวกนั้นโศกเศร้าเกินไป กู้ชูหน่วนลืมตา พรวดลุกขึ้นมานั่ง
เพิ่งขยับตัว แผลบนกายเจ็บปวดจนนางกลั้นหายใจ
ข้างหู เสียงที่คมชัดและน่ารื่นรมย์ค่อยๆดังขึ้นมาว่า
“แม่นาง ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นแล้ว เจ้ารู้ไหมว่าเจ้าสลบไปแล้วครึ่งเดือน พวกเราเชิญหมอมารักษาเจ้าเยอะมาก จนคิดว่าเจ้าจะไม่รอดแล้ว”
กู้ชูหน่วนกวาดสายตามองดู
กระท่อมมุงจากหลังเก่าหลังนี้ ภายในโทรมอย่างมาก มีเพียงเตียงอันเล็กกับโต๊ะสามขา มีเก้าอี้สองตัวมีขาสามขาเหมือนกัน นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรเลย แต่ภายในห้องทำความสะอาดไว้อย่างดี เห็นได้ชัดว่าเจ้าของกระท่อมนั้นเป็นคนรักความสะอาด
หันมองลงไป บนร่างกายของนางพันไปด้วยผ้าพันแผลใหญ่ๆเล็กๆ มีแผลไม่น้อยที่ได้รับบาดเจ็บจากแส้กับแผลน้ำร้านลวก ตรงหน้าอกเหมือนถูกของมีคมแทงทะลุ ห่างจากหัวใจของนางไม่ถึงครึ่งเซนติเมตร
หากของมีคมนั่นเอียงเพียงนิดเดียว นางต้องตายแน่
“เจ้าเป็นใคร?” กู้ชูหน่วนพูดขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณ
“เจ้าไม่ต้องกลัว ข้าคือหลินซือหย่วนของหมู่บ้านหลิน ครึ่งเดือนก่อนเจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัส สลบอยู่หลังเขาหมู่บ้านหลิน ข้ากับปู่ช่วยชีวิตเจ้า แม่นาง เจ้าอายุยังน้อย ทำไมถึงได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ ไปมีเรื่องกับคนอะไรมา?”
ชายหนุ่มสวมชุดเสื้อผ้าหยาบ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เมื่อเขายิ้ม ฟันเสือน้อยคู่หนึ่งก็โผล่ออกมา
กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว
หมู่บ้านหลิน?
หลินซือหย่วน?
นางมีเรื่องกับคน?
นางมีเรื่องกับใคร?
ทำไมหัวสมองของนางถึงว่างเปล่า?
แล้วบาดแผลของนางได้มาจากไหน?
“แม่นาง ท่านเป็นอะไร? ข้าพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า ข้าเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง หากข้าพูดอะไรผิดไป เจ้าอย่าได้ถือสา”
“ข้าเป็นใคร?” กู้ชูหน่วนถามขึ้นมา
ถามออกมาเช่นนี้ หลินซือหย่วนก็อึ้งเหมือนกัน
“เจ้า….เจ้าไม่รู้ว่าตนเองเป็นใครหรือ?”
“ไม่รู้”
กู้ชูหน่วนพยายามหวนคิด นอกจากหัวสมองจะเจ็บปวดทรมานแล้ว ก็ไม่มีความทรงจำอะไรเลย ราวกับนางเป็นกระดาษขาวแผ่นหนึ่ง ชีวิตเริ่มต้นจากหมู่บ้านหลิน
“คือ….พวกเราก็ไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใคร เห็นว่าเจ้าน่าสงสาร จึงแบกเจ้ากลับมารักษา”
กู้ชูหน่วนตีหัวตัวเองอย่างแรง อยากที่จะมองเห็นภาพเลือนรางพวกนั้นให้ชัดเจน กลับยิ่งตีก็ยิ่งเลือนราง หัวสมองยิ่งถูกตีก็ยิ่งเจ็บ
“เจ้าไม่ต้องตีหัวตัวเองอีกแล้ว คิดไม่ออกก็ไม่ต้องคิดแล้ว บางทีผ่านไปสักช่วงหนึ่งก็อาจจำขึ้นมาได้เอง”
และในเวลานี้ ด้านนอกประตู มีคนเฒ่าคนหนึ่งถือถ้วยน้ำแกงเข้ามาอย่างระมัดระวัง ปากก็พูดขึ้นว่า
“อยากต้มเสร็จแล้ว ซือหย่วน รีบเอาให้แม่นางคนนี้ดื่มเร็ว”
บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น มือทั้งคู่หยาบกระด้าง หนวดเคราเต็มไปหมด มองแวบแรกก็รู้ว่าเป็นชาวบ้านที่ทำงานหนักมานานหลายปี
“ท่านปู่ ท่านดูสิ นางฟื้นแล้ว”
คนเฒ่าเงยหน้าขึ้น รอยยิ้มที่มีความสุขเบ่งบานบนใบหน้าที่แก่ชรา
