อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 952 การประมูล
ใครประมูลได้มันก็จะทำข้อตกลงความสัมพันธ์กับผู้นั้นเหรอ?
นั่นเป็นถึงราชางูเก้าหัวมรกตเชียวนะ เมื่อถึงจุดสุดยอดก็สามารถไปได้ถึงระดับเจ็ด กระทั่งยังเหนือกว่าระดับเจ็ดได้
ตอนนี้ศักยภาพของมันก็ระดับห้าแล้ว
หากว่าสามารถทำข้อตกลงความสัมพันธ์กันมันได้ ยังกลัวว่าจะไม่บรรลุถึงระดับหก หรือแม้กระทั่งระดับเจ็ดอีกหรือ?
นี่เป็นสิ่งยั่วยวนอันใหญ่หลวงที่สุด ทั้งสองคนไม่อยากละทิ้ง
ไป๋หลี่เจิ้นกล่าว “เจ้าบอกมัน ข้าจะต้องประมูลแหวนมิติมาให้ได้”
ไป๋หลี่หยุนเยว่ปิดปากกระแอมเบาๆทีหนึ่ง หาช่องทางลง “ไม่ว่าหลังจากที่ประมูลแหวนมิติมาได้แล้วจะเอาให้ใคร อย่างไรเสียก็คือตระกูลไป๋หลี่ของเราประมูลได้อยู่ดี”
“หกแสนตำลึง…….มีคนเสนอราคาถึงหกแสนตำลึงแล้ว ยังมีใครจะเสนอราคาต่อไปอีกหรือไม่?”
“เจ็ดแสนตำลึง” ไป๋หลี่หยุนเยว่ตะโกนออกไปทันทีโดยไม่แม้แต่จะคิด
ไป๋หลี่เจิ้นกล่าว “แปดแสนตำลึง”
ไป๋หลี่หยุนเยว่ตะลึงทันที “พวกเราล้วนเป็นคนของตระกูลไป๋หลี่ เจ้าแย่งเสนอราคากับข้าทำไม?”
“อะไรที่เรียกว่าแย่งเสนอราคา?” พี่หยุนเยว่ คำพูดนี้ช่างไม่น่าฟังเกินไปแล้วล่ะมั้ง แม้ว่าพวกเราจะเป็นคนของตระกูลไป๋หลี่กันหมด แต่……ท่านกล้าพูดหรือว่าท่านไม่ได้มีความคิดที่เห็นแก่ตัวเอง?”
“แล้วเจ้าล่ะ หรือว่าไม่ได้มีความคิดที่เห็นแก่ตัวเองงั้นหรือ?”
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเราก็อาศัยความสามารถในการเสนอราคาเถอะ”
“หนึ่งล้านตำลึง” เย่จิ่งหานตะโกนกล่าว
ไป๋หลี่หยุนเยว่และไป๋หลี่เจิ้นมองหน้ากันทันที
ทำไมเย่จิ่งหานถึงได้วิ่งมาแย่งชิงแหวนมิติด้วยล่ะ?
หรือว่าแหวนมิติวงนี้จะเป็นของที่แตกต่างไม่เหมือนใครจริงๆ?
“เย่จิ่งหานเป็นขุนนางผู้อาวุโสต่างแคว้นที่พวกเขาเชิญมา หัวหน้าตระกูลบอกว่าเพียงแค่เป็นสิ่งที่เขาอยากได้ ก็ต้องพยายามทำทุกทางเพื่อสนองความต้องการเขา พวกเรายังจะแย่งเขาเสนอราคาอีกหรือไม่?” ไป๋หลี่หยุนเยว่กล่าว
ไป๋หลี่เจิ้นเปล่งเสียงไม่พอใจทีหนึ่ง เขาคิดเพียงแต่อยากจะทำข้อตกลงความสัมพันธ์กับราชางูเหลือมให้เร็วที่สุดเท่านั้น อย่างอื่นก็ไม่สนใจ
“หัวหน้าตระกูลบอกว่าพยายามทำทุกทางเพื่อสนองความต้องการเขา และบอกอีกว่าไม่ว่าเรื่องอะไรก็ต้องสนองความต้องการเขา ในงานประมูล คนที่เสนอราคาสูงจะเป็นผู้ได้ ประมูลไม่ได้ไม่ว่าใครก็โทษใครไม่ได้”
“ก็ใช่ เช่นนั้นก็ไม่สนใจเขาแล้ว”
ด้านล่างเวทีประมูล กู้ชูหน่วนตกตะลึงอย่างต่อเนื่อง
นางรู้ว่าแหวนมิติได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่นางคิดไม่ถึงว่าทุกคนที่อยู่ในงานประมูลอันยิ่งใหญ่นี้จะอยากได้กันทุกคน และยังเสนอราคากันอย่างบ้าคลั่งเรื่อยๆอีก
“หลีกหน่อย หลีกหน่อย”
ด้านนอกงานประมูล องครักษ์ไม่กี่คนแหวกฝูงชนออก เปิดเป็นทางเดิน ต้อนรับบุคคลสำคัญจากด้านนอกเข้ามา
เนื่องจากสถานการณ์ที่งานประมูลนั้นดุเดือดมาก ทุกคนล้วนประมูลกันจนเลือดขึ้นตา ยังจะได้ยินว่าพวกเขาพูดอะไรกันที่ไหนล่ะ และจะหลีกทางให้ได้ยังไงกันอีก
ทันทีที่กู้ชูหน่วนถูกพวกเขาผลัก ก็แทบจะล้มลงไป
โชคดีที่มีมือย่นๆคู่หนึ่งพยุงนางไว้
“ยัยหนู เจ้าไม่เป็นไรหรอกนะ”
กู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้นมอง
นั่นเป็นชายชราที่อายุเกินหกปีผู้หนึ่ง หน้าตาใจดีมีเมตตา เป็นมิตร และดูมีความผ่าเผยอิสรเสรีอยู่เล็กน้อย
ตรงช่วงเอวของเขามีป้ายแขวนอยู่ป้ายหนึ่ง เขียนตัวอักษร ‘หนิง’ ไว้ ด้านหลังมีลูกศิษย์มากมายติดตามอยู่
คนในงานประมูลกล่าวด้วยความละอายใจ “ท่านผู้เฒ่า ขออภัยจริงๆ วันนี้มีคนเข้าร่วมการประมูลมากมายเกินไป จึงทำให้……ช่องทางเร่งด่วนถูกขวางกั้นไว้แล้ว ข้าจะนำท่านไปที่ห้องส่วนตัวชั้นที่สองเดี๋ยวนี้ขอรับ”
“ไม่เป็นไร มาทันก็ดีแล้ว”
กู้ชูหน่วนอยู่ที่ห้องโถงชั้นที่หนึ่ง ทนไม่ได้มานานแล้ว คนตรงนี้เบียดเสียดกันเกินไป บนตัวของคนหลายคนก็มีกลิ่น ดมจนนางอยากจะอ้วก
นางขวางผู้เฒ่าหนิงไว้ “ผู้เฒ่า ท่านชนถูกข้า ก็ต้องชดใช้สักหน่อยรึเปล่า”