อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1015 รนหาที่ตาย
“หยุดนะ ถ้าเจ้ายังกล้าถอดอีก เชื่อไหมว่าข้าจะฉีกเจ้า” เย่จิ่งหานวาวโรจน์
“เชื่อ แต่ข้าเชื่อว่าตอนนี้เจ้ายังฉีกข้าไม่ได้มากกว่า”
“ถ้าเจ้ากล้าแตะต้องข้า ต่อให้ขึ้นสวรรค์ลงนรกข้าเวินเส้าหยีก็จะไม่ปล่อยเจ้า” เวินเส้าหยีเอ็นเขียวปูดโปนบนใบหน้า อดทนอดกลั้นแต่เพลิงพิโรธเทียมฟ้าเหมือนกัน
นี่เป็นครั้งที่สองที่นางแก้ผ้าเขาแล้ว
“ก็ใช่ว่าจะแตะต้องเจ้าเป็นครั้งแรกเสียเมื่อไร ก้นน้อยๆ ของเจ้าผีเสื้อบ้านข้ามีเสน่ห์ออกปานนั้น โดยเฉพาะปานดอกเฟื่องฟ้านี้ ช่างงามยิ่ง”
กู้ชูหน่วนเอ่ยพลางหยิกบั้นท้ายน้อยๆ ของเวินเส้าหยี
เวินเส้าหยีโมโหจนแทบคลั่ง
หากขยับได้ เขาต้องให้กู้ชูหน่วนอยู่ไม่สู้ตายแน่นอน
แต่เขากลับขยับไม่ได้
ได้แต่จ้องนางตาถลน
ทีแรกเย่จิ่งหานก็เดือดดาลเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
แต่พอเห็นเวินเส้าหยีอัดอั้นตันใจอย่างนี้ กลับรู้สึกน่าขันเล็กน้อยอย่างแปลกประหลาด
ไม่นานเย่จิ่งหานก็ถูกแกล้งด้วย
เห็นกู้ชูหน่วนหันมาทางเขา แล้วทำปากบุ้ย ยิ้มมีเลศนัย
“น้องชายเจ้าอลังการมากเลยนี่”
“…”
“แต่ของเขาก็อลังการมากเหมือนกัน”
เย่จิ่งหานหน้าขึงโดยสมบูรณ์
เขากับเวินเส้าหยีอยากเอื้อมมืออุดปากนาง
แต่จนใจที่ขยับไม่ได้ จึงได้แต่ปล่อยให้นางคนนั้นดูฝั่งนี้ที ดูฝั่งนั้นที
โมโห
เดือด
พวกเขาสาบานได้ว่าไม่เคยอยากฉีกคนเป็นชิ้นๆ อย่างนี้มาก่อน
และที่ร้ายไปกว่านั้นคือ
หลังจากกู้ชูหน่วนจ้องพวกเขากว่าค่อนวันแล้ว ก็ขยับเย่จิ่งหานไปอยู่บนร่างเวินเส้าหยี ปากก็พล่าม
“ดูสิ ข้ามีเมตตาการุณย์ขนาดไหน แบบนี้คนอื่นก็มองไม่เห็นพวกเจ้าแล้ว”
บางทีอาจรู้สึกยังไม่ดี ดังนั้นกู้ชูหน่วนจึงจัดท่าใหม่ เปลี่ยนตำแหน่ง
“ข้าว่าชายสวมหน้ากากน่าจะอยู่ข้างล่างเหมาะกว่า ดูแล้วรื่นตาขึ้นมาเลย”
“…”
“…”
ทั้งสองเป็นศัตรูคู่แค้นที่ต้องฆ่าฟันให้ตายไปข้าง
บัดนี้กลับถูกสตรีนางหนึ่งปลดเปลื้องจนล่อนจ้อน
แล้วยังต้องอยู่ด้วยกันอย่างนี้อีก
ไม่ว่าจะเป็นเย่จิ่งหานหรือว่าเวินเส้าหยี นี่คือความอัปยศอย่างใหญ่หลวง
“สถานการณ์สหายข้ากำลังวิกฤต ไม่อยู่เล่นเป็นเพื่อนพวกเจ้าแล้ว ลาขาด”
กล่าวจบนางก็เผ่นแนบไป ไม่สนใจเย่จิ่งหานกับเวินเส้าหยีว่าเกิดคลื่นลมซัดโหมในใจขนาดไหน
กู้ชูหน่วนวิ่งโร่ไปทางถ้ำที่เซียวหยู่เซวียนอยู่ ระหว่างนั้นเห็นเจ้าบ้านต่างๆ และบรรดาสัตว์อสูรกำลังเข่นฆ่าแย่งชิงอะไรกันอยู่ นางไม่มีความสนใจสักนิด ไปถึงถ้ำด้วยความรวดเร็ว
เซียวหยู่เซวียนลมหายใจรวยรินจนแทบจะหยุดไปแล้ว
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กับเจ้าพยัคฆ์ขาวน้อยแทบตะลึงค้าง
แพล็บเดียวก็ได้ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสีมาแล้ว?
นี่ทำอย่างไรกันเนี่ย?
หรือว่าคำบอกเล่าจากสหายงูมีข้อผิดพลาด ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสีไม่มีสัตว์วิเศษระดับหกพิทักษ์อยู่ข้างๆ?
“ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสีได้มาแล้ว ใช้กินหรือใช้ภายนอก?” กู้ชูหน่วนถาม
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน หรือว่า จะลองกินครึ่งหนึ่ง ใช้กับข้างนอกครึ่งหนึ่ง”
กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าจะได้ผลหรือไม่
แต่ตอนนี้ก็ได้แต่ลองรักษาไปทั้งอย่างนี้แล้ว
นางเด็ดสองสามกลีบแล้วป้อนให้เซียวหยู่เซวียน
แต่เซียวหยู่เซวียนไม่สามารถกลืนได้แล้ว เนื้อตัวเย็นเฉียบ แม้แต่ชีพจรก็แทบจับไม่เจอ มีเพียงลมหายใจตรงทรวงอกที่ยังเหลืออยู่เล็กน้อย
ทีแรกกู้ชูหน่วนอยากให้หยางโม่ถ่ายเข้าปากของเซียวหยู่เซวียน แต่กวาดสายตามองรอบหนึ่งแล้วกลับไม่เจอคน
อดถามขึ้นไม่ได้ “หยางโม่ล่ะ?”
“ไปหาคนมาช่วยพวกเราแล้ว”
“ช่างเถอะ ข้าทำเองแล้วกัน”
กู้ชูหน่วนเคี้ยวดอกบัวศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสีจนละเอียด แล้วใช้ปากประกบถ่ายให้เซียวหยู่เซวียน บีบให้อีกฝ่ายดื่มน้ำของดอกบัวศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสีลงไป
พยัคฆ์ขาวน้อยกับเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์แทบทนดูไม่ได้
โดยเฉพาะเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ ปากบ่นพึมพำไม่หยุด “ผิดแล้วๆๆ…”
นายหญิงกับเซียวหยู่เซวียนเป็นสหายกัน
กับเย่จิ่งหานสิถึงจะเป็นสามีภรรยา
ทำอย่างนี้…
ไม่ยุ่งไปหมดหรือ?
เกิดเซียวหยู่เซวียนมีความรักอะไรกับนางหญิงอีกเล่า นั่น…
รอยเดิมในอดีตชาติจะมิต้องซ้ำสองหรือ?