นางหลบเลี่ยงจนไม่มีทางจะหลบได้ บวกกับวิทยาลัยต้องการจะจัดงานประชุมมอบรางวัลใหญ่ มอบรางวัลให้แก่ผู้ที่ทำข้อตกลงกับสัตว์อสูรมากที่สุด คนที่ได้สมบัติมากที่สุด นางก็พลาดไม่ได้ที่จะต้องไปร่วมด้วย ไปดูหน่อยว่าจะคว้าของที่มีประโยชน์อะไรมาได้บ้าง
งานประชุมมอบรางวัลใหญ่จัดขึ้นที่สนามนอกวิทยาลัยอี้เหอ และงานประชุมมอบรางวัลใหญ่รอบนี้ก็ครึกครื้นมากกว่าปีที่ผ่านมา
เพราะพรรคใหญ่ๆทุกพรรค เชื้อพระวงศ์ตระกูลสูงศักดิ์ก็ล้วนเข้ามามีส่วนร่วมได้ทั้งหมด
ทันทีที่กู้ชูหน่วนปรากฏตัวขึ้นก็ดึงดูดให้เกิดความวุ่นวาย ทุกคนต่างพากันล้อมรอบเข้ามา ทุกคนเปลี่ยนความเหยียดหยามแบบที่ผ่านมาเป็นความมีไมตรี พยายามเอาอกเอาใจกู้ชูหน่วนอย่างดีที่สุด
ดวงตาของกู้ชูหน่วนกวาดมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นเซียวหยู่เซวียน
เห็นเพียงแค่หนิงเทียนโย่วและหลินซือหย่วน
พวกเขายืนอยู่ข้างกัน และไม่ได้มาร่วมสนุกเพิ่มความคึกคัก เห็นนางมองมา ก็เพียงแค่พยักหน้าและยิ้มให้นาง
ไป๋หลี่เจวียนที่จ้องมองด้วยความไม่สบอารมณ์นำลูกหลานที่เป็นรุ่นเดียวกันมาสองสามคน ปากก็พูดจาเหน็บแนมว่า “แค่รู้จักการควบคุมสัตว์เล็กน้อยก็หยิ่งยโสขนาดนี้ ไม่ว่าเจ้าจะเก่งกาจอย่างไร จะสามารถเทียบกับตระกูลไป๋หลี่ของพวกเราได้หรือ?”
“อ๋อ….ในเมื่อตระกูลไป๋หลี่ของพวกเจ้าเก่งกาจขนาดนั้น งั้นไม่กี่วันก่อนทำไมยังต้องมาดึงข้าไปเป็นพวกด้วยล่ะ?”
“เจ้า……”
“ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน หากว่าเจ้ายังไม่เคารพข้าอีก แล้วโดนเจ้าบ้านไป๋หลี่ของพวกเจ้ารู้เข้า ดีไม่ดีก็จะถูกลบชื่อออกไปจากตระกูลไป๋หลี่นะ?”
ไป๋หลี่เจวียนหน้าเขียว กล่าวด้วยความโกรธ “มู่หน่วน เจ้าอย่าผยอง หากพวกเราสืบได้ว่าการตายของไป๋หลี่หมิงเกี่ยวข้องกับเจ้า ตระกูลไป๋หลี่ของพวกเราจะไม่ปล่อยเจ้าไปเด็ดขาด”
“ตามสบาย”
ไป๋หลี่เจวียนจากไปด้วยความโกรธ หยางโม่และหยางม่านเดินเคียงคู่กันเข้ามา ยิ้มทักทายต่อนาง
“แม่นางมู่ ยินดีด้วย ผลงานใหญ่ชั้นยอดของงานประชุมมอบรางวัลใหญ่ครั้งนี้จะต้องเป็นเจ้าแน่”
“นี่ก็พูดเอาแน่ไม่ได้ ตอนนี้มีคนใช้เส้นสายอยู่มากมายเพคะ” กู้ชูหน่วนเหลือบไปที่ไป๋หลี่เจวียนตั้งใจชี้เป็นนัยๆ
หยางโม่หัวเราะอย่างอ่อนโยน “แม่นางมู่พูดเป็นเล่น วันนี้หัวหน้าตระกูลทั้งสี่ล้วนมากันหมด คิดจะใช้เส้นสายเกรงว่าคงจะไม่ง่าย”
“งานประชุมมอบรางวัลใหญ่กำลังจะเริ่มแล้ว แม่นางมู่ เดี๋ยวพวกเราค่อยพบกัน”
วันนี้หยางม่านแต่งตัวงดงามเป็นพิเศษ ตั้งแต่ที่นางเข้ามา ดวงตาอันงดงามคู่นั้นก็มองไปทั่วทุกทิศ เสาะหาเงาร่างของเจ้าบ้านเวิน
