อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 914 ได้เจอเซียวหยู่เซวียน
สีหน้าที่เย็นชาของประมุขตระกูลมู่ยังอยากพูดอะไรอีก
กู้ชูหน่วนก็แย่งพูดขึ้นก่อนว่า “ชีพจรยุทธ์ของเขาขาดได้อย่างไร?”
“เขา? เขาคนไหน? หมายถึงพ่อของเจ้าหรือ? ทำไม เจ้าลืมไปแล้วหรือ? ตอนเจ้ายังเด็กถูกคนตระกูลไป๋หลี่รังแก พ่อของเจ้าทนเห็นไม่ไหว ต่อสู้กับพวกเขา ต่อมาจึงถูกคนตระกูลไป๋หลี่ตัดชีพจรยุทธ์ขาด จากนั้นกำลังก็ถดถอย”
ประมุขตระกูลมู่พูดขึ้นมาอย่างเสียดายว่า “พ่อของเจ้ามีความอัจฉริยะในด้านการฝึกวิทยายุทธ หากชีพจรยุทธ์ของเขาไม่ถูกทำลาย ตอนนี้อย่างน้อยก็คงฝึกถึงระดับสามแล้ว เสียดาย…..”
ตอนนั้นเดิมเขาตั้งใจที่จะยกให้มู่ซิน เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งประมุข
ใครจะไปคิดว่า ต่อมาจะเกิดเรื่องแบบนี้
ความหวังของตระกูลมู่ ก็ถูกทำลายในตอนนั้น
“มีวิธีอะไรที่สามารถฟื้นคืนชีพจรยุทธ์ได้บ้าง?”
“เจ้าอยากให้พ่อของเจ้าฟื้นคืนชีพจรยุทธ์หรือ? ชีพจรยุทธ์ถูกตัดขาดแล้ว ใช่ว่าจะสามารถฟื้นคืนได้ง่ายๆ นอกจากมีน้ำค้างแห่งสวรรค์จุ่มกระดูก ถึงจะสามารถฟื้นคืนได้ แต่น้ำค้างแห่งสวรรค์เป็นน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ หลายร้อยปีมานี้ ผู้แข็งแกร่งไม่น้อยที่เสาะแสวงหา แต่ก็หาน้ำค้างแห่งสวรรค์ไม่เจอ”
“น้ำค้างแห่งสวรรค์อยู่ที่ไหน?”
“ใครจะไปรู้ ข่าวลือว่าอยู่ที่ภูเขาเจียงเจ๋อ แต่ไม่เคยมีใครเจอน้ำค้างแห่งสวรรค์”
ภูเขาเจียงเจ๋อใช่ไหม….
งั้นนางจะไปดู
ตามหาน้ำค้างแห่งสวรรค์มาให้ได้ก่อน
จากนั้นค่อยหลอมยาเพิ่มพลังฝึกตน ทำลายตระกูลไป๋หลี่ แก้แค้นแทนท่านปู่หลิน
“ขอบคุณ ตาเฒ่า”
กู้ชูหน่วนวางแก้วชา ผิวปากหนึ่งที แล้วก็ก้าวเดินออกไป
ประมุขตระกูลมู่นิ่งอึ้ง
นี่…..
ไปแล้วหรือ?
ทำไมเขารู้สึกเหมือนว่ามู่หน่วนต่างหากที่เป็นประมุข ส่วนเขาเป็นเพียงคนรับใช้คนหนึ่ง ที่คอยแก้เบื่อให้กับนาง?
ทั้งๆที่เขาเรียกนางมาจัดการเรื่องตระกูลไป๋หลี่…..
ประมุขตระกูลมู่เพิ่งรู้สึกตัวแล้วได้สติกลับมา แต่กู้ชูหน่วนก็เดินไปไกลแล้ว
เหลือไว้เพียงหนึ่งประโยคว่า “ตาเฒ่า ดูแลพ่อของข้าให้ดี อีกไม่กี่วันข้าก็จะกลับมา”
“……”
ตาเฒ่าอะไร….
ไม่รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่
อีกอย่าง ทำไมเขาจะต้องไปดูแลพ่อของนาง?
