“มู่หน่วน เจ้าไม่ได้ระเบิดจวนมู่ให้ราบคาบ เจ้าไม่สบายใจใช่ไหม?”
เสียงตะคอกของหัวหน้าตระกูลมู่ทำให้กู้ชูหน่วนได้สติกลับมา
นางเงยหน้าขึ้น
เห็นบริเวณกว้างของจวนมู่พังทลาย หลังคาหลายหลังถล่มลงกว่าครึ่ง
บ่าวใช้ในจวนตลอดจนผู้ดูแลหลายคนกับหัวหน้าตระกูลมู่ล้วนถูกทิ้งระเบิดเป็นเปื้อนไปด้วยฝุ่น กระทั่งผมเป็นม้วนขึ้นมา
ส่วนนางแย่ที่สุด
นางแทบไม่ต้องคิดคำพูดใดมาอธิบายถึงความทุลักทุเลของตนเอง
มู่ซินก็พูดขึ้นอย่างโมโหว่า “อาหน่วน ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะฝึกหลอมยาอะไร นับตั้งแต่ตอนนี้ไปให้รีบหยุด จวนมู่ของเราไม่มีใครมีความสามารถในการหลอมยา”
กู้ชูหน่วนคว้าจับเส้นผมที่ยุ่งเหยิงของตน พร้อมพูดตอบขึ้นว่า “ค่าใช้จ่ายในการสร้างจวนมู่ขึ้นมาใหม่ คิดบัญชีข้า”
เจ้าบ้านรองพูดขึ้นมาอย่างดูถูกเหยียดหยามว่า “คิดบัญชีเจ้า? เจ้ามีเงินมากมายขนาดนั้นหรือ?”
“ไม่ช้าตระกูลซ่างกวนก็จะนำเงินมาให้แล้ว ถึงตอนนั้นก็หักจากในนั้นแหละ”
“ข้าว่าเจ้านังเด็กคนนี้ เจ้าอยากที่จะยกเลิกการหมั้นหมายกับซ่างกวนหมิงหลางจริงหรือ เจ้ารู้ไหมว่าซ่างกวนหมิงหลางเป็นถึงอัจฉริยะระดับสาม อัจฉริยะระดับสามนะ หากเจ้าได้แต่งงานกับเขา จวนมู่ของเรา…..”
“ก็แค่ระดับสามเอง ถือว่าอัจฉริยะตรงไหน” กู้ชูหน่วนพูดแทรกเขาขึ้นมาอย่างเย็นชา
“ก็แค่ระดับสามเท่านั้นหรือ? น้ำเสียงของเจ้าช่างโอหังยิ่งนัก เจ้าคิดว่าตอนนี้เจ้าเป็นชีพจรยุทธ์ชั้นเก้า เจ้าก็สามารถกำเริบเสิบสานได้ขนาดนี้หรือ เจ้ารู้ไหมว่า มีบางคนฝึกฝนมาทั้งชีวิตก็ไม่ถึงระดับสาม”
“ข้ารู้สิ ก็เจ้าไง”
“เจ้า…..”
“หยา ฟ้าสว่างแล้ว ข้าต้องไปเรียนหนังสือแล้ว บาย”
“พ่อ พ่อดูมู่หน่วน หากพ่อยังไม่สั่งสอนนาง พวกเราไม่ยอม”
หัวหน้าตระกูลมู่ถอนหายใจ มองดูทิศทางที่กู้ชูหน่วนจากไป เงียบไม่พูดอะไรอยู่นาน
มู่ซินพูดขึ้นอย่างรู้สึกผิดว่า “ข้า….ข้าจะหาเวลาพูดโน้มน้าวนาง ขออภัยจริงๆ ทำให้พวกเจ้าต้องเดือดร้อน”
“พี่ใหญ่ ท่านอย่าหาว่าพวกเราใจดำอำมหิต หากมู่หน่วนยังกำเริบเสิบสานแบบนี้ ต่อให้พ่อไม่ไล่พวกเจ้าออกไป พวกเราก็จะไล่ท่านออกไป หรือไม่ก็พวกเราตัดขาดความสัมพันธ์กับพวกเจ้า เผื่อวันไหนจะนำความเดือดร้อนมาสู่ครอบครัว”
เรื่องที่จวนมู่เกิดเหตุระเบิดถึงเจ็ดครั้งภายในคืนเดียว เป็นที่เลื่องลือไปทั่วพระนครอย่างรวดเร็ว
ทุกคนต่างหัวเราะเยาะกู้ชูหน่วนลับหลัง เศษสวะก็คือเศษสวะ ยังคิดที่จะหลอมยา
จวนมู่ไม่ถูกนางระเบิดจนราบ นางไม่ถูกตนเองระเบิดตายก็ดีแค่ไหนแล้ว
ในวิทยาลัยนอกจากหนิงเทียนโย่วหลายคนแล้ว สายตาทุกคนที่มองดูกู้ชูหน่วนล้วนเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
วันที่สาม…..
เพียงสามวันสั้นๆ ตระกูลซ่างกวนก็สามารถทำตามเงื่อนไขของกู้ชูหน่วน ยกเลิกการหมั้นหมายกับนางอย่างเป็นทางการ
กู้ชูหน่วนก็เอาของหมั้นคืนให้กับพวกเขา ต่อจากนี้ไปจะไม่มีข้อผูกพันด้านการแต่งงานกับตระกูลซ่างกวนอีก
อีกสามวัน งานชุมนุมควบคุมสัตว์ก็จะเริ่มขึ้น มีคนไปมาทั่วทั้งพระนคร รถก็เหมือนอย่างสายน้ำ ส่วนม้าก็เหมือนอย่างมังกร โดยเฉพาะวิทยาลัยอี้เหอ ถูกดันขึ้นไปด้านบนสุดอีกครั้ง
ประมุขทั้งสี่ตระกูลใหญ่ลึกลับอย่างมาก
และเมื่องานชุมนุมควบคุมสัตว์เริ่มขึ้น ประมุขทั้งสี่ตระกูลใหญ่ก็จะปรากฏตัว และก็เป็นช่วงเวลาสำคัญที่พวกคนมีอำนาจตลอดจนพวกนักเรียนในวิทยาลัยได้เชื่อมสัมพันธไมตรีกับสี่ตระกูลใหญ่
เซียวหยู่เซวียนไม่ได้มาเรียนที่วิทยาลัยอี้เหอหลายวันแล้ว
กู้ชูหน่วนคาดเดาอยู่ว่า ในวันงานชุมนุมควบคุมสัตว์เขาจะมาไหม
ณ ป่าไผ่มุมหนึ่งทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของพระนคร
เซียวหยู่เซวียนนอนอยู่ริมต้นไผ่ หอบไหเหล้าในมือแล้วยกมาดื่มอย่างรุนแรง นัยน์ตาพร่ามัวนั้นจ้องไปยังทะเลสาบที่อยู่ไม่ไกลด้วยความงุนงง
เขาดูโดดเดี่ยว ทุกข์ระทมเศร้าหมองไปทั้งตัว
ตรงห่างไกลออกไป เย่จิ่งหานค่อยๆมาหา