อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1075 ไม่ยอม
บรรดาผู้คนมองหน้ากันอีกครั้ง
ซ่างกวนชิงกล่าว “พี่ไป๋หลี่ ผู้หญิงคนนี้ไม่มีทางรอดแล้ว เวลากระชั้นชิด ให้นางพูดมาซะตอนนี้ตรงๆจะดีกว่า”
“พี่ซ่างกวน ท่านคิดว่าตระกูลไป๋หลี่ของพวกเราจะปิดบังความลับของดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หรือ?”
“ข้าไม่ได้พูดเช่นนั้น ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์มีเพียงแค่สองดอก คนที่มีความสามารถจะได้ไป ทุกพรรคทุกสำนักล้วนอยู่ที่นี่ แค่นางพูดออกมา พวกเราก็ไปแย่งชิงกันด้วยความสามารถ เช่นนั้นถึงจะยุติธรรม หากว่าพาไปให้ตระกูลไป๋หลี่ใช้วิชาลับ หากว่าคนอื่นเอาดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ไปได้ก็ยังดี แต่หากถูกตระกูลไป๋หลี่ของพวกท่านแย่งไปก่อนก้าวหนึ่ง เกรงว่าคนทั้งโลกก็จะต้องตำหนิที่ตระกูลไป๋หลี่ของท่านว่ากระทำการไม่เป็นธรรม ท่านว่าใช่หรือไม่?”
“ท่าน…..”
ไป๋หลี่เฉิงโกรธจนแทบกระอักเลือด
นังเด็กชั่วนี่
ใกล้จะตายอยู่แล้ว คิดไม่ถึงว่ายังจะสร้างความร้าวฉานอีก
ทุกพรรคต่างพากันพยักหน้าเห็นด้วย
ไม่มีใครอยากให้กู้ชูหน่วนถูกพาไปที่ตระกูลไป๋หลี่
ไป๋หลี่เฉิงคนเดียวกดดันทุกคนไม่ได้ ทำได้เพียงเห็นด้วยด้วยความยินดี
“ยัยอัปลักษณ์…..”
เซียวหยู่เซวียนขมวดคิ้วแน่น ส่ายหน้าไม่หยุด
ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สองดอกนั่นถูกเขากินไปหมดแล้ว
นางจะเอาดอกบัวศักดิ์สิทธิ์มาจากที่ไหน?
หากว่าถูกพวกเขารู้ว่านางหลอกปั่นหัว เกรงว่านางจะทรมานเหมือนตายทั้งเป็น
“มีชีวิตอยู่ก็ดีกว่าตาย”
กู้ชูหน่วนส่งสายตาให้ บอกใบ้ให้เขามีชีวิตต่อไปให้ได้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
เซียวหยู่เซวียนเปิดปากก็กระอักเลือดออกมา
อาการบาดเจ็บของเขาหนักมาก แม้ว่าหมอเทวดาจะอยู่ในโลก เกรงว่าก็คงจะรักษาเขาไม่ได้แล้ว
แต่ว่า สามารถถ่วงเวลาได้ระยะหนึ่ง ก็ถ่วงเวลาให้มากอีกระยะหนึ่ง
บางที…..เย่จิ่งหานอาจจะมาถึงเดี๋ยวนี้แล้ว…..
ไป๋หลี่เฉิงกล่าว “ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่ยอมปล่อยเซียวหยู่เซวียน แต่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสเกินไป เดินจากไปไม่ได้”
“พวกเจ้าช่วยเขารักษาบาดแผลก่อน แล้วให้คนส่งเขาไปที่เย่จิ่งหาน หากว่าเขาตาย พวกเจ้าก็อย่าคิดจะได้ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ไป”
“นังเด็กบ้า เจ้าหลอกพวกเรารึ เจ้าไม่เห็นหรือว่าเขาบาดเจ็บสาหัสขนาดนั้น? ใครจะช่วยเขาได้?”
