สิงโตไฟหนาวเจ้าป่าเอ่ยอย่างดูถูก “พยัคฆ์ดำโบราณอะไร ราชางูเก้าหัวมรกตอะไร สาบสูญไปเป็นร้อยเป็นพันปีแล้ว ใครจะรู้ว่าพวกเขาเป็นเสือกระดาษหรือไม่ ข้าว่านะ อัดพวกมันให้ตายไปเลยเถอะ…”
“ฉับ…”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็เลื้อยร่างงูมังกรตรงดิ่งเข้าโจมตีสิงโตไฟหนาว ร่างงูมหึมารัดสิงโตไฟหนาวแน่น หัวทั้งเก้าอ้าปากใหญ่ง้างเขี้ยวโลหิต ฉับๆ ไปทางสิงโตไฟหนาว
สิงโตไฟหนาวผู้น่าสงสารถึงแม้จะเป็นเจ้าป่าอันดับต้นๆ ในโบราณสถานยุคดึกดำบรรพ์ แต่หลังจากพยายามดิ้นออกจากพันธนาการของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์สุดชีวิตแล้ว ก็ยังไม่พ้นถูกเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กินทั้งเป็นอยู่ดี
ทุกคนอ้าปากตาค้าง
นั่นเป็นสิงโตไฟหนาวระดับสี่ขั้นสูงเชียวนะ อยู่ต่อหน้าราชางูเก้าหัวมรกตกลับจนมุมถึงขนาดนี้?
แต่เรื่องที่ทำให้พวกเขาอ้าปากหวอติดอ่างยังไม่จบ
หลังจากเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กลืนกินสิงโตไฟหนาวไปจนหมด ยังถึงกับโคลงหัวรังเกียจอีก
“รสแย่ แย่เกินไปแล้ว ขยะแขยงจะตายอยู่แล้ว ยังเป็นหมูย่างของนายหญิงที่อร่อย พวกเจ้ายังมีใครอยากอัดนายหญิงของข้าอีก”
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ถลึงตาใส่สัตว์อสูรตัวอื่นๆ แบบดุเดือดพลุ่งพล่าน
สัตว์อสูรตัวอื่นไหนเลยยังกล้าโอหังอีก แต่ละตัวพากันสั่นพั่บๆ ยอมสยบราบคาบ
นกเพลิงผลาญตัวหนึ่งเอ่ยประจบ “มนุษย์ผู้สูงส่งสุดสวย ข้าเป็นสัตว์เลี้ยงของท่านได้หรือไม่ รับรองว่าข้าจะจงรักภักดีต่อท่านทุกภพทุกชาติ ท่านให้ข้าไปทางขวา ข้าจะไม่ไปทางซ้ายเด็ดขาด”
สัตว์อสูรทั้งหลายตะลึงงัน
จริงด้วย ทำไมพวกมันคิดไม่ถึงกันนะ
ถึงผู้หญิงคนนี้จะมีฝีมืออ่อนด้อย แต่นางก็ทำพันธสัญญากับพยัคฆ์ดำโบราณแล้ว ส่วนราชางูเก้าหัวมรกต ถึงนางยังไม่ได้ทำพันธสัญญาด้วย แต่ก็นับนางเป็นนาย บางทีไม่ช้าหรือเร็วก็คงทำพันธสัญญากับนางเหมือนกัน
ถ้าพวกมันยอมสวามิภักดิ์กับนาง เป็นสัตว์เลี้ยงของนาง พลังของพวกมันก็จะเพิ่มทะยานขึ้นพรวด
สามารถมีนายร่วมกับราชางูและพยัคฆ์ดำโบราณได้ นั่นถือเป็นเกียรติอย่างสูง
สัตว์อสูรต่างคุกเข่าลงข้างหนึ่ง แย่งกันพูดอย่างกลัวจะช้า “นายหญิง ท่านทำพันธสัญญากับข้าเถอะ ข้าก็อยากเป็นสัตว์เลี้ยงของท่านเหมือนกัน จะไม่ทรยศท่านตลอดชีวิต”
“ทำพันธสัญญากับข้าเถอะ ความเร็วข้านับเป็นที่หนึ่งที่สองในแวดวงสัตว์อสูร ท่านปรารถนาจะไปแห่งหนตำบลใด ข้าก็พาท่านไปด้วยความเร็วปรู๊ดปร๊าดได้”
“ข้ามีพลังดั่งกระทิง หนึ่งตัวเท่ากับสัตว์อสูรสิบตัว เรื่องวิวาทก็เป็นอันดับหนึ่ง ท่านทำพันธสัญญากับข้าเถอะ”
“…”
เหล่ามนุษย์ตาค้าง
กระทิงไฟเก้าเขาตาค้าง
กู้ชูหน่วนก็ตาค้างด้วย
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
จะเปลี่ยนเร็วไปแล้วกระมัง?
