ก็ไม่รู้ว่ากู้ชูหน่วนได้ยินคำพูดของชิงเฟิงหรือไม่ เพียงแต่ปิดตาลงด้วยความเศร้าหมองเท่านั้น กลิ่นอายอันโศกสลดแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย
ชิงเฟิงไม่คุ้นชินเล็กน้อยกับท่าทางที่โศกเศร้าเหงาหงอยเช่นนี้ของนาง น้ำเสียงก็อ่อนลงไปไม่น้อย
“หากว่าครอบครัวของท่านยังมีชีวิตอยู่ ก็จะต้องหวังให้ท่านมีชีวิตต่อไปให้ดีเป็นแน่”
กู้ชูหน่วนกำมือทั้งสองข้างแน่น ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง กลิ่นอายอันโศกสลดบนตัวหายวับไปหมด เป็นความเด็ดเดี่ยวเข้ามาแทนที่
นางพยายามลองลุกขึ้นหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็ล้มเหลว บาดแผลบนร่างกายของนางถูกดึงปริออกหมดแล้ว เลือดสดไหลออกมาเล็กน้อย “ท่านไม่อยากอยู่แล้วหรือ? ไม่ง่ายกว่านายท่านจะดึงพวกท่านกลับมาจากประตูนรกได้ อย่าได้ขยับอีก”
กู้ชูหน่วนล้มเลิกแล้ว
สังเกตมองบาดแผลรอบๆตัวเอง หนักกว่าทุกครั้งที่นางเคยเป็นมา
นางต้องการเวลาพักฟื้น
“ประคองข้าขึ้นมา ไปดูเซียวหยู่เซวียนหน่อยได้หรือไม่?”
“นายท่านรู้อยู่แล้วว่าท่านต้องจะไม่วางใจคุณชายเซียว ดังนั้นจึงจัดให้ท่านอยู่ห้องเดียวกับเขา นู้น”
ชิงเฟิงยกผ้าม่านขึ้น เซียวหยู่เซวียนกำลังนอนอยู่บนเตียงอีกหลังด้านหลังม่าน
ดวงตาทั้งคู่ของเขาปิดสนิท สีหน้าเขาซีดเซียว บนตัวมีผ้าพันแผลพันรอบร่างกายอยู่ไม่น้อย จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะตื่น
“ประคองข้าไปหน่อย”
“ไม่ได้ ท่านขยับตัวไม่ได้แล้ว”
“เช่นนั้นก็ช่วยหาเชือกมาให้ข้าหน่อย ปลายข้างหนึ่งมัดที่ชีพจรของเขา ปลายอีกด้านเอาให้ข้า”
“นี่…….ก็ได้”
ชิงเฟิงทำตามที่นางพูด เอาปลายเชือกสีแดงด้านหนึ่งให้นาง
“คุณชายเซียวและจอมมารเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของพระชายา แม้ว่าตัวนายท่านเองจะตาย ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้ชีวิตของคุณชายเซียวอยู่ในอันตราย ท่านยังไม่ไว้ใจนายท่านอีกรึไง”
กู้ชูหน่วนไม่เข้าใจความสัมพันธ์บุญคุณความแค้นก่อนหน้านี้ของพวกเขา และไม่อยากรู้ด้วย
นางไม่เชื่อใจใครทั้งสิ้น เชื่อเพียงแค่ตัวเองเท่านั้น
ฟังชีพจรของเซียวหยู่เซวียนผ่านเชือก
กู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ “พวกเจ้าให้เขากินยาระดับแปด?”
“จะไม่ใช่ได้ไงล่ะ นั่นเป็นของที่เผ่าหยกมอบให้กับนายท่านก่อนที่จะมาแคว้นปิง ทั้งหมดมีแค่สองเม็ด ไม่ว่าจะบาดเจ็บหนักเพียงใด นายท่านก็ตัดใจกินไม่ลง ยาสองเม็ดนั่น ไม่ได้เป็นเพียงยาระดับแปดที่ล้ำค่าและหาได้ยาก ไม่สามารถประเมินราคาได้เท่านั้น แต่ยิ่งกว่านั้นก็เพราะเป็นยาที่พระชายาหลอมออกมาได้ก่อนหน้านี้”
“ระดับแปด……พระชายาของเจ้าจะต้องมีวิชาหลอมยายอดเยี่ยมมากเพียงใด” เย่จิ่งหานลงทุนไปมากจริงๆ
ตอนนี้กู้ชูหน่วนเพิ่งจะรู้สึกได้ว่าชีพจรตันเถียนของตัวเองอบอุ่นสบาย น่าจะเป็นเพราะฤทธิ์ของยาระดับแปดเช่นกัน
หากไม่มียาระดับแปด เกรงว่านางและเซียวหยู่เซวียนคงจะเสียชีวิตไปนานแล้ว
กู้ชูหน่วนพูดขึ้นด้วยความอ่อนแอ “เขายังไม่ได้รอดพ้นจากอันตรายโดยสมบูรณ์”
“นายท่านทำดีที่สุดแล้ว”
เมื่อมองไปทางเซียวหยู่เซวียนที่มีลมหายใจอ่อนแรง ใบหน้าซีดเผือด ก็นึกถึงตอนที่เขาเสียสละชีวิตเพื่อช่วยนางบนหุบเขาอสูร ปกป้องนางไว้ด้วยชีวิตของเขาในจวนมู่ กู้ชูหน่วนรู้สึกว่าตัวเองติดค้างหนี้เซียวหยู่เซวียนมากเกินไปแล้ว
“ครืน……”
พื้นดินสั่นสะเทือนสองสามครั้ง ลมเมฆนอกหน้าต่างเปลี่ยนไป แม้จะห่างกันไกลมาก ก็สามารถสัมผัสได้ถึงระดับความดุเดือดของสงครามใหญ่
สีหน้าของชิงเฟิงเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก ไม่ทันได้สนใจกู้ชูหน่วน รีบวิ่งไปด้านหน้าหน้าต่างด้วยความรีบร้อนทันที
ท้องฟ้าแจ่มใสถูกปกคลุมด้วยเมฆดำอย่างกะทันหัน อุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว เย็นจนผู้คนอดที่จะกระชับเสื้อผ้าไว้ไม่ได้
ครู่เดียวพยับเมฆดำทะมึนก็สลายไป อีกครู่เดียวก็มารวมกันอีก มาพร้อมด้วยลมกรรโชกฟ้าร้อง จากนั้นก็เป็นฝนกระหน่ำเทลงมาทันที
จิตใจของกู้ชูหน่วนจมลงสู่ก้นบึ้ง
เวินเส้าหยีรู้จักการป้องกันน้ำ
ด้านนอกเป็นเวินเส้าหยีดังคาด
แม้จะเดาว่าเป็นเวินเส้าหยีไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่จิตใจของกู้ชูหน่วนก็ยังรู้สึกหนักอึ้งขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้
ทุกพรรคใหญ่ในโลกรุมประณาม
แม้แต่ทหารขุนนางก็ไล่ล่า
บวกกับเวินเส้าหยีเข้าไปอีกผู้หนึ่ง
ฟังน้ำเสียงของชิงเฟิง อำนาจของเวินเส้าหยีไม่ได้อ่อนแอ
ภายใต้การโจมตีขนาบสามด้าน ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าเย่จิ่งหานจะสูญเสียพลังลมปราณไปอย่างมากมายเพื่อช่วยพวกเขารักษา
แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพขั้นสูงสุด ก็ไม่สามารถที่จะสู้ชนะคนมากมายขนาดนั้นได้