“โย้ ในที่สุดแม่นางก็ฟื้นแล้ว ข้ารู้อยู่แล้ว พอเพียงตามหมอมารักษา ยังไงก็สามารถรักษาเจ้าได้ มา รีบดื่มยานี้ตอนที่ยังร้อนอยู่ หมอบอกว่าหลังจากทานแล้วก็จะหายดี”
แววตาของปู่หลานคู่นี้นั้นใสซื่อใจดี กู้ชูหน่วนไม่รู้สึกถึงความอาฆาตพยาบาท มีเพียงความเป็นห่วงที่เต็มล้น ความกังวลใจค่อยผ่อนลงไม่น้อย
รับถ้วยยามา นางเพียงแค่ดมก็รู้ว่า ยาในถ้วยนี้ ไม่มีประโยชน์อะไรต่อบาดแผลของนางเลย
แต่ปู่หลานทั้งสอง กลับเห็นยาราวกับเป็นสิ่งของล้ำค่า เต็มไปด้วยความกะตือรือร้อน กู้ชูหน่วนไม่อยากทำให้พวกเขาเสียใจ จึงยกถ้วยขึ้นมาดื่มลงไปจนหมด
“ยังเหลือยาอีกหนึ่งชุด คืนนี้ข้าค่อยต้มให้เจ้าเอง หากร่างกายยังไม่สบายตรงไหน พวกเราค่อยคิดหาวิธีไปซื้อยาในตำบลมาอีก”
“ไม่ต้องแล้ว ข้าสามารถรักษาตัวเองได้”
กู้ชูหน่วนฉีกแขนเสื้อของตัวเอง บาดแผลของนางถูกห่อด้วยเศษผ้าหลายชั้น กู้ชูหน่วนแกะเปิดแผลไปด้วย พร้อมพูดขึ้นว่า
“ตอนนี้สภาพอากาศร้อน พันผ้าไว้แน่นไม่เพียงไม่ช่วยให้แผลสมาน จะทำให้บาดแผลเน่าเปื่อย”
และแล้ว เมื่อนางเปิดออก บาดแผลจากแส้กับแผลน้ำร้อนลวกล้วนเน่าเปื่อยและเหม็นหลายตำแหน่งแล้ว
ปู่หลานทั้งสองคนตกตะลึงตาค้าง ในใจรู้สึกผิดและสงสาร
พวกเขาไม่มีความรู้ทางการแพทย์ หมอบอกว่าให้พันแผลไว้ จะได้ไม่ติดเชื้อ จึงทำการพันแผลให้กับนาง ใครจะไปรู้ว่าจะทำให้เน่าเปื่อยเช่นนี้
“มีน้ำเปล่าไหม? รบกวนตักมาให้ข้าหนึ่งถัง ข้าต้องล้างในส่วนที่เน่าเปื่อยแล้วให้สะอาด”
“มีมีมี ข้าจะไปตากมาเดี๋ยวนี้” หลินซือหย่วนวิ่งออกไป สักพักก็ตักน้ำเข้ามาหนึ่งถัง
มองดูกู้ชูหน่วนจัดการบาดแผลให้กับตนเองอย่างคล่องแคล่ว ทั้งๆที่บาดแผลเน่าเปื่อย นางกลับไม่ขมวดคิ้วเลยสักนิด ไม่รู้ว่าเมื่อก่อนนางต้องผ่านเรื่องทุกข์ทรมานอะไรมาบ้าง ถึงได้กลายเป็นเช่นนี้….. เข้มแข็งขนาดนี้
“แม่นาง เจ้าเป็นหมอหรือ?” ท่านปู่หลินถามขึ้นมาอย่างระมัดระวัง
ซึ่งยุคนี้คนที่มีความรู้ทางการแพทย์นั้นมีไม่มาก
กู้ชูหน่วนหยุดชะงัก ขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าก็ไม่รู้ บางทีอาจจะใช่”
“พวกเราสามารถช่วยอะไรเจ้าได้บ้าง”
“มีหญ้าก้วนจ้งไหม?”
ปู่หลานทั้งสองส่ายหัว
หญ้าก้วนจ้งแพงมาก เพื่อรักษานาง พวกเขาใช้เงินเก็บทั้งหมดที่มีจนหมด ยังยืมเงินพวกชาวบ้านอีกมากมาย ตอนนี้ไม่มีเหลือสักเหวินแล้ว
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงยาสมุนไพรที่แพงขนาดนั้นเลย
กู้ชูหน่วนมองดูการแต่งตัวของพวกเขา ก็พอรู้สถานการณ์ของพวกเขาแล้ว นางยิ้มแย้ม วางท่าทีสง่างามอย่างที่ไม่มีใครเทียบได้ จนน่าทึ่ง
“ไม่มีก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวข้าขึ้นไปบนเขา เก็บยาสมุนไพรมาประคบก็ได้ พวกนี้ล้วนเป็นบาดแผลภายนอก ไม่มีอะไรมาก ส่วนบาดแผลตรงหน้าอก ก็ไม่เป็นอันตรายต่อชีวิตข้า”
นางพูดพร้อมกับเอื้อมมือแกะเสื้อผ้าของตน หลินซือหย่วนหน้าแดง พร้อมรีบออกไป
ท่านปู่หลินก็ทำตัวไม่ถูก เดินออกไปเหมือนกัน
“แม่นาง เจ้าอยากได้อะไรก็บอกพวกเราได้ พวกเราสามารถ…..ให้แม่นางเสี่ยวชุ่ยที่อยู่บ้านด้านข้างมาช่วยเจ้า”
“อืม….ดี……”
นางเพียงแค่แกะเสื้อผ้า ไม่ได้ถอดเสื้อผ้าจนหมด มีอะไรต้องอาย?
วัฒนธรรมเดิมของนางไม่เหมือนพวกเขาหรือ?