“ข้าไม่ได้ให้พวกเจ้ารักษาให้เขาหายดีสักหน่อย พวกเจ้าเพียงแค่ทำตามที่ข้าบอก อย่างอื่นก็ไม่ลำบากพวกเจ้าแล้ว”
ซ่างกวนชิงสั่งให้คนไปเชิญหมอมา ให้หมอรักษาบาดแผลของเซียวหยู่เซวียน
นอกประตู ชายผู้หนึ่งที่มีราศีอันแข็งแกร่งน่าเกรงขามล้อมรอบไปด้วยผู้คนคอยอารักขามากมายเดินเข้ามา
ยังมาไม่ถึง เสียงของเขาก็มาก่อนแล้ว
“ไม่ต้องลำบากแล้ว ข้าจะใช้วิชาเสาะหาวิญญาณต่อหน้าทุกคน”
“เป็นเจ้าบ้านไป๋หลี่ เจ้าบ้านไป๋หลี่มาแล้ว”
ทุกคนอุทานด้วยความตกใจ ต่างพากันหลีกทางให้ ใบหน้าของไป๋หลี่เฉิงเผยความดีอกดีใจออกมา
“คารวะท่านเจ้าบ้าน”
เจ้าบ้านไป๋หลี่โบกมือ ส่งสัญญาณให้พวกเขาลุกขึ้น ตัวเองกลับมองดูกู้ชูหน่วนและเซียวหยู่เซวียนที่กำลังจะหมดลมอย่างเฉยเมย ปากพ่นคำคำหนึ่งออกมาอย่างเย็นชา “ตั้งค่ายกล”
ฉีโส่วแปดคนโบกธง ไม่รู้ว่าปากของพวกเขาพึมพำอะไร กลางอากาศก่อตัวเป็นกระแสลมแรงกระแสหนึ่ง
ดวงตาของกู้ชูหน่วนหม่นหมองลง “วันนี้พวกเราจะตายอยู่ที่นี่ด้วยกันจริงๆแล้วงั้นหรือ?”
“กลัวหรือ?” เซียวหยู่เซวียนกุมมือนางกลับ
“มีอะไรให้กลัว เพียงแค่รู้สึกไม่ยอม ตระกูลมู่ร้อยกว่าชีวิตถูกฆ่าตายอย่างไม่ยุติธรรมโดยเปล่าประโยชน์เช่นนี้ ข้าไม่เพียงช่วยหาฆาตกรตัวจริงให้พวกเขาไม่ได้เท่านั้น แม้แต่ศพก็ช่วยเก็บให้พวกเขาไม่ได้”
เซียวหยู่เซวียนรู้สึกเจ็บปวดใจในทันที
ใช่แล้ว
เขาก็รู้สึกไม่ยอมเช่นกัน
ฆาตกรที่ฆ่าล้างคนตระกูลเซียว จนวันนี้ก็ยังไม่ถูกตัดหัว
เผ่าเทียนเฟิ่นก็ยังไม่ได้ถูกทำลายล้างไปโดยอย่างสมบูรณ์
ยัยอัปลักษณ์ก็ยังไม่ฟื้นคืนชีพ
เขายังมีความไม่ยอมอีกมากมาย
“พวกเขา…..จะเข้าใจเจ้า”
เมื่อเห็นว่าค่ายกลกำลังก่อตัว สิบนิ้วมือของเซียวหยู่เซวียนและกู้ชูหน่วนจับกันไว้แน่น พร้อมตายโดยไม่หวั่นเกรง
ระลอกคลื่นหมุนเร็วขึ้นเรื่อยๆ พลังอันแข็งแกร่งดูดกู้ชูหน่วนเข้าไป แทบจะในเวลาเดียวกัน ฝ่ามือหนึ่งของเจ้าบ้านไป๋หลี่ก็ฟาดไปที่กระหม่อมของเซียวหยู่เซวียนอย่างรุนแรง