ที่คิดขึ้นได้ก่อนคือประมุขพรรคของพรรคฉางซา เขาเอ่ยเสียงสั่นเครือ “สวรรค์ สัตว์ทั้งหลายต้องการทำพันธสัญญากับนาง เช่นนั้นมิต้องเป็นนายแห่งสรรพสัตว์หรือ? แม่นางแม่ ขอเพียงเจ้ายอมเข้าพรรคฉางซาของเรา ไม่ว่าเจ้าจะมีเงื่อนไขอะไร ข้าจะรับปากเจ้าทั้งหมด”
พรรคอื่นๆ ตบหน้าขาแรงฉาด
เจ้าแห่งสรรพสัตว์ ผู้เป็นดั่งเทพมนุษย์ จะพลาดได้อย่างไร
สำนักพรรคทั้งหลายต่างดึงกู้ชูหน่วนเข้าร่วมด้วยกันแบบชิงเป็นที่หนึ่งกลัวจะรั้งท้าย กลัวว่าหากช้าไปอีกนิดจะถูกแย่งตัวไปเสีย
สี่ตระกูลใหญ่เริ่มนั่งไม่ติด
ตระกูลไป๋หลี่กับตระกูลซ่างกวนเสียใจแล้ว
โดยเฉพาะตระกูลซ่างกวน อย่างไรพวกเขาก็คิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะกลับตาลปัตรมากขนาดนี้
ถ้ารู้แต่แรกว่านางคือเจ้าแห่งสรรพสัตว์ ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็จะไม่ยกเลิกการหมั้นหมายนั้นเด็ดขาด
ซ่างกวนชิงลดตัวเอ่ย “แม่นางมู่ เรื่องหมั้นหมายที่ยกเลิกไปคราวก่อน เป็นเพราะเจ้าแก่หัวรั้นจำนวนหนึ่งตัดสินใจกันเอง พวกเราพันไม่ยินยอมหมื่นไม่ยินยอม ขอเพียงเจ้ายินดี เรื่องแต่งงานเรายังจะยึดถือเหมือนกับตอนแรก”
“ถุย ตาแก่ซ่างกวน ไยเจ้าจึงหน้าไม่อายเยี่ยงนี้ ถ้าข้าจำไม่ผิด คนที่ลุกขึ้นมาบอกจะยกเลิกเรื่องแต่งงานของซ่างกวนหมิงหลางกับนังหนูหน่วนเป็นคนแรกก็คือเจ้ากระมัง อย่างไร ตอนนี้เห็นนางเป็นนายแห่งสรรพสัตว์ก็อยากผูกมัดด้วยเรื่องแต่งงานอีกหรือ? ข้าจะบอกให้นะ ไม่มีทางเสียหรอก นางเป็นหลานสะใภ้ของข้าแล้ว”
ผู้เฒ่าหนิงยิ้มเยาะ พูดแทงใจดำอย่างไม่ยำเกรง
เมื่อนั้นทุกคนจึงใช้สายตาเสียดแทงมองซ่างกวนหมิงหลาง ซ่างกวนหมิงหลางพลันหน้าแหย