เขาเป็นถึงประมุข
“มีใครอยู่ ไปจับตัวมู่หน่วนมาให้ข้า”
“เรียนท่านประมุข คุณหนูสามจากไปแล้ว นางรวดเร็วมาก คงตามไม่ทันแล้ว”
“ไม่ได้เรื่อง นางคงไปภูเขาเจียงเจ๋อแล้วมั้ง”
บ่าวใช้หัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านประมุข ภูเขาเจียงเจ๋ออันตรายขนาดนั้น ด้วยนิสัยของคุณหนูสาม นางจะกล้าไปได้อย่างไร ที่นั่นเป็นสถานที่อันตรายแม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับห้ายังไม่กล้าเข้าไปง่ายๆ”
“ข้าเห็นว่านางกล้าหาญจะตาย”
ต่อให้ไม่พอใจลักษณะท่าทีของนาง ประมุขตระกูลมู่ก็ยังคงเป็นห่วงกู้ชูหน่วน
ภูเขาเจียงเจ๋อมีแต่ภยันตราย มีผู้แข็งแกร่งมากมายที่เข้าไปแล้วก็ไม่ได้ออกมาอีก
ข่าวลือว่าที่นั่นไม่เพียงเต็มไปด้วยสัตว์อสูร ทั่วทุกที่ยังเต็มไปด้วยอากาศเป็นพิษ
กระทั่ง……
มีแม้กระทั่งกระแสลมที่น่าสะพรึงกลัว
สามารถทำให้ผู้แข็งแกร่งสูญเสียวิทยายุทธทั้งหมด กลายเปลี่ยนเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง
“เจ้าจัดคนมีฝีมือจำนวนหนึ่ง รีบไปตามคุณหนูสามกลับมา”
“ขอรับ”
กู้ชูหน่วนไม่ได้ไปยังภูเขาเจียงเจ๋อทันที
แต่ขึ้นไปหายาสมุนไพรบนเขาก่อน เอามาแลกเป็นเงิน ซื้อมีดสั้นกับอาวุธลับ
นางไม่ชอบอาวุธลับของที่นี่ ประสิทธิภาพด้อยเกิน รูปแบบก็เก่าแก่
กู้ชูหน่วนวาดภาพด้วยตนเอง แล้วให้ช่างตีเหล็กตีตามภาพที่วาด
แล้วก็เสียเวลาไปอีกสองสามวัน
“แม่นาง ท่านดูเป็นเหมือนนักเรียนวิทยาลัยอี้เหอใช่ไหม” คนของร้านช่างตีเหล็กยิ้มหัวเราะ พร้อมพูดขึ้น
“อืม….ทำไมหรือ?”
“อาวุธลับที่ท่านสั่งทำ ประณีตสวยงามจริงๆ ข้าตีอาวุธลับมากว่าครึ่งชีวิต ยังไม่เคยเห็นอาวุธลับที่สวยงามขนาดนี้มาก่อน ในใต้หล้านี้ นอกจากนักเรียนในวิทยาลัยอี้เหอแล้ว ใครจะมีความสามารถเช่นนี้”
“วิทยาลัยอี้เหอ…..เยี่ยมมากหรือ?”
“วิทยาลัยอี้เหอยังไม่เยี่ยมหรือ? นั่นถือเป็นวิทยาลัยที่ดีที่สุดของแคว้นปิงแล้ว อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเปิดเรียนแล้ว ข้าให้ลูกชายของข้าไปสมัครด้วย ไม่รู้ว่าจะสอบได้ไหม”
“วิทยาลัยอี้เหอ ถือว่าเป็นวิทยาลัยที่ดี ไม่เพียงตระกูลสูงศักดิ์สามารถเข้าไปเรียนได้ ชาวบ้านธรรมดาขอเพียงมีคุณสมบัติครบถ้วน ก็สามารถเข้าไปเรียนได้ เจ้าดูสิในเมืองหลวงมีคนไปมามากมาย มีคนต่างถิ่นเพิ่มขึ้นเยอะแยะ ต่างก็เพื่อมายังวิทยาลัยอี้เหอ”
กู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้น กวาดมองดูฝูงคน
ไม่รู้ว่าทำไม แวบแรกนางก็ถูกชายหนุ่มคนหนึ่งดึงดูด
ในมือของชายหนุ่มคนนั้นถือพัดเซวียนกู่ รูปงามหล่อเหลา สง่าผ่าเผย เสื้อผ้าของเขาไม่ดีดูเลิศหรู กลับดูธรรมดามาก แต่ตรงเอวมีป้ายหยกชิ้นหนึ่ง บนป้ายหยกสลักอักษรเซียวไว้
มองเห็นรูปลักษณ์ของเขา กู้ชูหน่วนรู้สึกปวดหัว เหมือนมีความทรงจำอะไรบางอย่างแล่นผ่าน