“ขวานผานกู่ล่ะ?”
“ขวานผานกู่อะไร? ตอนที่ข้ารีบเร่งมาถึงที่นี่ก็มีเพียงเจ้าและเจ้าหน้ากาก”
เวินเส้าหยีมองดูกู้ชูหน่วนนิ่งๆ
ทว่าสีหน้าของกู้ชูหน่วนเต็มไปด้วยความสับสน จะมองอย่างไรก็ไม่เหมือนกับเสแสร้ง
เวินเส้าหยีไตร่ตรองซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ไม่รู้ว่ากู้ชูหน่วนนั้นไม่รู้เบาะแสของขวานผานกู่จริงๆ หรือว่าเสแสร้งกันแน่
เขาจำได้ว่าตอนนั้นเขาและเย่จิ่งหานต่อสู้ตะลุมบอนอยู่กับจิ้งจอกเก้าหางระดับเจ็ด ในการต่อสู้อันวุ่นวาย จิ้งจอกเก้าหางระดับเจ็ดน่าจะตายแล้ว ขวานผานกู่ก็เกิดขึ้นแล้วถึงจะถูก
จะหายไปได้อย่างไร?
หรือว่าจะถูกเย่จิ่งหานแย่งชิงไปงั้นหรือ
ในที่ไม่ไกลมีความเคลื่อนไหวดังมาเล็กน้อย ฟังอย่างละเอียดก็ยังมีเสียงฟ่อฟ่ออีกด้วย
เขาค้ำไม้เท้า จากไปทีละก้าว ทิ้งไว้เพียงประโยคเดียว “ขวานผานกู่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะแตะต้องได้ การหายสาบสูญของมันไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าจะเป็นการดีที่สุด”
“ไม่เกี่ยวข้องแน่นอน ข้าจะต้องการขวานร้ายๆไปเพื่ออะไรกัน”
เวินเส้าหยีจากไปได้ไม่นาน เจ้าเสือน้อยและเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็เอาดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสีกลับมามอบให้
“นายหญิง ท่านดู พวกเราได้ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสีมาแล้ว”
ดูท่าทางลับๆล่อๆของพวกมัน ก็รู้ว่าไม่ได้ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสีมาด้วยความผ่าเผย
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ดมกลิ่นข้างกายไม่หยุด ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดแล้วกล่าว “ในอากาศมีกลิ่นอันคุ้นเคย เขามาที่นี่แล้วหรือ?”
“ใคร?” กู้ชูหน่วนถาม
“คนที่ไล่สังหารเซียวหยู่เซวียน”
“มาแล้ว และไปแล้ว”
“มีรอยเลือด คนผู้นั้นได้รับบาดเจ็บหรือ?”
“อืม”
“นายหญิง ทำไมท่านไม่ฉวยโอกาสสังหารเขาซะล่ะ”
“ทำไมข้าต้องฉวยโอกาสสังหารเขาด้วย”
“เพราะว่า….เพราะว่าเขาไล่สังหารเซียวหยู่เซวียน ช่างเถอะ ข้าไปดูหน่อย”
ไม่รอให้กู้ชูหน่วนพูด ร่างกายอันอ้วนท้วนของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็เลื้อยไปแล้ว ไล่ตามเวินเส้าหยีไปโดยตรง
กู้ชูหน่วนถือดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสีไว้ ดวงตาที่ชำเลืองมองไปทางที่เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์จากไปคิดไตร่ตรองอย่างหนักอยู่ตลอด
จนกระทั่งเจ้าเสือน้อยเรียกนาง นางถึงดึงสติกลับมาได้
“นายหญิง พวกเราไม่รีบใช้ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสีช่วยชีวิตคุณชายเซียวหรือ?”