เมื่อเห็นว่าหยางม่านยังคงไม่เต็มใจที่จะเดินจากไป ก็อดไม่ได้ที่จะรีบเร่งไปพลาง ดึงหยางโม่ให้เดินไปพลาง
หยางโม่รู้สึกประหลาดใจ
ปกติน้องสาวของของเขาจะไม่เสียมารยาทขนาดนี้ วันนี้เป็นอะไรไป
กู้ชูหน่วนรู้ดีอยู่แก่ใจ
เกรงว่าผู้หญิงคนนี้คงจะมีความรักลึกซึ้งต่อเจ้าบ้านเวินเข้าแล้ว
นางผลักคนที่ยังประจบประแจงนางออก มาอยู่ข้างๆหนิงเทียนโย่วและหลินซือหย่วน ใช้ข้อศอกกระทุ้งพวกเขา
“พวกเจ้าสองคนไม่มีน้ำใจเกินไปแล้ว เห็นข้ามาก็ไม่มาต้อนรับข้า”
“มีคนมากมายต้อนรับเจ้า พวกเรายังจะไปร่วมสนุกอะไรอีก คุณชายเซียวล่ะ? เขาไม่ได้มาพร้อมกับเจ้าหรือ?”
รอยยิ้มของกู้ชูหน่วนชะงักสักครู่
“สองสามวันมานี้เซียวหยู่เซวียนไม่ได้มาที่วิทยาลัยอี้เหอหรือ?”
“ไม่มีนะ เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากหุบเขาอสูร พวกเราคิดว่าเขารักษาอาการบาดเจ็บอยู่ที่จวนมู่ของพวกเจ้า วันนี้เป็นงานประชุมมอบรางวัลใหญ่ เวลานี้แล้ว ทำไมเขายังไม่มาอีก คงไม่ได้เกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นหรือนะ”
กู้ชูหน่วนไม่มั่นใจ
ไม่รู้ว่าเซียวหยู่เซวียนจะประสบกับปัญหาหรือไม่
หรือเพราะว่าสารภาพรักกับนางแล้วไม่ได้รับคำตอบของนาง จึงไม่ได้มาร่วมงานประชุมมอบรางวัลใหญ่
แม้ว่าวันนี้ทุกคนจะมองนางด้วยสายตาชื่นชม และเอาอกเอาใจนางไม่หยุด
แต่นางมีลางสังหรณ์ไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก มักจะรู้สึกว่าวันนี้จะต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นอยู่เสมอ
“กำลังคิดอะไร งานประชุมมอบรางวัลใหญ่เริ่มแล้ว พวกเรารีบเข้าไปกันเถอะ วิทยายุทธของคุณชายเซียวสูงขนาดนั้น คนทั่วไปทำร้ายเขาไม่ได้”
“ได้……”
กู้ชูหน่วนตามพวกเขาไปถึงสนามจัตุรัส หาที่ว่างนั่งสบายๆ
บังเอิญ ที่นั่งนั่นอยู่ข้างซ่างกวนหมิงหลางพอดี
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นข้างหูอีกครั้ง
“เห็นหรือไม่ มู่หน่วนจงใจนั่งข้างๆซ่างกวนหมิงหลาง ดูเหมือนว่าในใจของนางยังคงคิดถึงซ่างกวนหมิงหลางอยู่”
“จะไม่คิดถึงได้อย่างไร? ก็ไม่ดูว่าซ่างกวนหมิงหลางเป็นชายหนุ่มรูปงามที่มีบุคลิกและความสามารถโดดเด่นที่สุดของยุคเพียงใด”
กู้ชูหน่วนกวาดตามองซ่างกวนหมิงหลางที่อยู่ข้างๆ แทบอยากจะตบหน้าผากทันที
บ้าบออะไรเนี้ย
หาที่นั่งง่ายๆ ก็ยังมานั่งข้างๆเขาได้อีก?
“หนิงเทียนโย่ว เราสองคนเปลี่ยนที่นั่งกันเถอะ”
“เจ้าเปลี่ยนตอนนี้ก็ไม่ใช่ว่ายิ่งปกปิดก็ยิ่งเปิดโปงออกมาแล้วหรือ?” หลินซือหย่วนแทรกขึ้นมาประโยคหนึ่งอย่างอดไม่ได้