“ช่วย ต้องช่วยแน่ เจ้าเสือน้อย พวกเจ้าทำได้ดีมาก ไปกัน”
เข้าไปในถ้ำ แวบแรกเจ้าเสือตัวน้อยเห็นเย่จิ่งหานสลบไสลอยู่
ดวงตาของมันก็เป็นประกายทันที “นายหญิง เทพเจ้าแห่งโภคทรัพย์ท่านนี้สลบไปแล้ว”
พูดพลาง มันก็คิดจะเข้าไปค้นสมบัติบนตัวของเย่จิ่งหาน
กู้ชูหน่วนมอบมะเหงกให้มันอย่างรุนแรงทีหนึ่ง
“นี่เป็นคนที่ไม่ควรล่วงเกิน เจ้าไม่กลัวว่าเขาจะไล่สังหารเจ้าไปจนสุดหล้าฟ้าเขียวเหรอ”
ครั้งก่อนก็เพราะว่านางไปฉกสมบัติบนตัวของเขา ถึงได้ถูกผู้ชายคนนี้ไล่ฆ่ามาถึงทุกวันนี้
“ยังไงซะก็ล่วงเกินไปแล้ว จะล่วงเกินอีกสักรอบก็ไม่กลัว และก่อนหน้านี้เขาก็คิดจะสังหารนายหญิง ทั้งยังตีจนข้าซะจนเกือบตายแน่ะ ไม่เอาของดีมาจากเขาสักหน่อย ก็ช่างขับข้องใจเกินไปแล้ว”
กู้ชูหน่วนลูบคาง
คำพูดนี้ ก็เหมือนว่าจะพูดได้มีเหตุผลเล็กน้อย
นางยังคงอยู่ในความลังเล เจ้าเสือน้อยก็ค้นตัวเขาไปรอบหนึ่งแล้ว
แต่บนตัวของเขานอกจากตั๋วเงินบางส่วนและหยกห้อยเอวแล้ว ก็ไม่มีอะไรอีก
เจ้าเสือน้อยไม่พอใจนิดหน่อย จึงถือโอกาสถลกเสื้อผ้าของเขาซะ
ทำท่าทางพึมพำพูดกับตัวเอง “ค่อนข้างยากจน แต่ว่าเสื้อผ้านี่ดูแล้วไม่เลว น่าจะมีมูลค่าอยู่บ้าง”
กู้ชูหน่วนปิดหน้าด้วยความจนปัญญา
ทำไมนางถึงได้รู้สึกว่าเจ้าเสือน้อยตัวนี้ เหมือนกับ……นางขนาดนี้นะ…..
ถุย เหมือนอะไร
นางไม่ได้โลภขนาดนั้นสักหน่อย
เมื่อเห็นเซียวหยู่เซวียนกระอักเลือดสีดำออกมา กู้ชูหน่วนก็รีบเอาดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสีให้เซียวหยู่เซวียนกินลงไป แล้วขับเคลื่อนกำลังภายใน เพื่อให้พลังของยาระเหยอย่างสมบูรณ์
เวลาผ่านไปหนึ่งนาทีหนึ่งวินาที ร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสของเซียวหยู่เซวียนก็ค่อยๆฟื้นตัว
แต่ข้างหูกลับเป็นเสียงของเจ้าเสือน้อยที่ร้องดังขึ้นมาอย่างน่าอนาถ
นางเก็บฝ่ามือ วิ่งไปดูด้านนอก เจ้าเสือน้อยถูกตีจนหงายเก๋ง ร้องโหยหวนไม่หยุด เหลือเพียงแค่หนังเสือเท่านั้นที่ยังไม่โดนถลก
กลับไปมองเย่จิ่งหาน หายตัวไปตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วก็ไม่รู้
จบแล้ว…..
ความแค้นที่มีกับเจ้าหน้ากากนั่นเพิ่มขึ้นไปอีกชั้นแล้ว
“ข้าก็บอกแล้วว่าอย่าไปยั่วโมโหเขา ก็ไม่ยอมฟัง อนาคตระวังชีวิตเสือของเจ้าเอาไว้เถอะ”